บทที่ 50 การขัดขวางของเว่ยฉิง
“เฉาเหล่าเอ้อร์ ! เจ้าเป็นฮ่องเต้หรือจึงได้มาออกคำสั่งไม่ให้พวกเราซ่อมถนน! ช่างน่าชังนัก!”
ชายคนนั้นพูดใส่เฉาเหล่าเอ้อร์ จากนั้นอีกฝ่ายก็คว้าคอเสื้อเขาแล้วโยนชาวบ้านลี่เจี่ยผู้นั้นลงไปกองกับพื้น เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายมากขึ้น คนจากหมู่บ้านลี่เจียเริ่มพากันโกรธ ส่วนคนจากหมู่บ้านเฉาเจียก็ตั้งท่าที่จะใช้กำลัง ในตอนนั้นเองหลี่ฟู่กุ้ยจึงพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร เฉาเหล่าเอ้อร์เจ้าอย่าทำร้ายใครเลย พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจะมาทะเลาะกันไปทำไม?”
“หัวหน้าหมู่บ้านลี่เจียคิดว่าควรทำอย่างไรหรือ?” เฉาเหล่าเอ้อร์ พูดพลางถลกแขนเสื้อขึ้น
“เอาแบบนี้ดีหรือไม่? พวกเราจะไม่ซ่อมแซมถนนเส้นนี้ แต่จะให้เกาฉุยหงชดเชยเฉาเสี่ยวกุ้ยเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึง ให้มันจบลงเช่นนี้จะดีกว่า ส่วนพวกเจ้าก็อย่าทำลายถนนนี้เลย”
หลี่ฟู่กุ้ยกล่าววาจาเกลี้ยกล่อม สุดท้ายชาวบ้านพวกนี้ก็ต้องพึ่งเขาคอยแก้ปํญหาความขัดแย้งให้ ถ้าไม่มีเขาสักคน หมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไร!
“ร้อยตำลึง? เจ้าแอบมาสร้างถนนลับหลังข้าเช่นนี้ แน่นอนตอนนี้มันไม่ใช่ราคานั้นอีกต่อไปแล้ว!!” เฉาเหล่าเอ้อร์พูดขึ้นอย่างเผ็ดร้อน
หลี่ฟู่กุ้ยเหลือบมองคนในหมู่บ้านของตน โดยเฉพาะถังหลี่เขาจ้องไปที่นาง เรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะสตรีผู้นี้! นางคือดาวหายนะของหมู่บ้านลี่เจี่ย!
“ถ้าอย่างนั้น สองร้อยตำลึงให้เกาฉุยหงจ่ายหนึ่งร้อยตำลึง และภรรยาเว่ยฉิงจ่ายอีกหนึ่งร้อยตำลึง หากไม่ใช่เพราะความคิดนางที่ริเริ่มจะซ่อมแซมถนน เรื่องราวคงไม่เป็นแบบนี้หรอก “
“ผู้ใหญ่บ้าน! ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ฮูหยินเว่ยพูดถูกเราไม่ควรจ่ายเงินให้พวกเขาด้วยซ้ำ!” ใครบางคนในหมู่บ้านลี่เจียคัดค้านทันที
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็คุยกับเฉาเหล่าเอ้อร์เองก็แล้วกัน” หลี่ฟู่กุ้ยเหลือบมองไปที่ชายผู้นั้น ตอนนี้เขาไม่คิดจะห้ามปรามอีกต่อไป ปล่อยให้พวกชาวบ้านไม่พอใจจนต้องใช้กำลังเข้าสู้กันเองเถิด เมื่อสู้ไม่ได้แล้ว พวกชาวบ้านจะรู้…ว่าข้อเสนอของเขานั้นดีที่สุดแล้ว
แน่นอนว่าหลี่ฟู่กุ้ยรู้ดีว่าเฉาเหล่าเอ้อร์แข็งแกร่งแค่ไหน เขาเคยเห็นชายผู้นี้ทุบตีผู้คนจนเกือบตาย ต่อให้ชาวบ้านรวมตัวกันก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ ขณะที่หลี่ฟู่กุ้ยกำลังรอชมความบันเทิงอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นว่า
“เฉาเหล่าเอ้อร์! เจ้ามาคุยกับข้านี่ !” น้ำเสียงก้าวร้าวดุดันเต็มไปด้วยโทสะจนทำให้ผู้คนตกตะลึง ถังหลี่ที่กำลังคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้นมา
เว่ยฉิง! สามีข้า!
หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้น นางเห็นเว่ยฉิงทันที เป็นเพราะเขาตัวสูงและดูโดดเด่น ชายหนุ่มไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังของเขามีบุรุษกำยำอยู่ด้วยประมาณหกหรือเจ็ดคน ทุกคนตัวสูงใหญ่ร่างกายบึกบึน
เว่ยฉิงเดินไปหาเฉาเหล่าเอ้อร์ด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง
“เฉาเหล่าเอ้อร์ มือของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”
ใบหน้าที่เคยเย่อหยิ่งจองหองของเฉาเหล่าเอ้อร์เปลี่ยนสีไปทันที เฉาเหล่าเอ้อร์ผู้เก่งกาจต่อสู้กับใครก็ไม่เคยพ่ายแพ้ มีเพียงแค่เว่ยฉิงคนเดียวเท่านั้นที่เขากลัว ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามที่จะแย่งเหยื่อที่เว่ยฉิง ล่ามาได้ แต่ชายหนุ่มกลับหักมือเขา ! เฉาเหล่าเอ้อร์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตอกฝาโลงให้ตายไปกับตัวเขา เมื่อวันนี้เขาเห็นเว่ยฉิงอีกครั้ง เขารู้สึกประหม่า กลัวว่าเว่ยฉิงจะพูดเรื่องน่าอายของเขาออกมา จนชาวบ้านรู้กันทั่ว !
แต่โดยปกติแล้วเว่ยฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหมู่บ้านลี่เจียมากนัก เขามักทำตัวเอ้อระเหยไม่สุงสิงกับผู้ใด เฉาเหล่าเอ้อร์จึงไม่สนใจชาวบ้านลี่เจีย หากแต่พุ่งเป้าไปที่เว่ยฉิงแทน
“เจ้าจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้หรือ?”
“ใช่.. ข้าจะดูแลหมู่บ้านลี่เจียของข้าเอง!” เว่ยฉิงเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี ทำให้ผู้คนพากันเกรงขาม
ทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน ชาวหมู่บ้านลี่เจียเป็นห่วงเว่ยฉิง เขาเป็นคนสันโดษไม่ค่อยคบหากับใครในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้พวกชาวบ้านต้องเข้าข้างเว่ยฉิงไว้ก่อน เพื่อชัยชนะของพวกเขานั่นเอง !
มีเพียงหลี่ฟู่กุ้ยเท่านั้นที่กำลังรอให้เฉาเหล่าเอ้อร์เอาชนะเว่ยฉิงให้ได้ เดิมทีเขาก็ไม่ได้ชอบเว่ยฉิงอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังมีถังหลี่ภรรยาของเขาที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ให้เขาโดนทุบตีเสียบ้างน่าจะดี!
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ทำให้ดีก็แล้วกัน ” เฉาเหล่อเอ๋อร์เสียงอ่อนลงทันที
“เจ้าจะขัดขวางการสร้างถนนของพวกข้าหรือไม่?” เว่ยฉิงหรี่ตาเอ่ยถามอีกฝ่าย ท่าทางเขาดูน่ากลัวไม่น้อย เล่นเอาเฉาเหล่าเอ้อร์ถึงกับผงะไป ในที่สุดเขาก็เอ่ยพึมพัมออกมาว่า
“วันนี้แดดแรงจริง ๆ! งั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว พวกเจ้ากินข้าวกันต่อเถิด “
ว่าแล้วเฉาเหล่าเอ้อร์ก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับพวกพ้องของเขา
ชาวบ้านลี่เจียพากันตกตะลึง ทำไมเรื่องนี้ถึงได้จบลงง่ายดายอย่างนี้เล่า ? สายตาทุกคู่ของชาวบ้านต่างพากันมองชายฉกรรจ์ที่อยู่เบื้องหลังของเว่ยฉิง หรือพวกเขาจะหวาดกลัวคนเหล่านี้… แต่อย่างไรก็ตามเรื่องวุ่นวายนี้ก็จบลงด้วยดี ชาวบ้านทุกคนพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่มีอะไรแล้ว…ไปทำงานกันต่อเถิด” พวกเขาคุยทักทายกันสองสามคำจากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ ส่วนเว่ยฉิงยังยืนจ้องหน้าหลี่ฟู่กุ้ย จนอีกฝ่ายรู้สึกละอายแก่ใจจนต้องหันหลังเดินกลับบ้านไป เว่ยฉิงจึงได้หันกลับมาหาภรรยาต้วน้อยของเขา สีหน้าของชายหนุ่มดูละมุนอ่อนโยน เขายิ้มให้นาง
“ภรรยา ..”
ถังหลี่แปลกใจจนต้องถามเขา
“เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้เล่า ? “
“ข้าได้ยินว่าจะมีการสร้างถนนที่หมู่บ้าน ข้าเลยขออนุญาตท่านเซี่ย เขาให้ข้าพาคนเหล่านี้มาช่วยด้วย “
คนที่อยู่ด้านหลังของเว่ยฉิงทักทายภรรยาของหัวหน้าเว่ย คนแรกที่ยืนถัดจากชายหนุ่มเป็นบุรุษที่แข็งแรงราวกับขุนเขา ตัวเขาใหญ่กว่าเว่ยฉิงถึงสองเท่า
“ฮูหยิน ข้าชื่อเหลยเป้า!” คนผู้นั้นทักทายอย่างซื่อ ๆ เหลยเป้าไม่กล้าจ้องมองถังหลี่มากนัก เพราะกลัวเว่ยฉิงจะหันมาทุบตีเขา เขาเลยเลือกที่จะหันไปมองถังใส่ขนมข้างกายหญิงสาวแทน
“ฮูหยิน มีขนมหวานหรือ? ขอข้ากินบ้างได้หรือไม่?”
ถังหลี่ตักขนมแจกพวกเขาทันที เมื่อได้ขนมไปคนละถ้วย พวกเขาก็เดินจากไปปล่อยให้เว่ยฉิงยืนอยู่กับถังหลี่เพียงสองคน
เว่ยฉิงนั่งอยู่ในทิศที่พระอาทิตย์สาดแสงส่องมาถึง รูปร่างที่ใหญ่โตของเขาทำให้เกิดร่มเงาจนถังหลี่สามารถหลบแดดได้อย่างพอดี เว่ยฉิงซดขนมทั้งชามลงท้อง ส่วนหญิงสาวจิบกินไปแค่สองคำเท่านั้น พอเห็นเขากินหมดนางจึงส่งชามขนมที่เหลือให้เขา เขารับไปกินต่อ แต่ช้าลงกว่าเดิมมาก ราวกับค่อย ๆ ละเลียดขนมหวานถ้วยนั้น
“ขนมหวานที่เจ้าทำ… หวานมาก” เว่ยฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ชายหนุ่มรีบกินของหวานจนหมดแล้วเริ่มทำงาน
เว่ยฉิงถอดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ตอนนี้ยิ่งดูแข็งแกร่งมากขึ้น เดิมทีถังหลี่ตั้งใจจะกลับทันทีที่แจกถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้ชาวบ้าน แต่เมื่อเว่ยฉิงอยู่ที่นี่ ทำให้นางลังเลที่จะกลับไปตอนนี้
ยังเร็วเกินไปกว่าที่จะกลับไปทำอาหารเย็น นางจึงตัดสินใจนั่งรอเขา สายตาของถังหลี่จับจ้องไปที่เว่ยฉิงอย่างไม่รู้ตัว
นางไม่ได้พบชายหนุ่มมานานแล้ว ตอนนี้เขาดูแข็งแกร่งกว่าเดิม เมื่อเขาออกแรงผลักก้อนหินออกไป เส้นเลือดที่แขนก็ปูดโปนขึ้นมา หยาดเหงื่อที่ไหลไปตามผิวสีแทนน้ำผึ้งของเว่ยฉิงยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์…