เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 52 ตกแต่งบ้าน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 52 ตกแต่งบ้าน

ทั้งสองไปดูบ้านทั้งหมดสามหลังด้วยกัน หลังแรกนั้นอยู่ใกล้จวนสกุลเซี่ยมาก มีลานหน้าบ้านเป็นอิฐราคาอยู่ที่สองร้อยตำลึง หลังที่สองอยู่ในเขตของตลาดมีลานหน้าบ้านเล็กกว่าและมีราคาอยู่ที่สามร้อยตำลึง หลังสุดท้ายอยู่ใกล้สำนักหงเหวิน ไม่มีลานบ้านแต่ราคาเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเท่านั้น

ถังหลี่มองไปรอบ ๆ บริเวณบ้านก่อนจะตัดสินใจเลือกหลังที่ใกล้จวนสกุลเซี่ยในราคาสองร้อยตำลึง บ้านหลังนี้เป็นการก่อสร้างรูปแบบเรือนสี่ประสาน[1] มีลานกว้างตรงกลางบ้าน ในลานมีบ่อน้ำ ตัวบ้านสภาพค่อนข้างใหม่และมีเครื่องใช้ในครัวเรือนครบครัน ถังหลี่สามารถปลูกดอกไม้ในสวนได้อีกด้วย บ้านหลังนี้เป็นของญาติผู้หนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องเว่ยฉิง ครอบครัวนี้ประสบปัญหาเงินขาดมือจึงรีบขายมัน ดังนั้นสองร้อยตำลึงจึงถือว่าถูกมาก ทั้งสองคนรีบตกลงซื้อบ้านทันที ก่อนจะพากันไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อโอนกรรมสิทธิ์

ถังหลี่มองไปยังตัวบ้านทั้งภายนอกและภายในด้วยความพึงพอใจปนความรู้สึกแปลกประหลาด นี่คือบ้านของนางและเว่ยฉิง…

“อีกสักพัก …รอข้าซ่อมแซม ทำความสะอาด กับดูเครื่องใช้ภายในบ้านเล็กน้อย แล้วเจ้าค่อยย้ายเข้ามานะภรรยา” เว่ยฉิงกล่าว หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะกำชับเพิ่มเติมว่า

“อย่าทาสีบ้านนะ แล้วก็เลือกเครื่องเรือนที่ไม่ใช้สีเคลือบไม้ด้วย มันไม่ดีต่อเด็ก ๆ” ในสมัยนี้ไม่มีสีทาบ้าน มีแต่สีเคลือบไม้แต่มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเด็ก ๆ แม้ว่าการไม่ใช้สีเคลือบไม้จะทำให้เครื่องเรือนเสื่อมสภาพเร็วก็ตาม แต่สุขภาพของลูก ๆ ต้องมาก่อนเสมอ

“ได้สิ” เว่ยฉิงจดมันลงไป

แต่การซ่อมแซมบ้านต้องใช้เงิน ชายหนุ่มไม่มีเงินติดตัวเลย ถังหลี่จึงหยิบเงินยี่สิบตำลึงจากถุงเงินมอบให้เว่ยฉิง ชายหนุ่มรับมันไปด้วยความดีใจ เขารู้สึกสนุกกับการที่มีภรรยามาคอยควบคุมการใช้เงิน บรรดาลูกน้องของเขาที่แต่งงานแล้วมักจะพูดว่าภรรยาของพวกเขาขี้หงุดหงิดมากแต่ก็ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เว่ยฉิงหวังว่าภรรยาของเขาจะเป็นแบบนั้นบ้าง เพราะมันทำให้เขารู้สึกได้ว่าถังหลี่ห่วงใยเขา

ถังหลี่หยิบเงินห้าตำลึงมอบให้ชายหนุ่มอีกครั้ง

“ภรรยา…เหตุใดเจ้าจึงให้เงินข้าเพิ่มอีก? ”

“เรื่องบ้านหลังนี้และการสร้างถนนครั้งก่อน ล้วนเป็นความยากลำบากของลูกน้องเจ้า เอาเงินนี้ไปเลี้ยงเหล้าเลี้ยงอาหารพวกเขาเถิด”

เมื่อเว่ยฉิงคิดตามคำพูดของถังหลี่ ก็ถูกของนาง…บุญคุณและน้ำใจเป็นสิ่งสำคัญในการสานความสัมพันธ์ หากติดหนี้น้ำใจเขา ก็ต้องชดใช้คืน คราวหน้าเมื่อต้องการความช่วยเหลือ จะได้มีผู้อื่นหยิบยื่นน้ำใจมาให้อย่างง่ายดาย ภรรยาของเขาช่างคิดการณ์ไกล ไม่น่าแปลกใจที่จะมีคำกล่าวว่า หากได้ตบแต่งกับคู่ครองที่ดี จะพาชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง

“ตกลง”

เว่ยฉิงรับมันไปอย่างมีความสุข เขาใช้โอกาสนี้ลอบจับมือของหญิงสาว ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง เขารู้สึกอยากกอดภรรยาเหลือเกิน… แต่ด้วยเพราะเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ตนอุ้มอยู่ทำให้เขาได้แต่คิดเท่านั้น หากเมื่อไหร่ที่ภรรยาย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองแล้วล่ะก็ เขาสัญญาว่าจะกอดนางไม่ปล่อยเลยทีเดียว!

เมื่อเห็นว่าใกล้พลบค่ำแล้วถังหลี่จึงพาลูกๆ กลับไปที่หมู่บ้านลี่เจีย หญิงสาวนำขนมที่หอบหิ้วมาจากในเมือง ไปฝากทุกคนที่โรงงานผลิตถุงหอม ก่อนจะแจ้งข่าวเรื่องที่นางจะย้ายไปอยู่ในตัวเมือง หลังจากนี้คงจะต้องรบกวนหมอซูและฮูหยินซูอย่างมาก แต่ทั้งสองกลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาต่างยินดีไปกับนางด้วย

“ต้าเป่าเรียนหนังสือในตัวเมือง และเว่ยฉิงก็ทำงานในเมือง การที่เจ้าย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองน่าจะสะดวกกว่า” หมอซูกล่าว

“สามีภรรยาควรอยู่ด้วยกันให้มากขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น” ฮูหยินซูกล่าวเสริม คำพูดนั้นช่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง ใบหน้าของถังหลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ หญิงสาวพยักหน้ารับ

“ส่วนโรงงานผลิตถุงหอมแห่งนี้เจ้าวางใจเถิด มีข้าและไท่หยวนอยู่ พวกเราสองคนจะดูแลมันเป็นอย่างดี”

ข่าวคราวการซื้อบ้านในตัวเมืองของเว่ยฉิงและถังหลี่แพร่กระจายไปในหมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว

“หลังจากเว่ยฉิงแต่งงานกับภรรยาของเขา ชีวิตก็เจริญขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ ลูกชายก็ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาเรียนตอนนี้ก็ซื้อบ้านในเมืองอีก”

“ใช่ ข้าคิดว่าภรรยาของเว่ยฉิงคือดาวนำโชคขนานแท้ เจ้าคิดว่านางเป็นนางฟ้าหรือเปล่านะ? คนธรรมดาจะงดงามได้ขนาดนี้เชียวหรือ? ”

ตู้เสี่ยวเหอเดินเข้ามาในวงสนทนาอย่างหงุดหงิดก่อนจะแทรกขึ้นว่า

“ใครจะรู้ นางมีเงินขึ้นมาได้ เพราะไปทอดกายให้ผู้ชายที่ร่ำรวยก็เป็นได้ ดูท่าทางของนางสิ ไม่รู้ว่าไปนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้ว!”

“ตู้เสี่ยวเหอเจ้าอย่าปากพล่อยนะ ภรรยาของเว่ยฉิงไม่ใช่คนแบบนั้น”

“ใช่ อย่าพูดไม่คิดแบบนี้ ถ้าเรื่องที่เจ้าพูดมันแพร่กระจายไป…ฮูหยินเว่ยจะเสียชื่อเสียงได้!”

“เพราะพี่สาวเว่ยแท้ ๆ ถนนเส้นนี้จึงถูกซ่อมแซมขึ้นมา ข้ารู้สึกขอบคุณนางจากใจจริงของข้า แม้นางจะร่ำรวยทำเงินได้มากแต่ก็ยังไม่ลืมจะที่ช่วยเหลือพวกเรา!”

“หากไม่หยุดพล่ามล่ะก็ ปากแตกแน่!”

แม้ว่าสตรีเหล่านี้จะอิจฉาในรายได้ของถังหลี่เล็กน้อย แต่พวกนางก็แยกแยะถูกผิดได้ ถังหลี่ทุ่มเทอย่างมากในการซ่อมแซมถนน เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วน้ำหนักของถังหลี่ภายในใจของพวกนางจึงมีมากพอสมควร พวกนางพร้อมออกโรงปกป้องถังหลี่และไม่อยากจะเสวนากับตู้เสี่ยวเหอมากนัก

…..

สิบวันต่อมา เมื่อถังหลี่เข้าไปในเมืองอีกครั้งก็พบว่าบ้านที่เพิ่งซื้อนั้นถูกซ่อมแซมจนเหมือนใหม่ ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ลานบ้านโล่งสะอาด ภายในถูกปัดกวาดเช็ดถูไม่เหลือคราบฝุ่น เครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ถูกวางไว้อย่างครบครัน

ในห้องนอนหลักมีเตียงแกะสลักและโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านข้างเป็นห้องนอนสี่ห้อง ในแต่ละห้องจะมีเตียงเดี่ยวสำหรับนอนคนเดียว สองห้องที่มีโต๊ะเขียนหนังสือวางอยู่ย่อมเป็นของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย ส่วนห้องที่มีผ้านวมสีชมพูและตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ นั้นเป็นของบุตรสาวอย่างซานเป่า ส่วนห้องของเอ้อร์เป่านั้นยังไม่เป็นระเบียบนัก ภายในมีของเล่นและของใช้ของเด็กชายกระจัดกระจายอยู่ ห้องครัวก็พร้อมแล้วมีทั้งหม้อ ไห กระทะ หรือแม้แต่ไม้ฟืน

เพียงแค่ย้ายเข้ามาก็พร้อมอยู่ได้เลย

“ท่านแม่ ข้ามีห้องของตัวเองแล้ว” ซานเป่ามีความสุขมาก นางวิ่งไปหาถังหลี่และกอดต้นขาของมารดาไว้

“มีเจ้าเป็ดบนผ้าห่มด้วย ข้าชอบมันมาก ๆ” ซานเป่าในชุดเสื้อคลุมสีชมพูเหมือนก้อนแป้งสีขาว ๆ นางมีพวงแก้มที่อวบอิ่มและดวงตากลมโตส่องประกาย ซึ่งทำให้ถังหลี่เอ็นดูเด็กหญิงมาก หญิงสาวบีบแก้มอวบของนางเบา ๆ

“อีกสองสามวันเราจะย้ายเข้าบ้านดีหรือไม่? ”

หัวเล็ก ๆ ของซานเป่าพยักรัวราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวสาร

“ดีเจ้าค่ะ!”

“ข้าอยากไปดูห้องท่านพี่” ซานเป่าวิ่งด้วยขาสั้น ๆ ของนาง

เว่ยฉิงเดินตามติดหญิงสาวราวกับสุนัขตัวใหญ่ และเมื่อบุตรทั้งสองวิ่งออกไป เขาหันมาที่ถังหลี่และแววตาเปลี่ยนไปราวกับเสือเจ้าเล่ห์

“ภรรยา เมื่อย้ายเข้าบ้านแล้ว เราจะเข้าห้องหอกันดีหรือไม่? ”

เว่ยฉิงพิถีพิถันเลือกเตียงแกะสลักขนาดใหญ่อย่างตั้งใจ มันดูแข็งแรงราวกับไม่มีวันพัง ต่อให้เขาและภรรยาจะมีกิจกรรมที่โลดโผนเพียงใดก็ตาม!

ได้ขึ้นบ้านใหม่อีกทั้งมีภรรยาในอ้อมกอด ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มลิงโลด เขาแทบจะรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว

ถังหลี่ฟาดไปที่ชายกะล่อนตรงหน้า

“เจ้ามันพวกหมกมุ่น!” ถังหลี่พูดอย่างโกรธ ๆ ชายหนุ่มถลาเข้ามาหานางอีกครั้งด้วยท่าทางประจบประแจง

“เปล่านะ เป็นเพราะเจ้างดงามเกินไปดูราวกับลูกท้อที่สุกงอมต่างหากเล่า ”

ถังหลี่ไม่สนใจที่อีกฝ่ายพูดนัก นางกลับเดินไปสำรวจบ้านใหม่ทีละนิด ยิ่งดูนางก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น

“สามี เชิญผู้คนมาดื่มสุราฉลองบ้านใหม่กันเถิด!” ถังหลี่เอ่ยขึ้นมา

ในตอนที่ถังหลี่ทำงานในบริษัท เพื่อนร่วมงานของนางคนหนึ่งได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ เขาเปิดขวดสุราและจัดงานฉลองฤกษ์งามยามดี และเมื่อย้ายเข้าไปอยู่ชีวิตของเขาก็เจริญรุ่งเรือง บ้านหลังนี้เป็นบ้านของนางและเว่ยฉิง มันมีความหมายต่อถังหลี่มาก นอกจากนี้หญิงสาวหวังว่าในอนาคตครอบครัวสกุลเว่ยจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น ดังนั้นการทำตามประเพณีเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นัก

“เอาสิ ข้าจะเชิญแขกมา” เว่ยฉิงพยักหน้า

“ข้าจะชวนคนรู้จักเพิ่มอีกสักสองสามคน” ถังหลี่กล่าว หญิงสาวคาดหวังเอาไว้ในใจว่าเมื่อถึงวันที่กำหนดนางจะย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้อย่างมีความสุข

—————–

[1] เรือนสี่ประสาน คือแบบแผนสำหรับปลูกเรือนพักอาศัยของชาวจีน โดยมีรูปแบบที่นิยมและยึดถือเป็นแบบอย่างคือ ผังบริเวณที่ก่อสร้างจะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งโดยรอบ จะเป็นที่ตั้งเรือนพักอาศัยล้อมรอบทิศทั้งสี่เอาไว้ เว้นพื้นที่ตรงกลางให้เป็นที่โล่ง เหมือนวงแหวนที่มีลักษณะสี่เหลี่ยม ถือเอาที่โล่งว่างกลางบ้านเป็นศูนย์กลาง ข้อกำหนดที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ หน้าบ้านต้องเป็นด้านทิศใต้ อาคารเรือนประธานที่สำคัญที่สุดจะตั้งอยู่ด้านทิศเหนือ หน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ ด้านขวามือซึ่งเป็นทิศตะวันออกและซ้ายมือทิศตะวันตก จะเป็นที่ตั้งเรือนพักอาศัยสำคัญรองลงมา ทิศใต้เป็นที่ตั้งของประตูทางเข้าหลัก เรือนสี่ประสาน อาจจะตีความหมายได้ว่า “ความสมดุลทั้งสี่” หมายถึง ความเหมาะสมถูกต้องทั้งสี่ทิศ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท