บทที่ 62 พูดคุยธุรกิจ
วันนั้นเถียนซื่อไม่ได้เตรียมอาหารเย็นเอาไว้ นางกระสับกระส่ายกับคำพูดของเฉียนกุ้ยอิงจนสามีกลับมาถึงบ้าน จางฮั่วหลง หรือเถ้าแก่จางกลับมาก็พบว่าโต๊ะอาหารว่างเปล่า ชายกลางคนพูดอย่างอารมณ์ดีกับภรรยาว่า
“ฮูหยิน เจ้าไม่สบายหรือเปล่า เช่นนั้นพักผ่อนเสียหน่อยดีหรือไม่ ข้าจะเข้าครัวทำอาหารเอง” เมื่อพูดจบเขาเดินไปที่ห้องครัวทันที ผ่านไปไม่นานนักนางเถียนก็เข้ามา
“ท่านพี่…ท่านทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถิด” ขณะที่พูดมือก็คว้าชามจากสามี
“ตอนแรกข้ารู้สึกไม่สบายนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ออกไปเถอะอย่าได้มาเกะกะข้า” ภายใต้คำพูดกระตุ้นของภรรยา จางฮั่วหลงตัดสินใจเดินออกจากห้องครัวเพื่อไปเล่นกับลูก ๆ ทันที
เถียนซื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความว้าวุ่นใจของตนเอง
ถึงแม้ในใจลึก ๆ แล้วนางต้องการจะถามสามีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวคนนั้น แต่นางก็เลือกที่จะกลืนคำถามพวกนั้นลงคอ ตอนนี้มีเพียงคำบอกเล่าจากเฉียนกุ้ยอิงเท่านั้น เถียนซื่อไม่ได้ไปเห็นมันด้วยตาของตนเอง หากแท้จริงแล้วสามีไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับหญิงสาวผู้นั้นหรือ อาจจะเป็นเพียงแค่การตบมือเพียงข้างเดียวของถังหลี่ มันอาจจะกลายเป็นชนวนเบาะแว้งของครอบครัวนาง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาเกิดรอยร้าวได้…
รอดูไปก่อนเถิด…
นางได้แต่หวังว่าเป็นเฉียนกุ้ยอิงที่พูดจาไร้สาระไปเท่านั้น แค่นางคิดว่าสามีสวมหมวกเขียวทรยศต่อความเชื่อใจของนาง… เถียนซื่อก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
ภายในเรือนหลังข้าง ๆ ที่กั้นด้วยกำแพงอิฐ หลังจากที่ครอบครัวสกุลเว่ยกินอาหารเสร็จ ถังหลี่ต้มน้ำร้อนเพื่ออาบให้เด็กทั้งสอง ถังหลี่จ้างช่างตัดเสื้อทำชุดนอนสำหรับเด็กน้อยให้เป็นพิเศษ เป็นเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงตัวน้อย ๆ หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกทั้งสองแล้ว นางจึงได้พาเด็ก ๆ ขึ้นเตียงห่มผ้านวมอุ่น ๆ ก่อนจะขับกล่อมให้จมลงสู่ห้วงนิทรา
หลังจากเด็กน้อยทั้งสองหลับตาแล้ว นางค่อย ๆ เดินออกจากห้องนอนอย่างเงียบ ๆ เมื่อถังหลี่เดินออกมาแล้วนางจึงเห็นตู้เย่ที่ยืนอยู่ในลานบ้าน ดวงตามองขึ้นไปบนฟากฟ้า รูปลักษณ์ที่หล่อเหลามีชีวิตชีวาของชายหนุ่มถูกแสงดาวส่องประกายระยิบระยับทำให้เขาดูงดงามมากยิ่งขึ้น
สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามลำดับต้น ๆ ในนิยาย เรื่องนี้
ถังหลี่เดินไปยืนด้านข้างของตู้เย่
“วันนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำ ดวงจันทร์เต็มดวง”
“ใช่ แสงจันทร์ส่องสว่าง เหมาะแก่การออกเดินทางในยามค่ำคืน” ตู้เย่เหลือบมองถังหลี่
“ข้ากำลังจะไปจากที่นี่”
“ไปหรือ?” ถังหลี่ประหลาดใจเล็กน้อย
“อาการบาดเจ็บข้าหายดีแล้วและข้าต้องจากไปแล้ว เจ้าคงหักห้ามใจยาก …ข้ารู้ดี ว่าข้าเป็นคนรูปงามแต่ …แม่นางน้อย เจ้าแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ?” ตู้เย่กล่าว
ถังหลี่ “….”
จะว่าไปก็เป็นคนดี แต่ว่าพูดจาแบบนี้…
เดิมที่ถังหลี่ต้องการให้ตู้เย่เป็นอาจารย์ของซานเป่า แต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนแล้วก็ไม่สามารถเอ่ยปากรั้งชายหนุ่มเอาไว้ได้ “เสวียน เซิง ตู้ เย่” คือนักฆ่ามือฉมังที่โหดเหี้ยมเขาย่อมมีเส้นทางของเขาเอง ต่อเมื่อเขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเขาได้
ตอนนี้ความสัมพันธ์ฉันท์อาจารย์กับลูกศิษย์ของเขากับซานเป่าคงยังไม่สามารถมาบรรจบกันได้
ส่วนชะตากรรมที่นอกเหนือจากเนื้อหาในนิยายเล่มนี้ว่าจะเป็นอย่างไรนั้นก็คงไม่มีใครสามารถบอกได้เช่นกัน ตู้เย่เดินไปที่ประตูบ้านเขาโบกมือลาถังหลี่
“ลาก่อน”
ในชั่วพริบตาร่างนั้นก็กระโดดข้ามกำแพงและเร้นกายหายไป หญิงสาวมองไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายจากไปก่อนจะพึมพำพูดออกมาว่า
“หากวันใดที่เจ้าต้องการกลับมา ก็ขอให้รู้ไว้ว่าข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ ที่นี่คือบ้านของเจ้า!”
นอกรั้วกำแพงมีร่างหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ตู้เย่หันกลับพึมพำเบาๆ
“บ้านหรือ?”
คำว่า “บ้าน” ค่อนข้างดึงดูดใจเขาไม่น้อย
…..
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ซานเป่าก็พบว่าท่านลุงใจร้ายของนางหายไปแล้ว เด็กน้อยไม่ได้พูดอะไร หากแววตาของนางเศร้าสร้อยเมื่อคิดได้ว่าหลังจากวันนี้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้อีกแล้ว ตำราวิชาของลุงใจร้ายผู้นั้น ยังคงเปิดไว้ที่หน้าเดิม โดยไม่พลิกเปลี่ยนหน้า…จนผ่านไปอีกนาน โชคดีที่เด็ก ๆ นั้นลืมง่าย นางเศร้าอยู่สองสามวันก่อนจะหันเหไปสนใจในเรื่องอื่น
วันนี้ถังหลี่ได้พบกับเถ้าแก่จางที่หน้าประตู เถ้าแก่จางบอกเล่าถึงความคืบหน้าในเรื่องการซื้อขายสมุนไพรและเขาต้องการพาถังหลี่ไปหาใครบางคน ดังนั้นทั้งสองจึงพากันไปที่ร้านยาของเถ้าแก่จาง
ทันทีที่ทั้งสองเดินจากไป ก็ปรากฏภาพของสตรีสองคนด้านหลังพวกเขานั้นคือเถียนซื่อและเฉียนกุ้ยอิงนั่นเอง
เฉียนกุ้ยอิงใส่ใจกับเรื่องนี้มากกว่าเถียนซื่อผู้เป็นภรรยาของจางฮั่วหลงเสียอีก ทุก ๆ วันนางจะยืนพิงประตูเพื่อฟังการเคลื่อนไหวด้านนอก และเมื่อได้ยินเสียงประตูบ้านข้าง ๆ เปิดออกนางจะแง้มบานประตูออกมามองทันที
หลังจากรอจังหวะสามสี่วัน วันนี้ก็เป็นวันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของนาง ในที่สุดถังหลี่และเถ้าแก่จางก็ได้นัดพบกันแล้ว ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเถียนซื่อ เฉียนกุ้งอิงจำเป็นต้องสงวนท่าทีไว้
สองคนนั้นจะทำอะไรกัน?
คนทรยศ!
ใบหน้าของเถียนซื่อซีดลงอย่างเห็นได้ชัด นางกำลังวิตกกังวล
สาวบ้านนอกหน้าตาสะสวยกับเถ้าแก่วัยกลางคน จะมองเป็นอื่นไปได้อย่างไร?
พวกเขาทำการค้าร่วมกันหรือ? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้!
สามีของเฉียนกุ้ยอิงไม่อยู่บ้านในวันธรรมดา เขาชอบไปเที่ยวสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน เดิมที่เฉียนกุ้ยอิงอิจฉาเถียนซื่อมาก เถ้าแก่จางเป็นคนร่ำรวยและดีกับภรรยามาก เขาไม่เคยมีอนุให้นางต้องขุ่นหมองใจเลย แต่คราวนี้คงเป็นได้แต่เพียงอดีต บุรุษใดเล่าจะเมินเฉยต่อชิ้นปลามันได้ เฉียนกุ้ยอิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างร้ายกาจ
“พี่เถียน ตามไปกันเถอะ! นังเเพศยานั่นตั้งใจจะยั่วยวนเถ้าแก่จางแน่! ข้าต้องทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ท่าน! นังนั่นจะต้องโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ!”
เถียนซื่อโดนเฉียนกุ้ยอิงลากตัวไป หญิงทั้งสองสะกดรอยตามถังหลี่และเถ้าแก่จางไปจนถึงร้านขายยา พวกนางก็พบว่าทั้งคู่ได้เข้าไปในร้านด้วยกัน
“กุ้ยอิง เจ้าบอกว่านาง…เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะแค่ต้องการจะมาซื้อยา?” เถียนซื่อกำผ้าเช็ดหน้าของตนแน่น
“พี่เถียนหากท่านอยากซื้อยาก็มาซื้อได้เลย เหตุใดจึงจะต้องพบกับเถ้าแก่ร้านยาโดยตรงล่ะ?”
“เจ้าพูดถูก” เถียนซื่อขบเม้มริมฝีปากของนาง
“พี่เถียน…ท่านว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่? เข้าไปดูกันดีหรือไม่?”
เถียนซื่อพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน ที่ไป๋เย่าถังกับเฉียนกุ้ยอิงอยู่
“ฮูหยินขอรับ!” ลูกจ้างที่อยู่ในร้านรีบทำความเคารพทันทีเมื่อเห็นนาง
“เถ้าแก่อยู่ไหนหรือ?” เถียนถาม
“เถ้าแก่อยู่กับแม่นางถังด้านในขอรับ” หลงจู๊[1]กล่าว ใบหน้าของเถียนซื่อบิดเบี้ยวขึ้นมาร่างกายของนางสั่นเทิ้ม เฉียนกุ้ยอิงกำลังนึกยินดีกับความโชคร้ายที่เถียนซื่อเจอ อันที่จริงนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนทั้งคู่จะไปไกลกันถึงเพียงนี้ แต่พวกเขากลับอยู่ในห้องสองต่อสองด้วยกัน!
เฉียนกุ้ยอิงโน้มตัวเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่หูของเถียนซื่อว่า
“นังแพศยาไร้ยางอาย…พี่เถียน ท่านควรเรียกผู้คนให้มาดูโฉมหน้านังจิ้งจอกผู้นี้ดีหรือไม่?”
ยิ่งสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โตมากยิ่งขึ้น ถังหลี่ก็จะยิ่งอับอายมากขึ้นเท่านั้น จนท้ายสุดแล้ว นางจะไม่อาจชูคออยู่ในเมืองเหยาสุ่ยได้อีก!
ถึงเวลานั้นนางก็ต้องกระเตงลูก ๆ เดินทางจากไปอย่างสิ้นหวังเพื่อไม่ให้มีเรื่องอื้อฉาวกับลูก ๆ ของนางที่ยังร่ำเรียนหนังสืออยู่
เถียนซื่อจับแขนเฉียนกุ้ยอิงพร้อมกับส่ายหน้า
“เจ้าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่” เถียนซื่อตั้งสติหากทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตแล้วล่ะก็ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นที่จะเสียชื่อเสียงแต่เป็นสามีของนางเถ้าแก่ร้านขายยาผู้นี้อีกด้วย!
เฉียนกุ้ยอิงรุ้สึกผิดหวัง
“ถ้าเช่นนั้นก็เข้าไปดูเถิดว่าพวกเขาทำอะไรกัน! พี่เถียน..มันเหลือทนแล้วนะ! หากท่านยังทนต่อไปล่ะก็ นังจิ้งจอกนั่นคงได้สวมหมวกเขียวให้ท่านแน่!”
เถียนซื่อรู้สึกหงุดหงิด ทำไมนางจะต้องมาขี้ขลาดเอาในเวลาเช่นนี้ด้วย?
นางพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องด้านใน ตามด้วยเฉียนกุ้ยอิงที่เดินตามไม่ห่าง
“ฮูหยิน เถ้าแก่ยังไม่ว่างตอนนี้ขอรับ กรุณารอ..!” หลงจู๊รีบพูด แต่ทว่ามันก็สายเกินไปเสียแล้ว เถียนซื่อผลักประตูห้องรับรองด้านในเข้าไปแล้ว เฉียนกุ้ยอิงรีบเดินตามมาติด ๆ นางกำลังรอดูความตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้น หากแต่เมื่อเห็นฉากภายในห้อง นางก็ตกตะลึงขึ้นมาทันที!
………….
[1] หลงจู๊คือผู้จัดการ