บทที่ 67 หมาป่าตาขาว
หมาป่าตาขาว[1]
เว่ยฉิงกลับมาจากการอาบน้ำเย็นจนภายในกายของเขาสงบลงมาก เมื่อเข้ามาในห้องถังหลี่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างวันให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องที่นางตัดสินใจซื้อกิจการของเป่าชิงเก๋อ นางเล่าให้สามีฟังทุกอย่างเกี่ยวกับงานใหญ่ของนางในครั้งนี้
เว่ยฉิงไม่มีความเห็นแย้งใด ๆ เขาเชื่อว่าภรรยาของเขาเป็นคนมีเหตุผล แต่เขาก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ภรรยา เจ้าซื้อเป่าชิงเก๋อเพื่อช่วยแม่นางหลู่ให้รอดพ้นจากความยากลำบากในครั้งนี้หรือ?”
“ไม่ ข้าไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ถึงข้าจะนำเงินห้าร้อยตำลึงเพื่อช่วยเหลืออาชิงอย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ข้าก็ยังได้กิจการชาดมาครอบครอง ข้าซื้อเป่าชิงเก๋อมาในราคาห้าร้อยตำลึง อย่างไรเสียแค่สูตรที่ข้าได้รับตอบแทนมามันก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว” ถังหลี่กล่าว
“ไม่ใช่ว่าสูตรของเป่าชิงเก๋อมีปัญหาหรอกหรือ?”
“จากที่ข้าสังเกตมันอาจจะไม่เป็นปัญหา ข้าได้ยินมาว่าเป่าชิงเก๋อเปิดกิจการมายี่สิบปีแล้ว เหตุใดช่วงเวลายี่สิบปีแรกถึงไม่เกิดปัญหาใด ๆ จนกระทั่งถูกเปลี่ยนมือมาให้อาชิงล่ะ”
“พวกคนโลภต้องการยึดครองเป่าชิงเก๋อด้วยกลอุบายเช่นนั้นสิ?” เว่ยฉิงเข้าใจที่นางพูดทันที
“ใช่ ไม่ว่าอย่างไร สูตรชาดนี้ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน” ถังหลี่กล่าว
“แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของเป่าชิงเก๋อนั้นไม่ค่อยจะดีนัก เพราะชื่อของเป่าชิงเก๋อถูกทำให้ด่างพร้อยแล้ว”
เป็นเถ้าแก่โจวที่ต้องการฮุบมัน เขาต้องการซื้อมาเพื่อเปลี่ยนชื่อใหม่ หากจะใช้ชื่อเดิมย่อมยากที่จะฟื้นคืน
“ยิ่งความเสี่ยงสูงเพียงใดผลตอบแทนย่อมมากขึ้นเท่านั้น ข้าไม่เพียงแต่อยากให้เป๋าชิงเก๋อกลับมายืนหยัดได้ หากแต่ต้องการยกระดับให้มากขึ้นไปอีกด้วย” ถังหลี่มีความทะเยอทะยานซ่อนไว้ในน้ำเสียง
ภรรยาที่แสนจะอ่อนโยนและน่ารักของเขา ยามที่นางพูดถึงเรื่องค้าขาย นางจะมั่นใจและดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จูบภรรยาของเขาอีกครั้ง
“ภรรยา เจ้าเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตแล้ว เราสมควรต้องจ้างบ่าวรับใช้สักสองสามคนเพื่อช่วยดูแลเอ้อร์เป่ากับซานเป่า เจ้าจะได้มุ่งมั่นกับกิจการของเป่าชิงเก๋อได้อย่างเต็มที่”
ถังหลี่ก็ตั้งใจเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนมากนัก การจะหาบ่าวมาคอยดูแลบุตรต้องเป็นคนดีและไว้ใจได้
….
วันถัดมา
ถังหลี่เดินทางไปที่เป่าชิงเก๋อเพื่อพบกับหลู่ชิง ส่วนเว่ยฉิงนั้นเดินตามนางไม่ห่างพร้อมกับอุ้มบุตรคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนและแบกอีกคนหนึ่งไว้บนบ่า
ชายหนุ่มใจจดจ่ออยู่ที่ภรรยา เขามองไปที่นางอยู่ตลอดเวลา หากนางต้องการความช่วยเหลือเขาจะได้สามารถช่วยนางได้ทันท่วงที
ถังหลี่แนะนำสามีของนางให้รู้จักกับหลู่ชิง หญิงสาวมองไปที่เว่ยฉิงแล้วรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างดุร้ายน่ากลัว แววตาเขาเหมือนหมาป่าที่โหดเหี้ยม ทำให้ดูน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก นางกล่าวทักทายอย่างสุภาพหากไม่กล้าที่จะสบตากับเขาต่อเมื่อหลู่ชิงมองไปที่ร้านก็พบว่าประตูของร้านเป่าชิงเก๋อยังคงปิดอยู่ หญิงสาวขมวดคิ้ว
“ถังถัง วันนี้เราจะไม่เปิดร้านกันหรือ?”
“ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดให้บริการ” ถังหลี่กล่าว ก่อนจะเสริมว่า “ยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอะไรกันก่อนดี?”
“เจ้าช่วยพาข้าไปที่โรงงานหน่อยสิ”
“ใช่แล้ว! ต้องให้พวกคนงานรู้จักกับเจ้าของใหม่เช่นเจ้า” หลู่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ระหว่างทางถังหลี่สอบถามนางเกี่ยวกับอาการป่วยของมารดา
“หลังจากได้พบหมอ ท่านแม่ก็อาการดีขึ้นมาก…เพียงแต่เมื่อวานนี้ พี่หลู่หยวนพูดถึงเรื่องเป่าชิงเก๋อต่อหน้าท่าน ทำให้นางกังวลไม่น้อย แต่เมื่อข้าบอกว่าขายเป่าชิงเก๋อให้เจ้า และยังคงป้ายร้านเอาไว้ได้ นางก็โล่งใจขึ้น หายวิตกกังวลไป”
หลู่ชิงนั้นโทษตนเองมาตลอดว่าหลังจากการตายของบิดานางเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นนางก็ไม่อาจจะรักษาเป่าชิงเก๋อที่บิดาทิ้งไว้ดูต่างหน้าเอาไว้ได้ หากไม่ใช่ถังหลี่แล้วล่ะก็.. เป่าชิงเก๋อคงได้ถอดแผ่นป้ายร้านไปแล้ว!
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันพวกเขาก็เดินมาถึงโรงงานผลิตชาด โรงงานนี้อยู่ท้ายตรอกค่อนข้างห่างไกลผู้คน ด้านในเป็นลานกว้างขนาดใหญ่มีทางเข้าออกสองทาง
ถังหลี่ขอให้เว่ยฉิงช่วยเปิดประตูให้ เขาพยักหน้าและทำตามคำสั่งของภรรยา หลู่ชิงรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะดูน่ากลัวไปสักหน่อยแต่กับภรรยาของเขา…เขาดูสุภาพกับนางมาก…ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงงานด้วยกัน
“โรงงานนี้มีคนงานอยู่สามสิบสองคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ทำงานกับเป่าชิงเก๋อมานานกว่าห้าปีแล้ว ข้าจึงพยายามที่จะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด หาไม่แล้วข้าคงไม่มีหน้าไปเจอกับท่านพ่อที่ล่วงลับไปแล้วได้ ”
ในโรงงานมีเพียงคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำงานอยู่ บ้างก็นั่งอาบแดด บ้างก็รวมตัวกันเล่นไพ่ ถัดไปมีประตูเปิดไปอีกลานหนึ่งดูไปแล้วมีคนอยู่ประมาณแค่สิบกว่าคน
“ลุงจ้าว!” หลู่ชิงส่งเสียงเรียกใครบางคน
“ท่านช่วยเรียกคนงานมารวมกันได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศ”
ลุงจ้าวเป็นหัวหน้าคนงาน อายุราวสี่สิบกว่า เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะไปเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันที่ด้านหน้า แต่เมื่อเรียกมาแล้วกลับพบว่ามีคนเพียงแค่สิบห้าคนเท่านั้นเอง
“ลุงจ้าวแล้วคนอื่นๆ เล่า?”
“คุณหนู… ขาของหลี่ซื่อหัก เขาเลยหยุดพักอยู่ที่บ้าน ส่วนแม่ของอากุ้ยป่วย เหล่าเฉินและลุงสามถูกทุบตี…” ลุงจ้าวพูดไล่ไปทีละคน
หลู่ชิงขมวดคิ้วนิ่งฟัง
ก่อนหน้านี้หลู่หยวนเป็นคนรับผิดชอบโรงงานแห่งนี้ และเขายังบอกถึงความยากลำบากและขยันขันแข็งของคนงานในโรงงาน ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พวกเขาตกงาน แต่ทว่าในวันนี้เมื่อนางได้มาเห็นด้วยตัวเอง คนงานทุกคนดูเกียจคร้านมาก ยิ่งฟังหัวหน้างานอธิบายยิ่งดูแล้วไม่ชอบมาพากลยิ่งขึ้น
“พวกเขาขาดงานสองสามวันแล้ว มีกำหนดหรือไม่ว่าจะกลับมาทำงานอีกเมื่อใด? ได้ลงชื่อกันไว้หรือไม่? “ถังหลี่ถามขึ้น
ลุงจ้าวเหลือบมองหญิงสาวพลางคิดว่านางเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาถามจุกจิกเขาเช่นนี้ เขาจึงไม่สนใจถังหลี่ เมื่อหลู่ชิงเห็นดังนั้นนางจึงขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดัง
“ลุงจ้าวและคนงานทุกคน ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งว่ากิจการของเป่าชิงเก๋อถูกเปลี่ยนมือแล้ว ต่อไปนี้เจ้าของคนใหม่คือแม่นางถังผู้นี้ ข้าหวังว่าทุกคนจะเชื่อฟังนางเป็นอย่างดี ”
ทันทีที่หลู่ชิงกล่าวจบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ถังหลี่ สาวน้อยที่ดูบอบบางผู้นี้…คือเจ้าของกิจการคนใหม่หรือ? ดูไปแล้วช่างง่ายต่อการกลั่นแกล้งเหลือเกิน!!
เมื่อหัวหน้าจ้าวรู้ว่าถังหลี่คือเจ้าของคนใหม่ของเป่าชิงเก๋อ เขาจึงพูดขึ้นว่า
“เป็นเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่นี่เอง ข้าไม่มีบันทึกหรอก แค่แจ้งปากเปล่าเท่านั้น ข้าเป็นหัวหน้าโรงงานมาสิบปีแล้ว ข้าจำคนงานได้ทุกคน! ”
“แล้วเมื่อใดทุกคนจะมาทำงานได้เล่า ข้าอยากเห็นทุกคนพร้อม ๆ กัน”
“นี่… ขาหักไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินทางมาที่นี่นะ เถ้าแก่เนี้ย..พวกเรารู้ว่ากิจการของเป่าชิงเก๋อนั้นไม่ดี แต่ทุกคนก็เต็มใจที่จะฝ่าฟันความยากลำบากไปด้วยกัน ดังนั้นท่านอย่าทำให้พวกเราลำบากใจไปกว่านี้เลย”
ถังหลี่เค้นหัวเราะอย่างโกรธจัด
คิดว่านางไม่รู้หรือว่าพวกคนเหล่านี้กำลังโกงนางอยู่?
หลู่ชิงตัดสินใจขายเป่าชิงเก๋อในราคาต่ำเพียงเพื่อจะให้พวกเขาทุกคนยังมีงานทำต่อไป แล้วพวกเขาตอบแทนนางแบบนี้หรือ?
หลู่ชิงเห็นใจและออกโรงปกป้องพวกเขา นอกจากจะไม่รู้บุญคุณแล้วยังไม่เห็นใจถึงความยากลำบากของนางเลยสักนิด!
บนโลกใบนี้ไม่เคยขาดพวกหมาป่าตาขาว ยิ่งเราเห็นใจพวกเขามากเท่าไหร่ เขาก็จะคิดว่าสามารถรังแกและคดโกงเราได้มากเท่านั้น! ถังหลี่เกลียดคนประเภทนี้ที่สุด!
หญิงสาวคลี่ยิ้มและหรี่ตามอง
“เจ้าพูดถูก ข้าควรใส่ใจพวกเจ้า ขาของหลี่ซื่อหักใช่ไหม ในฐานะที่ข้าคือเจ้านายคนใหม่ของพวกเจ้าย่อมต้องแสดงความจริงใจด้วยการไปเยี่ยมเสียหน่อย”
ทันทีที่ถังหลี่กล่าวเช่นนี้ สีหน้าของหัวหน้าเจ้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
………………..
[1] หมาป่าตาขาว เป็นสำนวนที่พบบ่อยในวรรณกรรม หมายถึง คนเนรคุณ อกตัญญู มักถูกเปรียบเทียบว่าเป็นคนเนรคุณ โหดเหี้ยม ดุร้าย ไม่ยอมจดจำบุญคุณคน ทำร้ายได้แม้กระทั่งคนที่เคยช่วยเหลือตน