บทที่ 77 แผนของเถ้าแก่โจว
ที่เป่าชิงเก๋อ
“นายหญิงขอรับ ตระกูลมู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย มีชื่อเสียงพอ ๆ กับตระกูลไป๋พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินเลยแม้แต่น้อย เหตุใดท่านจึงไม่รับเงินหนึ่งร้อยตำลึงไว้เล่าขอรับ? ”
ฉางลู่รู้สึกเสียดายเมื่อนึกถึงสีเงินส่องประกายในกล่องทองสองใบนั้น
“ฉางลู่ ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าเงินมากนัก” ถังหลี่กล่าว
…ยกเว้นยามลำบากเท่านั้น …แน่นอน! ในโลกที่แสนวุ่นวายเช่นนี้มีเพียงข้าวปลาอาหารเท่านั้น ถึงจะทำให้คนอยู่รอดได้ หากถึงตอนนั้น ใครจะสนใจศักดิ์ศรีกันอีกเล่า
แต่ฉางลู่ยังอดเสียดายไม่ได้…
เด็กหนุ่มได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับฮูหยินมู่ผู้นี้ ว่ากันว่า…
ฮูหยินมู่ผู้นี้มาจากตระกูลเดิมที่มีอำนาจมาก ยามเมื่อนางแต่งเข้าจวนสกุลมู่ ฮูหยินจากตระกูลใหญ่ทั้งหลายจึงต้องการที่จะผูกไมตรีกับนาง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธไปเสียมาก เรื่องนี้อาจจะทำให้นางผูกใจเจ็บจนคิดจะกลับมาแก้แค้นร้านเป่าชิงเก๋อของพวกเขาหรือไม่?
ความกังวลใจทั้งหมดของฉางลู่มีอยู่เพียงแค่สองวันเท่านั้น เพราะเป่าชิงเก๋อมีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาซื้อของเรื่อย ๆ! ล้วนเป็นลูกค้าหน้าใหม่ และแต่ละคนก็มียอดซื้อมากมาย
“นายหญิง ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลยขอรับ ไม่ทราบว่าท่านรู้จักเป่าชิงเก๋อของเราได้อย่างไรขอรับ? ” ฉางลู่พูดคุยกับลูกค้า
“ข้าได้รับการแนะนำจากฮูหยินมู่ ก่อนหน้านี้ข้าซื้อชาดจากมณฑลอื่น ทำให้ไม่สะดวกในการไปซื้อมากนัก แต่นี่มีของดีอยู่ในเมืองแล้ว ย่อมหาซื้อได้สะดวกมากขึ้น”
ฉางลู่เล่าให้ถังหลี่ฟังถึงเรื่องที่เขาได้ยินมา
ถังหลี่รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ความรู้สึกแรกของนางที่มีต่อฮูหยินมู่คือความเย่อหยิ่ง หากได้เจอกันอีกครั้งฮูหยินมู่อาจจะทำเป็นไม่รู้จักนางก็เป็นได้ นางไม่ได้คาดคิดเลยว่า ฮูหยินมู่ผู้นี้จะเป็นคนแนะนำเป่าชิงเก๋อให้กับบรรดาเพื่อน ๆ ของนาง
เราไม่สามารถตัดสินคนได้จากการกระทำแค่ครั้งเดียว ดูเหมือนฮูหยินมู่จะไม่ใช่คนแบบที่ถังหลี่คิดเอาไว้
ส่วนสตรีกลุ่มนั้น…ก็เป็นเหมือนค่านิยมที่เห็นของในเมืองใหญ่ย่อมดีกว่าของในท้องถิ่นบ้านเกิดของตนนั่นเอง แต่เป็นเพราะฮูหยินมู่…นายหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย ได้เลือกใช้ชาดจากร้านเป่าชิงเก๋อ ชื่อเสียงของร้านจึงได้ยกระดับขึ้นทันที ทำให้เป็นที่นิยมและรู้จักแก่ฮูหยินทั้งหลายในเมืองเหยาสุ่ยแห่งนี้ ยอดขายจึงได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนใกล้ชิดของฮูหยินมู่ก็ได้เข้ามาซื้อไปหลายชิ้นเช่นกัน
ฉางลู่มองด้วยความประหลาดใจ เขาคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงไม่ดีเสียแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเป่าชิงเก๋อได้ลูกค้ารายใหญ่ เด็กหนุ่มชื่นชมถังหลี่มากขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าการตัดสินใจของนางทุกครั้งย่อมถูกต้อง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนี้อีกต่อไป!
…….
กิจการของเป่าชิงเก๋อดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเถ้าแก่โจวและหลู่หยวนไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป
“เถ้าแก่โจว ข้าควรทำอย่างไรดี ข้าเคยดูแลโรงงานได้เงินเดือนมากกว่าสิบตำลึง แต่เพราะท่านบอกว่ามีงานที่ดีกว่าข้าจึงติดตามท่าน แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้วนะขอรับ” หลู่หยวนกล่าวอย่างร้อนใจ
เงินเก็บทั้งหมดของเขาสูญไปกับการพนัน ตอนนี้เขาแทบไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว แม้แต่เงินจะซื้ออาหารกินก็ยังต้องกระเบียดกระเสียร
ส่วนเถ้าแก่โจวเองก็วุ่นวายใจไม่น้อยไปกว่ากันเลยทีเดียว เถ้าแก่โจวรู้สึกเสียใจ หากเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่วงหน้าแล้วละก็ เขาคงรับมือได้ดีกว่านี้ แม้ว่าจะต้องเสแสร้งทำทีเป็นรักษาป้ายชื่อของร้านเป่าชิงเก๋อไว้ก็ตาม แต่เขาก็ยังได้ครอบครองทั้งสูตรและร้านของเป่าชิงเก๋อเอาไว้ได้ แต่เขากลับนิ่งนอนใจ ปล่อยให้เป่าชิงเก๋อหลุดมือแล้วไปตกอยู่ในมือของถังหลี่ สตรีที่เขาเชื่อว่าไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการร้านได้ แต่ใครจะไปรู้ว่า…
เถ้าแก่โจวพูดอย่างข่มอารมณ์
“หลู่หยวน หากเป่าชิงเก๋อเป็นของข้า แน่นอนว่าจะมีงานให้เจ้าไม่ขาดมือ ข้ามีวิธี เพียงแต่เจ้าต้องให้ความร่วมมือกับข้า…” เถ้าแก่โจวขยับเข้าไปด้านข้างของหลู่หยวนก่อนจะกระซิบด้วยเสียงต่ำ
“เถ้าแก่โจวข้ายังไม่ตกลงหรอกนะ จนกว่าท่านจะตกลงบางอย่างแก่ข้า…” หลู่หยวนขยี้นิ้วเข้าหากันเป็นการบอกใบ้
“ข้าไม่เพียงแต่สัญญาให้เจ้าทำในตำแหน่งเสมียนของเป่าชิงเก๋อ แต่ข้าจะมอบเงินให้เจ้าอีกหนึ่งร้อยตำลึง”
“ตกลง ทุกอย่างจะเรียบร้อยแต่ท่านต้องให้เงินข้าก่อนหนึ่งร้อยตำลึง” หลู่หยวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เถ้าแก่โจวที่ถูกหลู่หยวนตามติดเช่นนี้ เขาทำได้เพียงควักเงินให้อีกฝ่ายด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อคิดว่าในไม่ช้าเขาจะได้เป่าชิงเก๋อมาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เงินทองก็จะไหลมาเทมา เขาจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น
…..
ไม่กี่วันต่อมา ที่เป่าชิงเก๋อ
ถังหลี่นั่งมองหลู่ชิงที่เดินไปมาอย่างไม่หยุด จนนางเวียนหัว
“อาชิง! เจ้านั่งลงก่อนดีกว่าอย่าได้เดินไปมาอย่างนี้เลย ”
“ถังถัง! เจ้าไม่ตื่นเต้นเลยหรือ? นี่เรากำลังจะได้ลูกค้ารายใหญ่แล้วนะ! ”
ตอนนี้กิจการของเป่าชิงเก๋อกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง และทำรายได้อย่างน้อยวันละสามสิบกว่าตำลึง แต่เป็นเพราะชาดของเป่าชิงเก๋อนั้นทำจากวัตถุดิบมีคุณภาพสูง ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนจึงทำให้มีต้นทุนสูง เมืองเหยาสุ่ยถึงจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าจำกัด เมื่อต้องการขยายกิจการให้เติบโตขึ้น จำต้องคิดหาวิธี..
ตอนนี้โอกาสวางอยู่ตรงหน้าพวกนางแล้ว
เมื่อวานนี้พ่อค้ารายหนึ่งที่รู้จักกับพ่อของหลู่ชิงมาพบนาง บอกว่าจำเป็นต้องใช้ชาดแดงจำนวนมากอย่างเร่งด่วน ยอดการสั่งซื้อนั้นเป็นตัวเลขที่มากมายของเป่าชิงเก๋อ
“ลุงเฉินบอกว่ากองคาราวานของเขาคราวนี้จะเดินทางไปที่โกวหลี[U1] และหากขายดีก็จะสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีก! ” หลู่ชิงตื่นเต้น
ในที่สุดลุงเฉินที่หลู่ชิงเรียกขานก็มาถึงในไม่ช้า ลุงเฉินหรือเฉินเย่ เป็นบุรุษอายุประมาณสามสิบต้น ๆ
“ข้าวางแผนจะเดินทางไปโกวหลีกับกองคาราวานในช่วงปลายเดือนนี้ และอยากจะนำชาดไปขายด้วย ก่อนหน้านี้ข้าได้ตกลงกับร้านชาดแห่งหนึ่งไว้ แต่เมื่อถึงวันนัดหมาย เขากลับบอกว่าไม่สามารถส่งของให้ข้าได้ ทำให้ข้าขาดทุนและเสียหายมาก ข้าไม่อยากให้การค้าของข้าครั้งนี้ต้องสูญเปล่าอีก!”
“ข้าถามมาหลายร้านแล้ว แต่ทุกร้านมีคำสั่งซื้อยาวไปจนถึงสิ้นปีไม่สามารถทำสินค้าให้ข้าได้ ข้าเลยนึกถึงเป่าชิงเก๋อขึ้นมาได้! ชาดของร้านพวกเจ้ามีคุณภาพสูงไม่น้อยไปกว่าร้านใหญ่พวกนั้น”
“แม่นางหลู่ชิงหากเจ้าช่วยข้าในครั้งนี้ พระคุณนี้ข้าจะจดจำไว้ไม่ลืมอย่างแน่นอน ข้าสัญญาว่าต่อไปข้าจะซื้อแต่ชาดของร้านเจ้าเพียงผู้เดียว ”
ทั้งสองฝ่ายรีบหาข้อสรุปด้วยกันอย่างเร่งรีบ อีกฝ่ายต้องการสินค้าทั้งหมดภายในเวลาห้าวัน หลู่ชิงคำนวนเวลา
“ถังถัง ข้าจ้างคนเข้ามาในโรงงานไม่นานนี้ฝีมือเขาเชี่ยวชาญมาก ตอนนี้ก็มีกล่องใส่ชาดเพียงพอ ดังนั้นเวลาห้าวันนี้คำสั่งซื้อทั้งหมดจะเสร็จตามเวลาแน่นอน”
ถังหลี่พยักหน้า
แน่นอนว่านางต้องการให้กิจการเติบโตขึ้น และนี่คือโอกาสที่ดีอย่างแท้จริง
“แม่นางหลู่ เถ้าแก่เนี้ยถัง ข้าเคยได้รับความเดือดร้อนจากสัญญาซื้อขายมาแล้ว ดังนั้นข้าขอวางเงื่อนไขในการเขียนสัญญาครั้งนี้ หากเจ้าไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้ข้าตามกำหนดได้จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ข้าเป็นจำนวนสามเท่า ตกลงหรือไม่? ”
ถังหลี่และหลู่ชิงอ่านสัญญาด้วยกันอีกครั้ง ยกเว้นสัญญาข้อนี้เงื่อนไขอื่นๆ ถือว่าใช้ได้ เมื่อคิดถึงประสบการณ์ที่เฉินเย่พบเจอมา สัญญาในข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
“เถ้าแก่เฉินข้าเข้าใจท่าน แต่การค้านั้นย่อมมีความเสมอภาคกันด้วย ข้าต้องการเพิ่มเงื่อนไขลงไปในสัญญาเช่นกัน หากท่านผิดสัญญาจะต้องจ่ายชดเชยให้ข้าเป็นจำนวนสามเท่าเช่นกัน ตกลงหรือไม่? ”
เฉินเย่ลูบคางตนเองพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้ารับ
“เถ้าแก่เนี้ยถังพูดถูก ข้าตกลง!”
เนื้อหาสัญญาจึงได้ข้อสรุปดังนี้
เฉินเย่จ่ายเงินมัดจำสองร้อยตำลึงพร้อมลงนามประทับลายนิ้วมือ สัญญาซื้อขายถือเป็นการสิ้นสุด โดยที่หญิงสาวทั้งสองคนไม่สังเกตเลยว่าในขณะที่เฉินเย่หันกลับไป รอยยิ้มที่น่าขนลุกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
……………………….
[U1]