บทที่ 82 นายท่านมู่และฮูหยิน
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อถังหลี่ลืมตาขึ้นมานางเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและจริงจังของผู้ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ เมื่อคืนนางเห็นเขาไม่ค่อยชัดเจนนัก หากตอนนี้เมื่อได้มองเขาอย่างเต็มตาแล้วจึงเห็นได้ชัดว่าเขาทั้งคล้ำขึ้นและผอมลง จนเห็นกรอบหน้าขึ้นเป็นสันอย่างชัดเจน การที่เว่ยฉิงทำงานกับนายท่านเซี่ยทำให้เขามีรายได้มากขึ้น แต่ก็นับได้ว่าเป็นงานหนักจนทำให้หัวใจของถังหลี่อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
“ภรรยา ข้าดูดีหรือไม่?” เสียงแหบของชายหนุ่มดังขึ้นข้างใบหูของนาง
ถังหลี่หน้าแดงก่ำ นางแสร้งจะพลิกตัวนอนต่อ หากเว่ยฉิงกลับยันกายขึ้นมาจูบที่ลำคอของนางเสียก่อน หญิงสาวตัวหอมกรุ่นเหมือนเช่นเคย เขาจุมพิตเข้าที่พวงแก้มของนางก่อนที่จะลุกลงจากเตียง เมื่อถังหลี่ได้ยินเสียงว่าเขาออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวหันไปมองบานประตูที่ปิดสนิท ใบหน้าของนางเห่อร้อนเป็นสีชมพูราวกับผลท้อที่สุกปลั่ง รอจนความร้อนบนใบหน้าลดน้อยลงถังหลี่ก็ลุกขึ้น
เมื่อนางออกมาจากห้องก็พบว่าเว่ยฉิงได้ฝึกซ้อมชกต่อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว กล้ามเนื้อหน้าอกและหน้าท้องสีน้ำผึ้งของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เว่ยฉิงเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีมาก กล้ามเนื้อของเขาเรียงตัวกันสวยงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง ช่วงไหล่กว้าง เอวสอบรับกับท่อนขาที่ยาว…
ถังหลี่เหลือบมองชายหนุ่มอีก ก่อนจะปลีกตัวไปล้างหน้า
ทันทีที่เห็นว่าถังหลี่ออกไปแล้ว ชายหนุ่มจึงสวมเสื้อคลุมท่อนบน เขารู้ว่าถังหลี่แอบชื่นชมรูปร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ฮึฮึ! ใจจริงเขาอยากจะยั่วยวนภรรยาของเขาให้มากกว่านี้จนนางทนไม่ไหว เมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาจะได้เข้าห้องหอกันอย่างจริงจังสักที!
เว่ยฉิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากถังหลี่ล้างหน้าล้างตาแล้ว นางก็เข้าไปปลุกบุตรทั้งสองคนออกจากเตียงนอน ทั้งคู่พากันดีใจเมื่อเห็นเว่ยฉิง
“ท่านพ่อ! ท่านกลับมาแล้ว!”
“ท่านพ่อข้าคิดถึงท่าน!”
เด็กทั้งคู่ล้อมหน้าล้อมหลังเว่ยฉิงไม่ห่าง ถังหลี่ปล่อยให้ทั้งสามอยู่ด้วยกันตามประสาพ่อลูกก่อนจะปลีกตัวไปเตรียมอาหารเช้ากับป้าจ้าว
หลังจากอาหารมื้อเช้าแล้ว เว่ยฉิงจึงได้สังเกตเห็นว่ามีภาพวาดเพิ่มเข้ามาในห้องรับแขกนี้ เขามองไปที่รูปภาพนั้น
“ท่านชอบหรือไม่?”
ในสายตาของถังหลี่ เว่ยฉิงนั้นเป็นคนหยาบคายเขาคงไม่ได้มีสุนทรีย์ในการชื่นชมภาพวาดหรือการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นแน่
ชายหนุ่มลูบคางตัวเอง
“ไม่เลว”
“ไม่เลวตรงไหนหรือ?”
“นกตัวนี้ค่อนข้างอ้วนดี หากเอามาย่างกินคงอร่อยน่าดู”
“….หา?”
ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ไม่ผิด ชายป่าเถื่อนคนนี้หรือจะชื่นชมดื่มด่ำไปกับภาพวาดได้? เขาเป็นได้แค่คนเห็นแก่กินเท่านั้นเอง!
ดวงตาของเว่ยฉิงจ้องไปที่ตัวหนังสือบนรูปวาดนั้น คิ้วขมวดเป็นปม มีบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดของเขา แต่ก็เร็วเกินกว่าที่เขาคว้าได้ทัน เว่ยฉิงจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ เขาดึงภรรยาเข้าไปในห้องนอนและหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากหัวเตียง
“ภรรยา…ข้าให้เจ้า เมื่อคืนกลับมาดึกเกินไปจึงไม่ได้ให้” พูดจบเขาก็ยื่นให้ถังหลี่ หญิงสาวหยิบถุงผ้าออกมาเปิดดู เห็นต่างหูสีเงินประดับด้วยหยกมรกตขนาดเล็ก เป็นต่างหูที่ทำขึ้นมาอย่างประณีต
แม้ว่านางจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่นชอบเครื่องประดับมากนัก แต่ความงามของต่างหูก็ทำให้นางรู้สึกประทับใจ หญิงสาวถึงกับมองอย่างไม่วางตาเลยทีเดียว
“ข้าซื้อมาจากร้านเครื่องประดับในเมือง ร้านนี้ใหญ่โตมากมีถึงสามชั้นด้วยกัน มีเครื่องประดับทุกประเภทเลยทีเดียว ข้าได้ยินมาว่าทั้งสตรีและบุรุษในเมืองมักจะมาหาซื้อเครื่องประดับที่ร้านนี้”
เว่ยฉิงเข้าไปในเมืองเพื่อส่งจดหมาย อีกทั้งต้องรอจดหมายตอบกลับด้วย ดังนั้นเขาจึงพอมีเวลาที่จะไปหาซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากภรรยาของเขา หากเวลาที่กระชั้นชิดทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเร่งควบม้ากลับมาเหยาสุ่ยเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว
“ชอบหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
“ข้าชอบ…” ถังหลี่พยักหน้า
“ดีแล้ว ” ในเมื่อนางชอบก็นับได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคุ้มค่าแล้ว!
“ภรรยา…ข้าใส่ให้เจ้านะ?”
เว่ยฉิงสวมต่างหูให้ภรรยา นางมีใบหูที่เต็มอิ่มดูมีวาสนา นิ้วหยาบกร้านสัมผัสเบา ๆ ที่ติ่งหูของถังหลี่ ต่างหูหยกสีมรกต ตัวเรือนเป็นเงินแวววาว ทำให้นางดูงดงาม
ถังหลี่หยิบกระจกทองเหลืองขึ้นมาส่อง ต่างหูคู่นี้สวยมาก หยกสีเขียวช่วยขับผิวถังหลี่ให้ดูสว่างขึ้น สามีของนางช่างตาถึงเสียจริง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นายหญิงเจ้าคะ มีแขกมาเจ้าค่ะ” เสียงป้าจ้าวดังขึ้นที่ด้านนอก
ถังหลี่และเว่ยฉิงเดินออกมาจากห้องนอน มีคนสองคนยืนอยู่ในลานบ้าน คนหนึ่งคือฮูหยินมู่ และผู้ชายอีกคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบต้น ๆ ถังหลี่รีบเดินเข้าไปหานางทันที
“ฮูหยินมู่…” นางเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“แม่นางถัง…ขอโทษที่ข้ามารบกวนพวกเจ้า นี่คือสามีของข้าเอง” ฮูหยินมู่พูดด้วยท่าทีเป็นกันเองมากขึ้น
“เป็นนายท่านมู่นั่นเอง เชิญเข้ามาเจ้าค่ะ”
ดวงตาของนายท่านมู่กวาดมองไปทั่ว ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เว่ยฉิง ตาของเขาเป็นประกาย นายท่านมู่รีบเดินเข้าไปหาเว่ยฉิงและจับมือชายหนุ่มอย่างตื่นเต้น
“ท่านผู้มีพระคุณ! ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว! ถ้าหากไม่ได้ท่านช่วยข้าเอาไว้ในตอนนั้น ป่านนี้ข้าคงได้ไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว! ”
ฮูหยินมู่ถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือแล้วไอเบา ๆ หลังจากได้ยินเสียงไอของภรรยา นายท่านมู่ก็ดูสงบลง เขาปล่อยมือเว่ยฉิง
“ผู้มีพระคุณ ไม่ทราบ…นามท่าน…”
“ข้าชื่อเว่ยฉิง เรียกชื่อข้าก็ได้” เว่ยฉิงกล่าวตอบ
“ดียิ่งนัก ข้าชื่อ มู่ซิ่วเหวิน ท่านเรียกชื่อข้าก็ได้ ข้าได้ยินมาว่าท่านทำงานในจวนสกุลเซี่ยใช่หรือไม่? ที่จวนสกุลมู่เองก็ขาดคนเช่นกัน หากข้าอยากให้ท่านมาทำงานที่จวนสกุลมู่ของข้าท่านจะยินดีหรือไม่?”
มู่ซิ่วเหวินตื่นเต้น เขาเผลอจับมือของเว่ยฉิงอีกครั้ง ฮูหยินมู่เหลือบมองสามีด้วยใบหน้าเรียบเฉย นางคร้านจะใส่ใจเขาแล้ว
ถังหลี่นำทางฮูหยินมู่เข้ามาที่ห้องรับรอง
“ป้าจ้าว ไปเตรียมชามาทีเถอะ”
“เจ้าค่ะนายหญิง”
ฮูหยินมู่ดูไว้ตัวห่างเหิน ส่วนถังหลี่เองก็ไม่มีความตั้งใจที่จะประจบเอาใจนางแต่อย่างใด บรรยากาศในห้องโถงจึงเป็นไปอย่างอึดอัด
แต่นายท่านมู่และเว่ยฉิงกลับแตกต่างออกไป นายท่านมู่ยังคงชวนเว่ยฉิงคุยไม่หยุด แม้ชายหนุ่มจะมีท่าทีรำคาญก็ตามที
“น้องเว่ย ท่านจะไม่รับน้ำใจข้าจริง ๆ หรือ? หรือท่านอยากทำงานอย่างอื่น ไม่ต้องเป็นคนคุ้มกันก็ได้ ข้ายังมีงานให้ท่านเลือกอีกมาก”
ฮูหยินมู่อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สามีนางเป็นคนไว้ใจคนง่าย โชคดีที่เว่ยฉิงไม่ได้รีบร้อนที่จะรับข้อเสนอของเขา
“นายท่านมู่ช่างใจร้อนเสียจริง” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขาเอาแต่ใจ ช่างน่าปวดหัว” ฮูหยินมู่พูดพลางคลึงขมับตัวเอง
ดวงตาของนางกวาดมองไปที่ไปถังหลี่ก่อนจะหยุดชะงักที่ต่างหูของอีกฝ่าย
“ต่างหูของเจ้างดงามมาก”
“สามีข้าซื้อให้” หลังจากที่นางพูดจบ บรรยากาศก็กลับมาเงียบจนน่าอึดอัดอีกครั้ง ทั้งสองคนดูจะเข้ากันไม่ได้ และน่าอายเกินกว่าจะทนนั่งอยู่ต่อไป เมื่อใกล้ถึงเวลากลับฮูหยินมู่จึงลุกขึ้นเตรียมตัว
“ฮูหยินมู่ ท่านอยากทานอาหารกลางวันกับพวกเราด้วยหรือไม่?”
ถังหลี่ถามอย่างสุภาพ ในขณะที่ฮูหยินมู่กำลังจะปฏิเสธ ก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นมา
“งั้นข้าขอรบกวนด้วย” นายท่านมู่กล่าวอย่างตื่นเต้น
“….” ฮูหยินมู่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หากตอนนี้ไม่ได้อยู่ข้างนอกล่ะก็ มู่ซิ่วเหวินจะต้องโดนนางทุบอย่างแน่นอน นางจำต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
ฮูหยินมู่นั้นเป็นคนที่พิถีพิถันและเลือกกินเป็นอย่างมาก พ่อครัวที่จวนสกุลมู่ถึงกับต้องทำอาหารให้นางหลายครั้งกว่านางจะพึงพอใจ นางมองไปที่ผิวพรรณที่แสนบอบบางและดูนุ่มนิ่มของถังหลี่ คาดว่าอาหารที่หญิงสาวผู้นี้ทำคงเป็นจำพวกของพื้น ๆ ดังนั้นนางจึงไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก ผิดกับสามีของนางที่ดูมีความสุขและตื่นเต้นกับอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมาก
ฮูหยินมู่มองใบหน้าของสามีก่อนที่จะตัดสินใจอยู่ต่อ นางอาจจะกินพอเป็นพิธีสักสองสามคำแล้วค่อยกลับไปกินที่จวนต่อยังได้
“งั้นต้องรบกวนฮูหยินเว่ยแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย …ฮูหยินมู่ เชิญท่านนั่งรอสักครู่ ข้าขอตัวก่อน”
เป็นเพราะความช่วยเหลือของฮูหยินมู่ทำให้กิจการของเป่าชิงเก๋อเป็นไปได้ด้วยดี ดังนั้นการทำอาหารเลี้ยงนางสักมื้อก็ถือได้ว่าเป็นการขอบคุณในน้ำใจของนาง ว่าแล้วถังหลี่ก็รีบขอตัวเข้าไปในครัวทันที
——————–