บทที่ 87 ช่วยมารดาข้าด้วย
ถังหลี่ออกจากสำนักศึกษาแล้วเดินกลับไปที่ตลาด นางเดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้าและซื้อเสื้อสำหรับฤดูร้อนมาสองชุดตามขนาดตัวของเว่ยฉิง เนื่องจากชายหนุ่มเป็นคนคุ้มกัน เสื้อผ้าเขาจึงแตกต่างจากพวกบัณฑิต มันต้องสวมใส่สบายและเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
ถังหลี่สั่งให้ช่างตัดเสื้อต่อขากางเกงและแขนเสื้อขึ้น เพราะสามีของนางนั้นสูงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเสื้อผ้าจะต้องใหญ่จึงจะพอดี และยังกำชับว่าอยากให้หลวมสักเล็กน้อยเว่ยฉิงจะได้ใส่สบายมากยิ่งขึ้น
ช่างตัดเสื้อตอบรับคำขอพิเศษ
หญิงสาวเดินออกจากร้านเสื้อผ้า เมื่อเดินผ่านร้านหยก นางก็หยุดและเดินเข้าไปในร้าน เว่ยฉิงให้ของขวัญแก่ตนเองมากมาย แต่นางยังไม่เคยให้ของตอบแทนเขาเลย นางกวาดตามองไปทั่วร้านก่อนจะหยุดที่จี้หยกชิ้นหนึ่ง
“นายหญิงมีสายตาเฉียบคมมาก จี้หยกชิ้นนี้เป็นชิ้นที่ดีที่สุดในร้านของเรา มันบริสุทธิ์มากไม่มีสิ่งเจือปนเลยสักนิด ว่ากันว่าหยกนั้นหล่อเลี้ยงชีวิต ยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งดีนะขอรับ” เถ้าแก่ร้านแนะนำสินค้าอย่างกระตือรือร้น
“เจ้าแกะสลักหยกชิ้นนี้ได้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม
“ได้ขอรับนายหญิง เพียงแต่ต้องส่งมันไปแกะสลักในเมืองและใช้เวลาสิบวันถึงจะได้รับสินค้าขอรับ”
“ตกลง”
“ท่านต้องการแกะสลักอะไรหรือขอรับ”
ถังหลี่จ่ายเงินและทิ้งคำแกะสลักหยกของนางไว้ที่ร้าน ก่อนจะเดินออกจากร้านขายหยก
….
วันถัดมา
ที่ร้านเป่าชิงเก๋อ ในขณะที่ถังหลี่กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงฉางลู่ดังขึ้นด้านนอก
“นายหญิง มีคนมาหาท่านขอรับ”
ถังหลี่รวบสมุดบัญชีเดินออกจากห้องไปด้านนอก นางเห็นสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ประตู นางถือตะกร้าที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ถังหลี่จำได้ทันทีว่านางคือภรรยาของชายขี้เมาที่เป็นลมเมื่อวานนี้
“นายหญิง.. ขอบคุณท่านมากสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ข้า…ไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร ข้าจึงเอาหมั่นโถวมาให้ท่าน” นางเปิดผ้าสีขาวออกและพบว่าในนั้นมีกองหมั่นโถวที่ส่งกลิ่นหอม
นางยื่นตะกร้าให้ถังหลี่ หญิงสาวรับมาอย่างไม่เกรงใจ นางรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการแสดงความขอบคุณ นางจึงรับไว้เพื่อให้มารดาของเด็กชายไม่ติดค้างน้ำใจกับนาง “ขอบคุณมาก”
“ไม่….ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าสิต้องขอบคุณท่านถึงจะถูก นายหญิงเมื่อวานท่านช่วยจ่ายเงินค่ายาให้ข้าเกือบสองตำลึง ตอนนี้ข้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น แต่ว่าข้าจะใช้หนี้ให้ท่านแน่นอน ข้าจะนำเงินมาให้ท่านในอีกสองสามวัน ได้ไหมเจ้าคะ” หลังจากที่นางพูดจบ ภรรยาของชายขี้เมารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางละอายใจ อารมณ์หลากหลายล้วนปนเปอยู่ในหัวของนางทำให้อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
ถังหลี่จำสิ่งที่เด็กชายกล่าวไว้เมื่อวานได้ นางจึงได้แต่พูดว่า
“ไม่ต้องรีบร้อน”
“อีกอย่างลูกชายของข้า ข้าไม่ได้สั่งสอนเขาให้ดีเขาเลยขโมยภาพวาดของพ่อไปขาย นายหญิงข้าสร้างปัญหาให้ท่านมากมาย”
ถังหลี่รู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องในครอบครัว แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่สตรีตรงหน้าพูดนางก็อดไม่ได้
“ฮูหยินข้าเป็นเพียงคนนอกไม่ควรยุ่งเรื่องภายในบ้านของใคร เพียงแต่ข้าอยากจะบอกท่านว่าในเมื่อสามีไม่ชินกับการทำงานหนักแต่เขาก็เต็มใจที่จะลองพยายาม เหตุใดท่านถึงไม่ยอมรับความพยายามนั้นเล่า? อีกอย่างลูกชายของท่านก็ไม่ใช่เด็กไม่ดี ท่านลองมองเขาใหม่เถิด”
ตาของหญิงสาวแดงระเรื่อเล็กน้อย
“นายหญิงข้ารู้ว่าท่านหวังดี แต่เจิ้งหลาง…เจิ้งหลางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อก่อนเขาเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษที่สง่างามมีความรู้ความสามารถ ข้าเป็นเพียงแม่ค้าขายหมั่นโถวแต่เขาก็ไม่รังเกียจ เขาแต่งงานกับข้าดูแลข้าเป็นอย่างดี ไม่เคยมีอนุให้ข้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของข้า แต่เพราะเขาถูกทำร้ายเลยทำให้เขาเป็นเช่นนี้”
นางพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
นางคิดถึงสามีในอดีตเหลือเกิน
นางทนทรมานมานาน จนทำให้นางเผลอพูดความในใจออกมาจนหมด ตอนนี้นางจึงตระหนักว่านางพูดมากเกินไปแล้ว นางรีบปาดน้ำตาทิ้ง
“นายหญิง ขอโทษที่ข้ามารบกวนท่าน ข้าขอตัวก่อน” ว่าแล้วนางก็รีบเดินจากไป
ถังหลี่ถอนหายใจเบา ๆ
ทุกครอบครัวมีปัญหาที่ยากจะแก้ไข
ในเวลาต่อมาสตรีผู้นี้จะมาที่เป่าชิงเก๋อเพื่อส่งหมั่นโถว หมั่นโถวของนางนั้นอร่อยมาก ทำให้ฉางลู่และผู้เฒ่าจางชอบมันมาก ทั้งสองพากันชมไม่ขาดปาก นางหยิบหมั่นโถวไปฝากลูก ๆ ที่บ้าน และก็พบว่าเด็ก ๆ ก็ชอบมันเช่นกัน พวกเขาบอกว่ามันทั้งหอมและอร่อยมาก
ต่อมานางได้รู้ว่าภรรยาของชายขี้เมาผู้นี้มีนามว่าหยุนเหนียง
สองสามวันต่อมาหยุนเหนียงนำเงินหนึ่งตำลึงมาคืนให้กับถังหลี่
“ข้าเก็บเงินได้หลายร้อยอีแปะต่อวัน ภายในสองถึงสามเดือนข้าจะเก็บเงินได้อีกสิบตำลึง นายหญิงได้โปรดรอข้าก่อน” หยุนเหนียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถังหลี่มองดูรูปร่างที่ผ่ายผอมของนางด้วยความรู้สึกสงสาร หยุนเหนียงอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ แต่รูปลักษณ์ของนางคล้ายสตรีอายุสี่สิบ ผมของนางเริ่มหงอกขาว
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหยุนเหนียงมาที่เป่าชิงเก๋อ ถังหลี่ได้นำภาพวาดนั้นกลับคืนให้หยุนเหนียง นางถือภาพวาดไว้ด้วยความตกตะลึง
“นายหญิงนี่มัน…”
“ภาพวาดนี่เก่าเกินไป แขวนตกแต่งแล้วดูไม่งดงามเท่าใด ข้าจึงเอามันคืนให้กับเจ้า”
“ไม่…ภาพวาดนี้ท่านซื้อไปด้วยเงินของท่าน ทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ..” หยุนเหนียงควานหาเงินจากแขนเสื้อของนาง หยิบเหรียญสองสามเหรียญออกมา
“หนึ่ง…สอง…”
“แม่ ข้ามีเงินอยู่นี่”
เด็กชายร่างสูงผอมเดินมาหยุดข้างหยุนเหนียง เขาหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อและนำเงินมากกว่าหกตำลึงออกมา
“…เงินนี้มาจากไหน?”
“เจ้าของร้านขายภาพให้ข้า” เด็กชายร่างผอมสูงเหลือบมองไปทางถังหลี่
“ยังใช้ไม่หมดหรือ?”
“ไม่…ข้าตั้งใจเก็บมันไว้เป็นค่ารักษาแม่” เด็กหนุ่มพูดอย่างไร้เดียงสาทำให้หยุนเหนียงตระหนักถึงบางอย่าง
“เจ้าใช้เงินไปกับค่ายาที่บ้าน…”
ดวงตาของนางแดงก่ำ หยุนเหนียงกอดลูกชายของนางแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น สองแม่ลูกต่างสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ชีวิตนี้ช่างยากเข็ญเหลือเกิน ดูเหมือนพวกเขาจะมีแต่ความทุกข์
ท้ายที่สุดแล้วถังหลี่ก็ได้รับเงินเจ็ดตำลึงจากหยุนเหนียงและนางก็รับภาพวาดคืนไป
“นายหญิงข้าจะรีบหาเงินอีกสามตำลึงมาคืนให้ท่าน”
เมื่อเห็นหยุนเหนียงยืนกรานเช่นนั้น ถังหลี่ก็ตกปากรับคำ นางหยิบภาพวาดขึ้นมาและเดินออกจากร้านไปพร้อมบุตรชาย
“พ่อของเจ้าต้องมีความสุขมากเมื่อเห็นมัน” หยุนเหนียงคิด นางมีรอยยิ้มที่มุมปากแต่บุตรชายของนางกลับหน้าบึ้งอย่างไม่ค่อยพอใจ
สองวันถัดมาหยุนเหนียงไม่มาที่ร้านอีกเลย
“พอได้ภาพวาดคืนก็ไม่มาที่นี่อีกเลยหรือ?” ฉางลู่พึมพำอย่างช่วยไม่ได้
ถังหลี่ไม่แสดงความเห็นใด ๆ
นางไม่ได้สนใจเงินสามตำลึงที่เหลือ หยุนเหนียงจะคิดเช่นไรถังหลี่ไม่ได้สนใจ หากอีกฝ่ายจะนำเงินมาคืนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเป็นพวกหมาป่าตาขาวก็แค่เลิกคบกันไป
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในอีกสองสามวันถัดมา เด็กชายร่างสูงผอมจะรีบวิ่งเข้ามาในร้าน เขาคุกเข่าแทบเท้าถังหลี่และเอ่ยปากขอร้อง
“เถ้าแก่เนี้ยถังได้โปรดช่วยแม่ข้าด้วยขอรับ!”
“แม่เจ้าเป็นอะไรหรือ?” ถังหลี่รีบถาม
“เมื่อวานก่อนแม่ข้าไม่สบายหนักมากก็เลยนอนพัก จนถึงตอนนี้นางยังไม่ฟื้นเลย! นายหญิงช่วยแม่ข้าด้วย! ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี!”
เขารู้สึกหมดหวังจริง ๆ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ในตอนนี้คนที่เขานึกถึงมีเพียงถังหลี่เท่านั้น นางเหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายของเขา
————————-