บทที่ 97 เงินสามตำลึง
“นี่…เงินสามตำลึงนี่ข้าพกติดตัวมาจากบ้าน!” ขงซวนรีบพูดขึ้นทันที
“สามตำลึง…สองตำลึงได้มาจากฮูหยินหลี่ที่ขายเครื่องเรือน ฮูหยินเหม่ยอีกหนึ่งตำลึง และอีกหนึ่งตำลึงจากฮูหยินเจิ้ง” เจิ้งติ่งกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าของขงซวนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
“เรื่องไร้สาระหรือ? พรุ่งนี้ข้าถามพวกนางก็รู้ข้อเท็จจริงแล้ว” ถังหลี่กล่าว
ขงซวนรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาฉีกยิ้มประจบสอพลออกมา
“น้องสะใภ้ เงินสี่ตำลึงนี่ข้าขายได้จริง ๆ แต่เราเป็นญาติกันไม่ใช่หรือ? ข้าแค่ต้องการเงินไปซื้อของให้พี่สาวกับหลานสาวสองคนของเจ้า…เจ้าคงจะไม่เอาเรื่องข้าใช่หรือไม่?”
ช่างหน้าหนาจริง!
ถังหลี่ฉีกยิ้มหากไม่ถึงดวงตา
“พี่เขย !…ท่านเป็นหัวขโมย ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องถูกส่งให้ทางการ”
ชาวบ้านธรรมดา ๆ อย่างขงซวนนั้นหวาดกลัวเจ้าหน้าที่เป็นธรรมดา เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตัวสั่นทันที
“น้องสะใภ้! เราเป็นญาติกันเจ้าจะฉีกหน้าข้าเช่นนี้หรือ!”
“ฉีกหน้าหรือ? เจ้าโดนฉีกหน้าหรือ? เจ้าบอกให้ภรรยาเลิกติดต่อกับเว่ยฉิง เขาบอกข้าแล้ว ไม่ต้องมาประจบข้า เดิมทีข้าก็เห็นแก่หน้าของพี่สาว แต่ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าจะกล้าทำถึงเพียงนี้! เจ้าขโมยเงินร้านไป ไม่ต้องมากความแล้ว พรุ่งนี้ไปพบทางการกับข้า!”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของถังหลี่ ขงซวนก็รู้สึกกลัวมาก
“น้องสะใภ้ อย่าเลย ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้าผิด อย่าส่งข้าให้ทางการเลย”
“ตามกฎระเบียบของต้าโจว ขโมยของมีโทษเช่นไรนะ โบยสามสิบไม้?” ถังหลี่ลูบคาง
“ได้ยินว่าไม้โบยนั้นหนามาก ทันทีที่โดนฟาดลงไปเนื้อแตกเลยทีเดียว!” เจิ้งติ่งกล่าวย้ำ
ขงซวนเหงื่อแตก เนื้อตัวเย็นด้วยความกลัว
“น้องสะใภ้เพื่อเห็นแต่เสี่ยวเถา ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
“พี่เขยรู้หรือว่าท่านทำผิด?” ถังหลี่กล่าว
“ข้ารู้ ๆ ข้าผิดเอง” ขงซวนพยักหน้าอีกครั้ง
“ในเมื่อพี่เขยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ร้านข้าคงไม่สามารถจ้างท่านต่อไปได้”
“ข้าไม่ทำแล้ว ข้าจะกลับบ้าน” เขาอยากกลับบ้าน!
ขงซวนรีบหันหลังกลับต้องการจะวิ่งออกไป ถังหลี่มองไปที่ฉางลู่ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะจับตัวเขาไว้
“พี่เขย ข้ายังพูดไม่จบเลยเจ้าจะรีบร้อนไปไหน? ที่ข้าไม่ส่งเจ้าไปทางการเพราะเห็นแก่พี่สาวข้า ดังนั้นเจ้าต้องดูแลนางให้ดี!”
“ได้ ๆ ๆ ข้าจะดีต่อนางอย่างแน่นอน”
“สำหรับชายอัปลักษณ์และไร้ความสามารถเช่นเจ้า เป็นโชคดีของเจ้าแล้วที่ได้แต่งงานกับคนดี ๆ อย่างพี่สาวข้า เจ้าสมควรที่จะดูแลนางให้ดี!”
บุรุษหน้าซื่อใจคดเช่นนี้ ควรถูกสั่งสอนให้มากกว่านี้ เขาจะได้รู้จักตัวเอง
“ได้ ได้ น้องสะใภ้ ข้ากลับแล้ว!”
จากนั้นถังหลี่ก็ให้ฉางลู่ปล่อยเขาไป
ขงซวนวิ่งหนีราวกับมีสุนัขวิ่งไล่ตาม หญิงสาวมองดูแผ่นหลังของเขาไปพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย
เว่ยเสี่ยวเถาแต่งงานกับคนเช่นนี้ได้อย่างไร?
ขงซวนผู้นี้เป็นพวกหนักไม่เอาเบาไม่สู้ พออ่อนข้อให้ก็รังแกอีกฝ่าย แต่เว่ยเสี่ยวเถาเป็นคนหัวอ่อนเช่นนี้ อย่างไรก็ตามจะหาสามีที่ดีและซื่อสัตย์ก็นับว่าหาได้ยากนัก คนนอกเช่นนางจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสามีภรรยาได้อย่างไร ?
นี่ก็เป็นแค่การข่มขู่ให้ขงซวนหวาดกลัว เพื่อให้ดีกับเว่ยเสี่ยวเถาเท่านั้นเอง!
“จบแล้ว กลับบ้านกันเถอะ” ถังหลี่พูด
เจิ้งติ่งเดินออกมาจากร้านพร้อมกับฉางลู่ที่ตามออกมา
“น้องชาย ข้าขอบคุณนะ” ฉางลู่วางมือลงบนไหล่ของเขา
“เจ้ากำลังปกป้องเจ้าหัวขโมยนั่นหรือ?” เจิ้งติ่งจ้องมองไปที่เขาด้วยดวงตาสีเข้ม
“นั่นเป็นพี่เขยของนายหญิงไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ จะกล้าไปสร้างปัญหาให้แก่นายหญิงได้อย่างไร?”
“เถ้าแก่เนี้ยถังเป็นคนยุติธรรม” เจิ้งติ่งกล่าว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนางจะไม่ปกปิดความผิด…ต่อให้นางเป็นญาติกับเขา
“ข้ารู้ นี่เป็นนิสัยเก่าของข้า รู้ไหมนายเก่าของข้าทำกับพวกบ่าวรับใช้ราวกับไม่ใช่คน เป็นโชคดีของข้าที่ได้พบนายหญิง” ฉางลู่ตบเบา ๆ ที่ไหล่ของเจิ้งติ่ง
“น้องชายเหตุใดเจ้าถึงสังเกตว่าขงซวนขายของให้ผู้ใดบ้าง?”
เดิมที่ฉางลู่คิดว่าตัวเองก็มีความฉลาดพอตัว หากแต่เมื่อเทียบกับเจิ้งติ่งแล้ว เด็กชายก็ยังฉลาดกว่าเขามาก
“เถ้าแก่เนี้ยให้ข้าจับตามองเขา” เจิ้งติ่งกล่าว
“หือ?”
“เถ้าแก่เนี้ยถังรู้มานานแล้วว่าขงซวนต้องไม่ซื่อสัตย์แน่นอน” เจิ้งติ่งกล่าว
“เถ้าแก่เนี้ยร้านเราเป็นคนรอบคอบจริง ๆ” ฉางลู่ยกนิ้วให้
“น้องเล็ก ข้าขอบคุณอีกครั้ง วันนี้ข้าเลี้ยงเกี๊ยวเจ้าเอง”
พอเขาพูดชบ แววตาของเจิ้งติ่งเปลี่ยนไป เด็กชายมองไปที่ฉางลู่
“ข้าอยากกินสามชาม”
“เอาล่ะ สามชามก็สามชาม เจ้ากินเก่งขนาดนี้ได้อย่างไรนะ พุงก็เล็กเช่นนี้กินเยอะเสียจริง” เขาเดินไปลูบท้องของเจิ้งติ่ง แต่เด็กชายหลบ ทั้งสองคนเดินไปที่ตลาดด้วยกัน
ทางด้านขงซวนเขาไม่กล้าอยู่ในเมืองต่อไปอีก เขารีบกลับไปที่หมู่บ้านขงเจีย จนถึงบ้านเมื่อยามดึก เขาเดินชนผู้เฒ่าขงที่ออกมาเข้าห้องน้ำเข้าพอดี ผู้เฒ่าขงร้องขึ้นด้วยความตกใจ
นางหยางที่กำลังนอนหลับสบายก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน
“โจร! มีขโมยขึ้นบ้านหรือ!”
“อย่าเอะอะไป เป็นซวนเอ๋อร์ต่างหาก” สามีของนางกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ซวนเอ๋อร์!” นางหยางเห็นขงซวนก็ร้องโอดครวญ
“ซวนเอ๋อร์รองเท้าเจ้าขาดหมดแล้ว! เดินมาไกลเช่นนี้ขาเจ้าบาดเจ็บพอดี… น่าจะรอเกวียนวัวแล้วค่อยกลับมาพรุ่งนี้แทน เหตุใดถึงได้มาเสียดึกดื่นอย่างนี้เล่า ! ”
ทันทีที่ขงซวนกลับถึงบ้านเขาก็กลายเป็นนายใหญ่ของบ้านทันที
“แม่ ข้าหิว!”
นางหยางเดินไปเตะประตูห้องเว่ยเสี่ยวเถาสองสามครั้งทันที
“นอนอยู่ได้! ลุกขึ้น! สามีเจ้ากลับมาแล้ว ลุกมาทำอะไรให้เขากินเสีย!” เว่ยเสี่ยวเถาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย และหลังจากที่ได้ยินครอบครัวสามีพูด นางก็ตื่นขึ้นเต็มตา
ไม่ว่านางหยางจะถามอะไร ขงซวนก็ไม่ปริปากพูด จนบิดาของชายหนุ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
“ซวนเอ๋อร์เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? น้องของเสี่ยวเถาทำเจ้าคับข้องใจใช่หรือไม่?”
“ข้าจะลาออกจากงาน!” ขงซวนพยักหน้า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ข้าทำงานหนักมาทั้งวัน แล้วได้เงินมาก้อนหนึ่ง แต่น้องสะใภ้บอกว่าข้าขโมยของนาง!”
“ขโมยอะไร? คนในครอบครัวเหตุใดจะเอาเงินมาไม่ได้”
“ซวนเอ๋อร์เป็นพี่เขยของนาง! นางไม่คิดจะให้เงินเจ้าเลยหรือ?…เจ้าต้องไปทวงมา!”
“ใช่แล้ว พวกสกุลเว่ยนี่มันขยะจริง ๆ นังโสเภณีผู้นี้หาเงินได้มหาศาล แต่กลับไม่ช่วยเหลือญาติเลย คงเก็บเงินไว้ทำศพตัวเองล่ะสิ!” นางหยางพ่นคำหยาบคายไม่น่าฟังออกมา
เว่ยเสี่ยวเถาที่อยู่ครัว ได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดกันอย่างชัดเจน นางยิ่งโกรธสามีของตนเองมากยิ่งขึ้น “ท่านแม่ ท่านพ่อ สามีทำความผิด เอาเงินน้องสะใภ้มาแบบนั้นไม่เรียกว่าขโมยแล้วจะเรียกว่าอะไร ? ทำไมไม่ดุว่าลูกชายพวกท่าน มาดุด่าน้องชาย น้องสะใภ้ของข้าได้อย่างไร ? !” เว่ยเสี่ยวเถาขว้างที่คีบถ่านใส่แล้วรีบหนีไป
“นังสารเลว! สามีเจ้าโดนทำร้ายเจ้ากลับเข้าข้างคนนอก! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!” นางหยางพูดอย่างโกรธจัด ก่อนทำท่าจะเข้าไปทำร้ายเสี่ยวเถา
“เดิมทีก็เป็นความผิดของพวกท่าน! น้องสะใภ้ข้ารักษาน้ำใจให้ นางทำถูกแล้ว!”
เว่ยเสี่ยวเถาเป็นคนที่ทำงานในไร่ นางเป็นคนแข็งแรง ด้วยเหตุนี้นางจึงผลักแม่สามีกระเด็น ก่อนจะรีบเข้าห้อง กระแทกประตูปิดเสียงดัง โดยไม่กลับมาทำอาหารในครัวต่อ
——————————————-