บทที่ 102 เสียงกระซิบ
ถังหลี่เดินเข้าไปในห้องนอน เว่ยฉิงนั้นกำลังตัดไม้ด้วยมีดเพื่อนำไปรองฐานเตียงและเมื่อเห็นภรรยาเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า
“ขงซวนทุบตีนาง แต่นางก็ยังต้องการจะกลับไปบ้านนั้น เหตุใดนางช่าง…”
ถังหลี่รู้ว่าเว่ยฉิงต้องการจะพูดอะไร แต่เว่ยเสี่ยวเถาก็ยังเป็นบุตรสาวของเหล่าเว่ยทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะกลืนคำพูดนั้นลงไป
“ไม่แปลกใจที่คนบ้านนั้นจะดูถูกนาง ส่วนขงซวนก็ถูกบิดามารดายกหางจนเหลิงไปหมดแล้ว ”
เว่ยฉิงโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากำหมัดแน่นขึ้น หากเว่ยเสี่ยวเถาเข้มแข็งกว่านี้สักหน่อย ชายหนุ่มคงทุบตีขงซวนและพานางพร้อมหลานกลับบ้าน แทนที่จะต้องทนทุกข์อยู่ในบ้านสกุลขง! แต่เว่ยเสี่ยวเถาก็ไม่สามารถเข้มแข็งเช่นนั้นได้ เว่ยฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากแสร้งทำเป็นเพิกเฉยต่อนาง
“นั่นเป็นชีวิตของนาง นางเลือกของนางเช่นนััน เราช่วยนางได้มากที่สุดเพียงเท่านี้” ถังหลี่เดินเข้ามาใกล้นวดหลังเว่ยฉิงอย่างเอาอกเอาใจ
ใบหน้าบูดบึ้งของชายหนุ่มดีขึ้นเล็กน้อย เขาเอามีดเก็บเข้าฝักวางไว้ด้านข้าง ก่อนที่จะเอื้อมมาคว้ามือของหญิงสาวแล้วรั้งตัวนางเข้าไปในอ้อมกอด เว่ยฉิงมองใบหน้าที่ขาวนวลเนียนของภรรยา ดวงตาก็เป็นประกาย ความหงุดหงิดในใจก็มลายหายไป ฮูหยินของเขาเป็นคนอารมณ์ดี กล้าแสดงออกกล้าตัดสินใจ
เขาไม่อยากคิดเรื่องของเว่ยเสี่ยวเถาอีกต่อไป หากชายหนุ่มกลับหวนคิดถึงถ้อยคำของภรรยาที่กล่าวไว้อย่างน่าสนใจ
“ภรรยา เจ้าเพิ่งบอกว่าจะไปหาสามีใหม่ที่ดีกว่าข้าหรือ ?” เว่ยฉิงพูดเสียงเครือ ดวงตาของเขาเหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ที่น่าสงสาร หญิงสาวลูบหัวเขา
“ข้าหมายความว่าหากเจ้าทำตัวไม่ดีกับข้า รังแกข้า”
“ภรรยา เจ้าคิดจะมีชายอื่นที่ดีกว่าข้าหรือ?” เขาพึมพำวางศีรษะตัวเองบนไหล่นาง ราวกับว่าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
ถังหลี่ใจอ่อนยวบ นางจูบเบา ๆ ที่ใบหน้าของเว่ยฉิง
“ไม่มีทาง สามีของข้าดีที่สุด”
“จริงหรือ?” เว่ยฉิงพูดด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ
“สามีข้าทั้งสูงทั้งรูปงาม สง่าผ่าเผยและมีเสน่ห์….” ถังหลี่พูดเอาใจเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยกับนางว่า
“ภรรยา เป็นข้าที่ดีที่สุดในใจของเจ้าสินะ”
ถังหลี่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา รู้ได้ทันทีว่านางโดนเขาหลอกล่ออีกแล้ว แต่พอเห็นใบหน้าของเว่ยฉิงนางก็ไม่อาจโกรธเขาได้
“อืม…เป็นเจ้าที่ดีที่สุดจริง ๆ” ชายหนุ่มกลอกตา
นอกจากจะดีมากแล้ว วันนี้เขายังมีของพิเศษมากไปกว่านั้นให้นางด้วย
ฮึฮึ
“ภรรยา ข้าซื้อของบางอย่างมาตอนกลางวัน เจ้าเห็นแล้วต้องแปลกใจ”
“เจ้าซื้อสิ่งใดมาหรือ?” ถังหลี่สงสัย
“คืนนี้ข้าจะให้เจ้าดู” เว่ยฉิงพูดอย่างมีเลศนัย
วันนี้ทั้งสองคนเพลียมากแต่ก็เดินออกมาจากห้อง
เว่ยฉิงไม่ได้สนใจเว่ยเสี่ยวเถา หากจำต้องอยู่ด้วยกันจึงเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
“น้องสะใภ้ มีอะไรที่ข้าช่วยเจ้าได้หรือไม่?” เว่ยเสี่ยวเถาพูดคุยได้แต่กับถังหลี่ ครั้งแรกนางกำลังจะเข้าไปช่วยในครัว แต่ก็โดนป้าจ้าวบอกให้ออกมาข้างนอก
“พี่สาวท่านพักผ่อนเถิด ข้าจะให้ท่านทำงานได้อย่างไร เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านพักให้สบายเถิดอย่าคิดมากเลย”
“ท่านแม่ ท่านยังทำงานไม่พอหรือ? ท่านน้าให้ท่านพักผ่อนนั่นย่อมเป็นเรื่องดีมากแล้ว” จ้าวตี้อดพูดกับมารดาไม่ได้
“ยัยเด็กคนนี้นี่…” เว่ยเสี่ยวเถาทำอะไรไม่ถูก
จ้าวตี้แลบลิ้นแล้วลากเนี่ยนตี้วิ่งหนีไป ทั้งสองไปวิ่งเล่นกับซานเป่า เด็กน้อยชอบบ้านของท่านน้ามาก บ้านท่านน้ามีข้าวให้กินแถมยังมีหลายสิ่งที่นางไม่เคยกินมาก่อน อาสะใภ้ก็อ่อนโยนและไม่ดุว่าพวกเขาเลย ดังนั้นตอนเช้าที่แม่บอกว่าจะพามาบ้านท่านน้าจ้าวตี้จึงดีใจมาก
นางอิจฉาซานเป่าจริง ๆ
ซานเป่าก็เป็นเด็กผู้หญิงเช่นเดียวกับนาง แต่นางเปรียบเสมือนไข่มุกบนฝ่ามือของครอบครัว ทำให้เด็กหญิงทั้งคู่ได้รู้จักการเปรียบเทียบการปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงซึ่งแตกต่างจากครอบครัวของนาง
เมื่อป้าจ้าวทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว ทั้งครอบครัวต่างร่วมกินอาหารมื้อนั้นด้วยกัน หลังจากกินเสร็จแล้ว เว่ยเสี่ยวเถาพาเด็กทั้งสองไปยังห้องนอนรับรอง ส่วนถังหลี่ก็พาลูก ๆ อาบน้ำและเข้านอนทันที เป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทำให้เด็กทั้งสองคนผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
หญิงสาวกำลังนึกถึงของขวัญปริศนาของเว่ยฉิง ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้น
“สามีเจ้าจะให้ข้าดูสิ่งใดหรือ?” ถังหลี่ถาม
หูของเว่ยฉิงแดง หัวใจของเขาก็เต้นแรงมากขึ้น เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากใต้เตียง
“ภรรยาดูนี่สิ” เว่ยฉิงส่งของให้ถังหลี่พร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่นอย่างมีพิรุธ หูของเขาเป็นสีแดงไปหมด
หญิงสาวรับของสิ่งนั้นมาและบีบดู นางไม่รู้ว่ามันคืออันใด แต่มันนุ่มนิ่มเหมือนลูกบอล เว่ยฉิงแอบมองหญิงสาว ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง โชคดีที่เทียนในห้องสลัวจนทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด
“เว่ยฉิง! นี่มันสิ่งใด!” ถังหลี่ถาม นางไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคือสิ่งใด ?
เว่ยฉิงทำตากลอกไปมา เขาเอนไปกระซิบที่ข้างหูนางบอกว่าของสิ่งนี้ไว้ใช้ทำอันใด ?
ดวงตาของถังหลี่เบิกกว้าง
นี่…นี่มัน….
ถังหลี่โยน ‘ลูกบอล’ ในมือไปที่เว่ยฉิง ใบหน้าที่งดงามของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ อากาศในห้องร้อนขึ้นมาทันที ภายในใจของถังหลี่สับสนวุ่นวาย กล้ามเนื้อและแขนอันทรงพลังของเว่ยฉิงก็แวบผ่านเข้ามาในความคิดของนางอย่างห้ามไม่ได้…
เมื่อเว่ยฉิงเห็นว่าภรรยาของตัวเองเขินอาย เขาก็สลัดความขัดเขินในใจตัวเองทิ้งไปทันที ชายหนุ่มรีบขยับเข้าใกล้ภรรยาของเขา
“ภรรยา ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะไม่ต้องมีลูก ถ้าวันไหนที่อยากมีลูกเราก็โยนมันทิ้งไป” เว่ยฉิงพูดอย่างมีเลศนัย
“ฮูหยิน..เรามาลองดูกันดีหรือไม่?”
นัยน์ตาพยัคฆ์ของเว่ยฉิงส่องประกายเจ้าเล่ห์ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งแต่ใบหน้าของนางก็ยังคงร้อนเหมือนลูกไฟลวก
“พี่สาวยังอยู่ที่นี่นะ”
“เราจะรอจนกว่านางจะกลับไป ดีหรือไม่?” เว่ยฉิงพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
ถังหลี่หน้าแดงระเรื่อตอบสามีอ้อมแอ้มว่า
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิด”
เมื่อชายหนุ่มเห็นภรรยาแทบจะหดตัวงอเขินอายราวกับกุ้งต้ม เขาจึงหยุดล้อเลียนนาง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”
“ฮูหยิน…นอนกันเถิด” ชายหนุ่มจูบนางที่แก้มอีกครั้ง ก่อนจะเป่าเทียนให้ดับ จากนั้นจึงอุ้มนางขึ้นไปนอนบนเตียง ไม่นานนักพวกเขาก็หลับไปพร้อมกัน
ทั้งสองกอดกันแน่นราวกับนกยวนยางที่กำลังเคล้าคลอเคลียกัน
…
เช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยฉิงไปทำงานที่จวนสกุลเซี่ย
ถังหลี่กลัวว่าเว่ยเสี่ยวเถาจะเบื่อ นางจึงให้เว่ยเสี่ยวเถาทำงานช่วยโรงงานจากที่บ้าน และให้ค่าแรงกับหญิงสาว
จ้าวตี้และเนี่ยนตี้ช่วยเว่ยเสี่ยวเถาทำงานเช่นกัน แม้ว่าทั้งสองยังอายุน้อยแต่ก็สามารถช่วยงานในบ้านได้ ทั้งซักผ้า หรือทำอาหาร ทั้งสามคนต่างทำได้อย่างดี
“ท่านแม่ ท่านน้าบอกว่าทำหนึ่งร้อยชิ้นนี้จะได้เงินสิบอีแปะ ถ้าพวกเราสามคนทำได้สองร้อยชิ้นต่อวัน เราจะมีเงินยี่สิบอีแปะซึ่งเพียงพอกับเราสามคน ท่านแม่ เช่นนี้เรายังจะกลับไปบ้านอีกหรือ ?” จ้าวตี้อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ยามอยู่ที่บ้านต้องทำงานหนักแล้วยังจะโดนดุด่าทุบตี อดอยากหิวโหยทั้งวันอย่างที่เคยเป็นมา
ใบหน้าของเว่ยเสี่ยวเถามืดครึ้มลง
“จ้าวตี้ ถึงจะดีเพียงใดมันก็เป็นบ้านของท่านน้า! ไม่ใช่ของพวกเรา พวกเราเป็นคนสกุลขง ! หากคราวหน้าหากเจ้ากล้าพูดเช่นนี้อีก แม่จะตีเจ้า!”
จ้าวตี้ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดมารดา นางเม้มริมฝีปากและตอบกลับไป
“ข้ารู้แล้วท่านแม่”
———————-