บทที่ 103 มารับเว่ยเสี่ยวเถา
เว่ยเสี่ยวเถาพักอยู่ที่บ้านของสกุลเว่ยมาเรื่อย ๆ จนคืนหนึ่งนางก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
สามีคงไม่ได้คิดจะหย่ากับนางจริง ๆ ใช่หรือไม่?
นางจะทำเช่นไร…หากต้องหย่ากับสามีจริง ๆ
เว่ยเสี่ยวเถารู้ว่าถังหลี่นั้นดีกับนางมาก ทำให้หญิงสาวละอายใจเกินว่าจะบอกความต้องการของตัวเองว่านางเริ่มอยากจะกลับสกุลขง ดังนั้นความกังวลเรื่องนี้จึงได้ถูกเก็บไว้วันแล้ววันเล่า…
การอยู่ในบ้านสกุลขงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นางหยางเป็นแม่สามีของเว่ยเสี่ยวเถามาหลายปีแล้ว ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้เว่ยเสี่ยวเถาทำงานทุกอย่างแม้กระทั่งทำอาหารจนถึงล้างเท้าให้นาง กระนั้นก็ยังโดนนางทุบตีอยู่บ่อยครั้ง พอเว่ยเสี่ยวเถาไม่อยู่สักคนนางหยางจึงทำอะไรเองไม่เป็น ดังนั้นงานทุกอย่างจึงถูกโยนไปให้สะใภ้คนโตของนางทำแทน
นางจางเป็นภรรยาของลูกชายคนโตของนางหยาง หลังจากที่นางจางแต่งเข้าสกุลขง นางก็มีหลานชายให้นางหยางทันที ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนางหยางและนางจางจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ผิดกับเว่ยเสี่ยวเถา แต่ยามนี้เว่ยเสี่ยวเถาไม่อยู่ ภาระในการทำงานจึงตกเป็นของนางจางแต่ผู้เดียว งานบ้านและงานทำอาหารนั้นไม่ได้หนักหนามากนัก แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน นางจางก็งานล้นมือจนต้องขอให้นางหยางช่วยเหลือนางบ้าง นางหยางจึงหงุดหงิดขึ้นมา
“ตอนนี้งานในไร่ไม่มี แค่ซักผ้าและทำอาหารเสี่ยวเถายังทำได้โดยไม่พูดอะไรสักคำ แม่ปล่อยเจ้าสบายมามากเกินไปแล้ว ไปทำงานซะอย่าขี้เกียจ”
นางจางนึกก่นด่านางหยางอยู่ในใจ “เจ้าน่ะสิขี้เกียจ แก่จนจะลงโลงอยู่แล้วยังขี้เกียจไปจนถึงกระดูก”
“ท่านแม่พูดถูกแล้ว” ใบหน้าของนางจางยังคงมีรอยยิ้มฉาบไว้
“เอาล่ะ ๆ ไปทำอาหารเถิด เมื่อวานเจ้าทำอาหารเค็มเกินไปนะ วันนี้ใส่เกลือให้น้อยลงหน่อย เกลือมันแพงนักอย่าได้ฟุ่มเฟือย”
นางจางไม่ได้เข้าครัวมานานกว่าสิบปีแล้ว ทำให้ฝีมือการทำอาหารของนางเปลี่ยนไป อาหารของนางบ้างก็เค็มบ้างก็จืดทำให้คนในสกุลขงนั้นไม่พอใจ หญิงสาวสบถในใจ นางเข้าครัวทำอาหารอยู่ในครัวนานเกินกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ตอนนี้ต้องเทอาหารทิ้งทั้งสามจาน หนึ่งในนั้นคือจานปลาที่ผู้เฒ่าขงกิน
ผู้เฒ่าขงชอบกินปลามาก เว่ยเสี่ยวเถาทำอาหารจานปลาได้ดีเขาจึงคิดอยู่เสมอว่ามันต้องอร่อยเหมือนที่เว่ยเสี่ยวเถาทำ แต่เมื่อเขาคีบกินเข้าไปด้วยความดีใจก็พบว่า มันทั้งไหม้และเหม็นคาว ไม่อร่อยเลยสักนิดเดียว
“อาหารพวกนี้รสชาติแย่มาก ! ขนาดหมูยังไม่กินเลย!” ผู้เฒ่าขงเขวี้ยงชามทิ้งทันที ชายชราเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง จนภรรยาต้องรีบถือชามข้าววิ่งตามสามีไป นางเดินออกมาจากห้องด้วยความหงุดหงิด
“สะใภ้จาง! เว่ยเสี่ยวเถายังทำของพวกนี้ได้เลย เจ้าต้องหัดทำเสียบ้าง! ดูสิวันนี้เจ้าทำอะไรลงไป เสียปลาไปโดยใช่เหตุ!”
นางจางอารมณ์คุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจ นางสมควรจะตอกกลับไป แม่สามีช่างเกียจคร้านอะไรเช่นนี้!
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้วคราวหน้าข้าจะระวังให้ดี ….ท่านแม่ เสี่ยวเถาอยู่บ้านน้องชายมาหลายวันแล้ว ให้น้องรองไปรับนางกลับมาดีหรือไม่?” นางจางกล่าว
“จะไปตามนางกลับมาด้วยเหตุใด? แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้แบบนั้น มีแต่ลูกสาว เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวเสียเปล่าไม่ต้องกลับมาน่ะดีแล้ว!” นางหยางดุ
นางจางได้แต่กลืนสิ่งที่อยากพูดลงคอเท่านั้น นางเคยตัวกับความขี้เกียจเสียแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สักวันนางจะตายเพราะความเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น นางจางแอบกินปาโต้ว[1] ก่อนที่จะปวดท้องและเข้าห้องน้ำไป นางป่วยมากจนไม่สามารถทำกับข้าวได้ จึงเหลือเพียงนางหยางเท่านั้น
ฝีมือการทำอาหารของนางหยางนั้นดีกว่าลูกสะใภ้มากนัก
ผู้เฒ่าขงถึงกับอารมณ์ดีขึ้นมาเลยทีเดียว
“ต่อไปนี้เรื่องอาหารก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว อย่าปล่อยให้สะใภ้จางทำอาหารต่อไปอีกเลย” ผู้เฒ่าขงสำทับ
ภายในหนึ่งวัน นางหยางทั้งต้องซักผ้า ทำกับข้าว ล้างจานอีก หลังจากหมดวันแล้วนางรู้สึกราวกับว่ากระดูกของนางเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ นางหยางไม่ต้องการที่จะเลี้ยงเว่ยเสี่ยวเถาและลูก ๆ ของนางให้เปลืองข้าวสุกเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าความเหนื่อยล้าจากการทำงานนั้นทำให้นางเปลี่ยนใจ
หญิงชราแอบก่นด่าความไร้ประโยชน์ของนางจางในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจไปรับเว่ยเสี่ยวเถากลับมา
เข้าวันรุ่งขึ้นนางหยางคุยกับผู้เฒ่าขงและขงซวนเพื่อหารือกัน
“ซวนเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าจะไปรับเว่ยเสี่ยวเถากลับมา” นางหยางถามลูกชาย
“ท่านแม่! จะให้นางกลับมาด้วยเหตุใดแค่เห็นหน้านางข้าก็รำคาญแล้ว! กินข้าวก็เยอะเหมือนแม่หมู เปลืองข้าว!” ขงซวนบ่น
“นางกินเยอะแต่ก็ทำงานเยอะเช่นกัน ตอนนี้ในนาไม่มีงานมากก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาเกี่ยวข้าวผู้ใดจะทำเล่า? เจ้าจะทำหรือ?”
“ท่านแม่ ทำไมท่านไม่หาลูกสะใภ้เก่ง ๆ อีกสักคนเล่า? ภรรยาเว่ยฉิงเก่งมากนะ นางหาเงินได้แล้วก็สวยมากด้วย” ขงซวนคิดแล้วน้ำลายสอ
“ท่านแม่อยากมีสะใภ้ใหม่หรือไม่? ตอนนี้ท่านมีเงินไปสู่ขอให้ข้าหรือยัง?” ขงซวนพูดไม่หยุด
“ท่านแม่ น้องชาย คนรู้จักข้าทำงานที่เหมืองถ่านหินบนภูเขา ที่นั่นรับทั้งผู้ชายผู้หญิง ตอนนี้งานในนามีไม่มากนัก เราให้เว่ยเสี่ยวเถาไปทำงานบนเหมืองก็ได้นะ ผู้ชายจะได้วันละเจ็ดถึงแปดร้อยอีแปะ ส่วนผู้หญิงได้สี่หรือห้าร้อยอีแปะต่อวัน” ขงต้าจู้พูดขึ้นมา
ขงต้าจู้มีเพื่อนฝูงมากมาย เขาจึงได้รับข่าวสารนี้มาจากคนเหล่านั้น
“งานที่ดีเช่นนี้เหตุใดเจ้าไม่บอกแม่ก่อนหน้านี้เล่า เจ้ากับน้องชายไปลองทำดูก่อนไหม?” นางหยางอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโลภ
“ท่านแม่ งานที่เหมืองถ่านหินมันอันตรายมาก หากข้ากับน้องถูกหินทับตายในนั้น ท่านจะไม่ร่ำไห้น้ำตาเป็นสายเลือดหรือ?” ขงต้าจู้เข้าไปหาขงซวนพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง
“น้องชาย หากเจ้าถูกหินทับตายในนั้นทางเหมืองจะจ่ายค่าชดเชยให้สิบตำลึง”
ห้าร้อยอีแปะต่อวัน เป็นเงินถึงสิบสองตำลึงต่อเดือน!
เพียงแค่เดือนเดียวก็มีเงินเพียงพอที่จะไปสู่ขอภรรยาใหม่แล้ว
หากเว่ยเสี่ยวเถาเสียชีวิต เขายังได้รับเงินอีกสิบตำลึง ไม่เพียงแต่จะได้เมียใหม่เท่านั้นยังจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย!
หัวใจของขงซวนสั่นรัวอย่างลิงโลด
“ท่านแม่ ข้าจะไปตามเว่ยเสี่ยวเถากลับมา!”
…..
ที่บ้านสกุลเว่ย
เว่ยเสี่ยวเถาอาศัยอยู่ที่นี่มาสี่วันแล้ว นางได้กินอาหารดี ๆ ทำให้ผิวพรรณของนางดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตามนางก็เริ่มวิตกขึ้นเรื่อย ๆ คนสกุลขงจะไม่มารับนางกลับบ้านหรือ?
ถ้าหากไม่กลับไป…นานกว่านี้ สามีจะขอหย่ากับเสี่ยวเถาหรือไม่?
อันที่จริงแล้วเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนก็เป็นความผิดของนางเองที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ เว่ยเสี่ยวเถาไม่อาจจะอยู่เฉยได้อีกต่อไป นางพาจ้าวตี้กับเนี่ยนตี้ไปที่เป่าชิงเก๋อ
ถังหลี่กำลังสอนเจิ้งติ่งให้อ่านบัญชีแยกประเภทอยู่ เมื่อเห็นว่าพี่สามีมาหา นางก็ให้เจิ้งติ่งอ่านบัญชีและศึกษาเอง จากนั้นจึงรีบเข้าไปทักทายเว่ยเสี่ยวเถา
“พี่สาว มีอะไรรีบด่วนหรือ?” ถังหลี่ถาม
“น้องสะใภ้ ข้ารบกวนเจ้ามามากแล้ว ข้าว่าข้าควรกลับบ้าน” เว่ยเสี่ยวเถาไม่อ้อมค้อม
ถังหลี่รับรู้ถึงความสับสนและกังวลของเว่ยเสี่ยวเถามาตลอด นางไม่เคยปล่อยวางได้เลย ถังหลี่ไม่เข้าใจว่าคนอย่างขงซวนมีดีอะไร แต่นางไม่ใช่เว่ยเสี่ยวเถา มันเป็นทางเลือกของพี่สามีของนางเอง ถังหลี่ไม่สามารถตัดสินใจแทนนางได้
“ได้สิ ข้าจะไปส่งท่านที่บ้านนะ” ถังหลี่ตอบรับ
เมื่อถังหลี่พาเว่ยเสี่ยวเถากลับไปบ้าน นางเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คนผู้นั้นคือขงซวนนั่นเอง!
เดิมทีแล้วขงซวนเป็นคนที่มีความมั่นใจและหลงตัวเองเป็นอย่างมาก แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นถังหลี่ ความรู้สึกต่ำต้อยและละอายใจก็เกิดขึ้น เขารู้สึกกลัวนาง..
“ท่านพี่ ท่านมาด้วยเหตุใดหรือ?” เว่ยเสี่ยวเถาถาม น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ข้ามารับเจ้า ออกมานานจนลืมทางกลับบ้านแล้วกระมัง?” ขงซวนพ่นลมหายใจพรืดใหญ่
“ไม่…ข้าแค่พักอยู่ที่บ้านเว่ยฉิงเพียงแค่สองสามวันเท่านั้น ท่านพี่… หากข้ากลับไป ท่านจะตีข้าอีกหรือไม่?”
เว่ยเสี่ยวเถาจำสิ่งที่ถังหลี่สอนนางได้ หากสามีของนางมารับ นั่นย่อมแสดงว่าสกุลขงนั้นขาดนางไม่ได้ เสี่ยวเถาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้สร้างเงื่อนไขบางอย่างกับสามีของนาง
ขงซวนจำคำพูดที่เคยสัญญากับถังหลี่ไว้ได้ดี ชายหนุ่มจึงรีบพูดขึ้น
“ข้าจะทุบตีเจ้าได้อย่างไร! เจ้าเป็นภรรยาข้า แน่นอน ข้าจะดูแลเจ้า!”
ประโยคนี้ทำให้เว่ยเสี่ยวเถามีความสุขมาก นางจึงตามสามีกลับบ้านไปอย่างมีความสุข
ถังหลี่มองตามหลังพวกเขาไปพลางถอนหายใจเบา ๆ หากขงซวนทำตามที่ปากเขาพูดจริง เว่ยเสี่ยวเถาคงไม่ลำบากเช่นทุกวันนี้หรอก
——————————
[1] ป้าโต้ว ผลสุกแห้งของพืช ลักษณะภายนอกเป็นรูปไข่ ผิวสีเหลืองอมเทา ผลแตกออกเป็น 3 พู แต่ละพูมีเมล็ดเดียว เมล็ดรูปรีแบน ผิวสีน้ำตาลหรือน้ำตาลอมเทา เนื้อในเมล็ดสีขาวอมเหลือง มีน้ำมัน กลิ่นอ่อน ๆ รสเผ็ด