บทที่ 107 รังหมาป่า
เว่ยฉิงกอดหญิงสาวไว้และจูบไปที่หน้าผากของนาง แต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายผลักออกมา
“สกปรก” ถังหลี่กล่าว
เนื้อตัวมีแต่เถ้าถ่าน
“ถ้าสกปรกก็อาบน้ำเถิด”
เว่ยฉิงอุ้มนางเข้าไปในห้องน้ำ ในนั้นมีอ่างอาบขนาดใหญ่ภายในอ่างบรรจุไปด้วยน้ำร้อน ถัดจากอ่างก็เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ของหญิงสาวที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างดี
ถังหลี่รู้สึกอึดอัดและเหนียวเหนอะไปทั้งตัว นางต้องการชำระร่างกาย หญิงสาวถอดเสื้อคลุมของตนออก เรือนร่างของนางตกอยู่ในสายตาของเว่ยฉิง เมื่อเห็นลาดไหล่ขาวราวกับหิมะของหญิงสาว เขาก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนวาบที่จมูก เว่ยฉิงรีบหันหลังกลับเดินออกไปทันที
ถังหลี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เว่ยฉิงเตรียมไว้ให้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะมาอาบน้ำต่อจากนาง เขาพูดว่าเสียดายน้ำ แต่ลึก ๆ แล้วในใจของเว่ยฉิงกลับมีความคิดสัปดนขึ้นมา โดยปกติแล้วเขาเป็นคนอาบน้ำเร็ว แต่วันนี้เว่ยฉิงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานถึงครึ่งชั่วยาม
หลังจากเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว ถังหลี่สังเกตเห็นรอยแดงบนผิวสีน้ำตาลของสามี นางกังวลว่าจะเกิดอะไรผิดปกติขึ้น แต่เว่ยฉิงยืนกรานว่าเป็นเพราะน้ำร้อนในอ่าง แต่ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วไม่รู้ว่าอุณหภูมิลดไปเท่าไหร่แล้ว ความวุ่นวายดังกล่าวทำให้ความขุ่นเคืองในใจของเว่ยฉิงสลายไปเล็กน้อย
เขาอดคิดไม่ได้ว่าโชคดีเหลือเกินที่มีนางเป็นภรรยา
“สามี หากพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นบอกข้านะ เข้าจะให้หมอซูมาดูให้” ถังหลี่กล่าว
แม้ว่าหมอเฉินจะเป็นหมอที่เก่งและดีที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย แต่ถังหลี่กลับเชื่อใจหมอซูมากกว่า หากหมอซูยืนยันว่าไม่เป็นอะไร นางจึงจะสบายใจ
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนหมอซูแล้ว” เว่ยฉิงพยักหน้า
วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองคนเหนื่อยล้ามาก เว่ยฉิงและถังหลี่จึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเว่ยฉิงมีงานที่สกุลเซี่ย เขาไม่สามารถลางานได้ตลอด เมื่อหญิงสาวยืนกรานว่าตัวเองรับมือได้ ชายหนุ่มจึงกลับไปที่บ้านสกุลเซี่ย
วันต่อมา
หมอซูเดินทางมาจากหมู่บ้านเพื่อดูอาการของเว่ยเสี่ยวเถาพร้อมกับเปลี่ยนยาให้นาง แต่คำวินิจฉัยของเขาก็เหมือนกับหมอเฉิน ถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเว่ยเสี่ยวเถาตกใจมาก เมื่อนางหลับตาลงก็จะมีภาพของใครบางคนถูกหินถล่มทับจนตายต่อหน้านาง หญิงสาวจึงอยู่ด้วยความหวาดผวา
ส่วนขาของนางในตอนนี้…การที่จะยอมรับว่าตนเองจะขาพิการนั้นเป็นเรื่องยาก เว่ยเสี่ยวเถาก็เช่นกัน นางแทบอยากจะกลั้นใจตายวันละหลายหน แต่เมื่อมองไปที่บุตรสาวก็ได้แต่ละทิ้งความคิดเหลวไหลนั้นไปเสีย หากนางตายไป จ้าวตี้และเนี่ยนตี้จะเป็นเช่นไร?
ถังหลี่เห็นว่านางบอบช้ำมาก หญิงสาวจึงทำได้เพียงบอกให้จ้าวตี้หมั่นเข้าไปพูดคุยกับมารดาเท่านั้น ส่วนเอ้อร์เป่าและซานเป่ามักจะไปหาท่านป้าของตัวเองบ่อย ๆ อยู่แล้ว อารมณ์ของเว่ยเสี่ยวเถาจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เว่ยเสี่ยวเถาสามารถลุกขึ้นยืนได้โดยใช้ไม้ค้ำช่วย แต่ยังไม่สามารถเดินเหินไปไหนได้ไกล ๆ นางจึงต้องทำตัวให้คุ้นชินกับสภาพร่างกายของตนเอง
ถังหลี่นำงานของโรงงานมาให้เว่ยเสี่ยวเถาและจ้าวตี้ทำ หลังจากที่ได้ทำงานบางอย่าง จิตใจของเว่ยเสี่ยวเถาจึงดีขึ้นมาก
เมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะที่ดีขึ้น ถังหลี่จึงกลับไปทำงานที่เป่าชิงเก๋อ
เมื่อมาถึง นางก็ได้รับข่าวดีจากโรงงาน หลู่ชิงผลิตสินค้าตัวใหม่ออกมาคือแป้งฝุ่นเฝิ่นอิง เดิมทีสินค้าตัวนี้เป็นสิ่งที่บิดาของหลู่ชิงที่ตั้งใจผลิตขึ้นมาแต่แรกแล้ว แต่เป็นเพราะเขาเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันการผลิตแป้งฝุ่นจึงหยุดชะงักลง หลู่ชิงจึงศึกษาข้อมูลที่บิดาทิ้งไว้ให้เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของบิดาให้เสร็จสมบูรณ์
การศึกษาพัฒนาแป้งของหลู่ชิงไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ได้ถังหลี่คอยชี้แนะและเดินทางไปต่างเมือง เพื่อซื้อตัวอย่างกลับมาให้นางได้ศึกษาวิเคราะห์ดู หลังจากผ่านมาหลายเดือนแป้งฝุ่นตำรับเป่าชิงเก๋อก็ถือกำเนิดขึ้น
แป้งฝุ่นหรือเฝิ่นอิง มีคุณสมบัติคล้ายกับรองพื้นในยุคสมัยของถังหลี่ สามารถที่จะปกปิดจุดด่างดำบนใบหน้าทำให้ใบหน้าของผู้ใช้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น เฝิ่นอิงมีวางขายทั่วไปในเมืองใหญ่ แต่ที่เหยาสุ่ยนั้นมีเพียงเป่าชิงเก๋อเท่านั้น เมื่อเฝิ่งอิงเปิดตัวขึ้นจึงได้เป็นที่โจษจันกล่าวขานกันทั้งเมือง
เป่าชิงเก๋อมีงานยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม ถังหลี่จ้างคนงานผู้ชายเพิ่มขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระของฉางลู่ สำหรับเจิ้งติ่งนั้นถังหลี่มอบหน้าที่ซื้อวัตถุดิบให้เขา นางต้องการฝึกฝนให้เด็กชายเป็นคนดูแลร้าน ดังนั้นจึงจำเป็นที่เขาจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างในร้าน
เจิ้งติ่งมีแรงจูงใจในการทำงาน เขามุมานะตั้งอกตั้งใจทำงานทุกอย่างด้วยความเต็มใจ ตอนนี้เป่าชิงเก๋อจึงได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
วันนี้เป็นอีกวันที่ถังหลี่กำลังยุ่งอยู่ในร้าน จู่ ๆ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็วิ่งเข้ามาในเป่าชิงเก๋อราวกับลมพายุ
“ท่านน้า!”
เด็กหญิงคนนั้นคือจ้าวตี้
ถังหลี่เป็นคนจัดเตรียมเสื้อผ้าให้เด็กหญิง ตอนนี้ทั้งจ้าวตี้และเว่ยเสี่ยวเถาต่างได้สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้นางกลายเป็นสาวน้อยที่งดงาม ใบหน้าของเด็กหญิงแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นหรือจ้าวตี้?”
“ท่านน้า…พ่อข้า ท่านพ่อมาหาท่านแม่!”
เช้าวันนี้ในขณะจ้าวตี้เปิดประตูบ้านนางพบกับร่างของชายผู้หนึ่ง คือบิดาของตนเอง เมื่อเขาเห็นนางเปิดประตูบ้านออกมา เขารีบวิ่งเข้ามาหาจ้าวตี้ถามว่าท่านน้าอยู่ในบ้านหรือไม่า?
เด็กหญิงรีบปิดประตูทันที ความคิดแวบแรกที่ผ่านเข้ามาในหัวคือนางไม่อยากให้บิดาได้เจอกับมารดาของนางอีกยามที่เว่ยเสี่ยวเถาอยู่ที่บ้านสกุลขงเป็นเช่นไรนางรู้ดีแก่ใจ แม่ของจ้าวตี้โดนรังแกมามากแล้ว จนเด็กหญิงไม่ต้องการที่จะกลับไปรังหมาป่าแบบนั้นอีก
เมื่อขงซวนเห็นว่าน้าของเด็กหญิงไม่อยู่ เขาเคาะประตูเสียงดังตะโกนด่านางอย่างหยาบคาย
“ไอ้หมาขี้ขลาด นังแพศยาตัวน้อย!” เขาทุบประตูเสียงดังจนมารดาของนางตื่นขึ้น
แม่ของจ้าวตี้ไม่ปริปากพูดว่าอันใด เด็กหญิงเองก็ไม่ยอมเปิดประตู ก็แค่เสียงก่นด่าที่หน้าประตูบ้านเท่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เมื่อบิดาของนางเผลอจ้าวตี้จึงแอบหนีออกจากบ้านนางวิ่งมาหาถังหลี่ทันที
พอหญิงสาวได้ยิน คิ้วของนางขมวดยุ่ง
ขงซวนยังมีหน้ามาอีกหรือ?
แต่ตอนนี้ถังหลี่กำลังกังวลเรื่องอื่นมากกว่า
การกำจัดขงซวนนั้นง่ายมาก หากแต่ถ้าเว่ยเสี่ยวเถายังเป็นคนโง่งม เชื่อว่าขงซวนคือสามีของนางและต้องการที่จะกลับไปบ้านสกุลขงอีก นั่นจึงจะนับได้ว่าเป็นเรื่องยาก
ถังหลี่และจ้าวตี้รีบกลับไปบ้าน เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้เห็นภาพขงซวนกำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน
“เว่ยเสี่ยวเถาออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าเป็นเมียข้า! ทิ้งบ้านทิ้งข้าไปเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการดูถูกผัวของเจ้าหรือ!!”
“ไอ้พวกสกุลเว่ยชั่วช้า! เจ้ากักขังเมียข้าไว้! ไอ้สารเลว!”
ขงซวนก่นด่าอย่างมีความสุข เพราะเสียงด่าของเขาทำให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นต่างพากันออกมาเมียงมองด้วยความสนใจ เขาต้องการจะด่าจนกว่าเว่ยเสี่ยวเถาจะเชื่อฟังและตามเขากลับบ้านเช่นเดิม
“ข้าไม่นึกเลยว่าพวกสกุลเว่ยจะเป็นพวกไร้ศีลธรรมเช่นนี้” เฉียนกุ้ยอิงพูดขึ้น
เฉียนกุ้ยอิงนั้นได้พยายามที่จะประจบเอาใจถังหลี่อยู่หลายครั้งเพื่อให้หญิงสาวพอใจ หากนางเมินเฉยกับเพื่อนบ้านนิสัยไม่ดีอย่างเฉียนกุ้ยอิงมาตลอดทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก จึงจงใจพูดจาใส่ร้ายเช่นนี้ขึ้นมา
“เฉียนกุ้ยอิง ข้ารู้จักนิสัยเถ้าแก่เนี้ยถังดี เจ้าอย่าสอดปากไร้สาระทำให้คนอื่นเสียหาย! ข้าเข้าใจที่เถ้าแก่เนี้ยถังพูดแล้ว นิสัยของเจ้าเหมือนสุนัขที่ชอบแว้งกัดคน” นางเถียนด่านาง
ขณะที่เพื่อนบ้านทั้งสองกำลังทะเลาะกัน ถังหลี่ก็เดินมาเผชิญหน้ากับขงซวน พอเขาเห็นนางก็เกิดขลาดกลัวขึ้นมา แต่หลังจากตั้งสติได้ในเขาก็มองนางอย่างอวดดี
“นังตัวแสบ คืนเมียข้ามานะ!!”
นังหมูตัวเมียผู้นี่ซ่อนเมียเขาไว้ แล้วทำไมขงซวนต้องกลัวนาง?
ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง!
หากไม่เชื่อฟังก็ต้องใช้กำลัง!
——————————-