บทที่ 108 ขงซวนมาเยือน
เพี้ยะ!!
ถังหลี่ตบขงซวนอย่างแรงจนหน้าหัน
พละกำลังของนางนั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียว เล่นเอาใบหน้าข้างหนึ่งของขงซวนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันตาเห็น
“ความจริงข้าก็ไม่อยากให้มือข้าสกปรกหรอกนะ แต่สำหรับผู้ชายสารเลวเช่นเจ้าคงต้องใช้กำลังเท่านั้นถึงจะบรรเทาความโกรธของข้าได้”
ถังหลี่ไม่เคยเจอคนที่นิสัยเลวทรามเช่นนี้มาก่อนเลย นางคว้าไม้ฟาดไปที่ร่างของขงซวนไม่ยั้งมือ เขาพยายามที่จะแย่งไม้ในมือของนางแต่ขงซวนทั้งเตี้ยทั้งงุ่มง่าม เขาจะไปสู้ถังหลี่ได้อย่างไร สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้นาง
“น้องสะใภ้ ข้าผิดไปแล้วมีอะไรค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันเถิด”
“ไม่ต้องพูด! ยิ่งเจ้าพูดจาไร้สาระข้ายิ่งโกรธมากขึ้น!”
“ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ ได้โปรด ยั้งมือด้วยเถิด”
ตอนนั้นเองประตูบ้านของสกุลเว่ยก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวเถาที่กำลังยืนพยุงตัวด้วยไม้ค้ำยัน หลังจากพักฟื้นนานกว่าครึ่งเดือน ร่างกายที่เคยผ่ายผอมของนางก็เริ่มมีเนื้อมีหนังมากขึ้น
“น้องสะใภ้ หยุดตีเขาเถิด” เว่ยเสี่ยวเถาพูดเรียบ ๆ
ถังหลี่หยุดชะงักโยนไม้ในมือทิ้งไป
ขงซวนที่หน้าตาบวมช้ำรีบเดินไปยืนอยู่ข้างเว่ยเสี่ยวเถาและบ่น
“เมียจ๋า ดูน้องสะใภ้เจ้าทำกับข้าสิ! ข้ามารับเจ้า! เรารีบกลับบ้านกันเถิด”
สายตาดูแคลนของขงซวนกวาดมองไปที่ขาพิการของเว่ยเสี่ยวเถา เดิมทีนางก็เป็นหญิงหน้าตาอัปลักษณ์อยู่แล้ว การมีภรรยาเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขายิ่งนัก
แต่ทางเหมืองถ่านหินได้ประกาศว่าให้คนที่ได้รับบาดเจ็บมารับค่าชดเชยเสียหายได้ เขาจึงตัดสินใจมาตามนางไปรับค่าชดเชย อย่างน้อยนางก็ยังทำงานบ้านและทำอาหารได้
เมื่อขงซวนเอ่ยปากบอกให้นางกลับบ้าน เว่ยเสี่ยวเถาจึงปฏิเสธทันที
“ทำไมเล่า?เจ้ามีปัญหาอันใด?” ขงซวนพูดอย่างหมดความอดทน
“ขงซวน ข้าไม่กลับไปกับเจ้า” ขงซวนคิดว่าตนเองหูเฝื่อน
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน คนอื่นก็แค่คนนอก เจ้าลองคิดดูว่าเป็นใครกันแน่ที่อยู่ข้างเจ้า! หากครั้งนี้เจ้าไม่กลับไป ก็ไม่ต้องมาเหยียบประตูบ้านขงอีก!”
เว่ยเสี่ยวเถาก้มศีรษะลง แต่ก่อนนางเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนสกุลขง แต่หลังจากที่นางเฉียดความตายไปครั้งหนึ่งแล้วเสี่ยวเถาก็รู้ได้ทันที สกุลขงส่งนางไปทำงานที่เหมืองแลกกับเงิน ถ้าไม่ใช่น้องชายของนางอย่างเว่ยฉิง เว่ยเสี่ยวเถาคงจะตายไปแล้ว แม้กระทั่งยามที่ขาของนางบาดเจ็บพวกเขายังไม่คิดแม้แต่จะรักษา เพราะกลัวว่าจะต้องเสียเงินทองมากมายให้กับขาที่ไร้ประโยชน์ของนาง
นางคงโง่มากหากจะกลับไปหาครอบครัวเห็นแก่ตัวเช่นนี้อีก
เว่ยเสี่ยวเถาเงยหน้ามองขงซวนอย่างแน่วแน่ นางตัดสินใจได้แล้ว
“ขงซวนข้าจะไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีก เจ้าหย่าขาดกับข้าเถิด”
ถังหลี่มองไปที่เว่ยเสี่ยวเถา ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเว่ยเสี่ยวเถาจะยังยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างขงซวนอีก
โชคดีที่นางตาสว่าง
ขงซวนได้แต่ตะลึงงัน
ที่ผ่านมาเว่ยเสี่ยวเถานั้นเชื่อฟังคำพูดของเขามาก ๆ นางไม่กล้าแม้แต่จะพูดสิ่งที่ตนเองคิดด้วยซ้ำ ตอนนี้นางจะหย่ากับเขาจริงหรือ?
“เว่ยเสี่ยวเถาเจ้ารู้ตัวหรือไม่าว่ากำลังพูดอันใดอยู่? หากหย่ากับข้าไป เจ้าจะหาสามีที่ดีเช่นข้าได้ที่ไหนอีก?!” ขงซวนพ่นลมหายใจกล่าวอย่างเฉยชา
“จะเป็นเช่นไรก็ไม่ใช่ธุระของเจ้า ขงซวน เจ้าอย่ามาสร้างปัญหาให้บ้านน้องชายข้า หากเจ้าดื้อด้านข้าจะให้อาฉิงทุบตีเจ้าซะ!” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว
เมื่อขงซวนได้ยินชื่อเว่ยฉิง ชายหนุ่มเกิดความลังเลชั่วขณะ แต่ก็ยังคงไว้ท่าทีอยู่
“เว่ยเสี่ยวเถาข้าให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย เจ้าจะกลับหรือไม่กลับ?”
“ข้าไม่กลับ” เว่ยเสี่ยวเถาส่ายหัว
ขงซวนต้องการพ่นคำด่าอีกครั้ง แต่พริบตานั้นเขาเห็นถังหลี่ง้างมือขึ้นเตรียมจะตบเขา ชายหนุ่มจึงรีบเดินจากไปอย่างสิ้นหวัง
ถังหลี่เดินเข้าไปหาเว่ยเสี่ยวเถาและช่วยพยุงนางเข้าไปที่บ้าน
“พี่สาวท่านตัดสินใจถูกแล้ว โชคชะตาของเราหาใช่เป็นที่สวรรค์ลิขิต หากแต่เป็นตัวท่านเองที่ลิขิตมันขึ้นมา” ถังหลี่กล่าว
เว่ยเสี่ยวเถาพยักหน้ารับ
“ข้ามาไตร่ตรองดูแล้ว น้องสะใภ้ จริงอย่างที่เจ้าว่า อาฉิงและเจ้าพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเหลือข้า แต่ข้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง คนที่หวังดีกับข้าเช่นพวกเจ้าก็จะมีแต่ความเจ็บปวด แต่คนที่เกลียดชังข้าอย่างพวกเขาต่างมีความสุข”
ถังหลี่ประคองเว่ยเสี่ยวเถานั่งลงบนเก้าอี้
“มันเป็นความโง่เขลาของข้าเอง ยามที่ข้าจะแต่งงานกับเขา บิดาข้าก็ไม่เห็นด้วย มีแต่ตัวข้าที่หน้ามืดตามัวคิดว่าเขาเป็นคนดี จึงตัดสินใจแต่งงานกับเขา”
“พี่สาว ไม่สำคัญหรอกว่าที่ผ่านมาท่านจะตัดสินใจผิดเช่นไร แต่ตอนนี้ท่านเลือกทางเดินใหม่แล้ว เว่ยฉิงกับข้าพร้อมจะสนับสนุนท่าน” ถังหลี่กล่าว
“ขอบคุณเจ้ามากน้องสะใภ้” เว่ยเสี่ยวเถาจับมือของถังหลี่ไว้
ความกล้าหาญส่วนหนึ่งที่ทำให้นางสามารถตัดสินใจออกจากบ้านสกุลขงได้ก็เป็นเพราะแรงสนับสนุนจากน้องชายและน้องสะใภ้ของนางนั่นเอง
เว่ยเสี่ยวเถายังคงอาศัยอยู่ในบ้านสกุลเว่ยเพื่อพักฟื้น นางและจ้าวตี้อาศัยอยู่ในบ้านของน้องชาย ซ้ำยังต้องกินยาทุกวันซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก นางรู้สึกติดหนี้พวกเขา สองแม่ลูกจึงพยายามช่วยเหลืองานทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณนี้
“ท่านแม่พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่กันเถิด” จ้าวตี้เอ่ย
ตอนนี้เด็กหญิงกำลังหวาดกลัวว่ามารดาของตนจะเปลี่ยนใจและกลับไปยังบ้านสกุลขง จ้าวตี้ชอบบ้านของน้าสะใภ้ผู้นี้มาก
ในบ้านของท่านน้า แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงก็มีสิทธิ์ทุกอย่างเช่นเด็กผู้ชาย ไม่เหมือนกับบ้านสกุลขง นางกับเนี่ยนตี้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน พวกเขายังไม่ให้นางได้ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยเลย ทั้งยังต้องทนต่อการทุบตีด่าทอจากผู้เป็นย่าอีก ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของนางนั้นไม่ต้องทำอะไรเลย พวกเขาได้กินอาหารที่ดีที่สุด ได้ใช้แต่ของดี ๆ
จ้าวตี้รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย
“ไม่ได้ ที่นี่เป็นบ้านของน้าเจ้า” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว
“ท่านแม่จะกลับไปหรือ..” ไหล่ของเด็กหญิงลู่ลง
เว่ยเสี่ยวเถามองไปที่บุตรสาวและพูดกับนางอย่างจริงจัง
“จ้าวตี้ ท่านน้าทั้งสองของเจ้าช่วยพวกเราไว้ มันคือน้ำใจที่เราควรจะรับไว้ แต่เราไม่สามารถรับมันไว้ทั้งหมดได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าทราบแล้วท่านแม่” จ้าวตี้พยักหน้า
“แต่ท่านแม่…ข้าไม่อยากกลับไป”
“แม่ไม่ได้จะกลับไป เมื่อขาของแม่หายดีแล้วเราจะหาบ้านใหม่และไปรับเนี่ยนตี้มาอยู่ด้วยกันสามคน” เสี่ยวเถากล่าว
ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกายดีใจ
ตราบใดที่ไม่ต้องกลับไปที่นั่น จะเป็นอย่างไรนางก็ยอม!
เมื่อขาของเว่ยเสี่ยวเถาเกือบจะหายดีแล้ว นางจึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้แก่ถังหลี่ อันที่จริงแล้วบ้านของถังหลี่นั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากนางจะอยู่อาศัยด้วยก็ไม่ใช่ปัญหาเลย แต่เว่ยเสี่ยวเถายังยืนกรานในคำพูดของตนเอง
“น้องสะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่หญิงออกเรือนแล้วจะอาศัยอยู่ในบ้านสกุลเดิม เจ้าเป็นคนดีมาก ข้าไม่สามารถรับความหวังดีของเจ้าไว้ได้ อย่างไรเสียเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันไปมาหาสู่กันได้บ่อย ๆ แต่อย่าเลี้ยงดูข้าให้เป็นภาระเลย ถ้ามีบ้านที่ราคาไม่แพงมากนัก พวกเราแม่ลูกสามคนอยากจะย้ายไปอยู่กันเองมากว่า”
ถังหลี่จึงได้ตกปากรับคำสัญญากับนางไว้ว่าจะช่วยหาบ้านใหม่ให้
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะพบบ้านที่เหมาะสม ขงซวนก็มาเยือนที่หน้าประตูบ้านเว่ยอีกครั้งพร้อมกับนางหยางและผู้เฒ่าขง
———————–