บทที่ 116 หาข่าว
“เขามาแล้ว” เหลยเป้าบุ้ยใบ้ไปที่หน้าร้าน
หญิงสาวเห็นชายสามคนใส่ชุดเจ้าหน้าที่เดินผ่านถนนหน้าร้าน เหลยเป้าเดินออกไปจากร้านน้ำชาทันที เขาดึงตัวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งออกมาพูดสองสามคำก่อนจะเดินกลับมาในร้าน
“ได้เรื่องแล้ว ข้าถามเขาเรื่องหัวหน้าเว่ย พวกเราจะคุยกับเขาอีกทีหลังเลิกงาน” เหลยเป้าพูด
“ฮูหยินเว่ย ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้ากับเหลยเป้าจะอยู่ที่นี่เอง” เหลยหมิงกล่าว
ถังหลี่ปฏิเสธ ตอนนี้นางวิตกกังวลกับเรื่องของเว่ยฉิงเป็นอย่างมาก นางอยากหาทางช่วยเหลือเขา เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้นางกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าฮูหยินเว่ยยืนกรานหนักแน่น เหลยเป้าจึงไม่พูดเกลี้ยกล่อมอีก สองพี่น้องสกุลเหลยนั้นพูดจาเสียงดัง กิริยาหยาบกระด้าง แต่เมื่อมีแม่นางน้อยนั่งอยู่ด้วย พวกเขาต้องสงวนท่าทีนั่งเอาขาแนบชิดกันราวกับพวกบัณฑิต ซึ่งทำให้คนทั้งสองอึดอัดมาก
ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันต่อในร้านน้ำชา
“พี่ใหญ่ทั้งสอง ตอนนี้น่าจะครึ่งวันเข้าไปแล้ว พวกเราไปหาร้านอาหารกินกันเถิด” ถังหลี่ชวนพวกเขา
หญิงสาวแทบไม่รู้สึกหิวเลย แต่พี่ชายสองคนนี้วิ่งวุ่นแต่เช้าเพื่อหาทางช่วยสามีของนาง ถังหลี่ไม่ได้ไร้น้ำใจจนจะปล่อยให้พวกเขาท้องว่างได้
ทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับ ตอนนี้พวกเขาหิวมากจนท้องส่งเสียงร้องน่าอายออกมา หญิงสาวเลือกร้านอาหารขนาดใหญ่และสั่งเนื้อจานใหญ่มาให้ทั้งสองคนกิน ส่วนตัวของนางเองนั้นแทบไม่ได้กินอะไรเลย หญิงสาวให้ความสนใจกับเสียงพูดคุยโดยรอบ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการปกครองเมืองเหอตง และใช้โอกาสนี้สอบถามเกี่ยวกับเจ้าเมือง
ถังหลี่ได้รับข่าวมาว่าเจ้าเมืองเหอตงนั้นชอบวาดภาพและคัดลายมือ แต่ไม่เอาไหนเรื่องการบริหารการปกครองด้านต่าง ๆ อีกทั้งเขาจะเป็นผู้พิพากษาคดีนี้เอง
หลังจากกินอาหารกันเสร็จแล้วคนทั้งสามเดินไปนั่งที่หน้าศาลาว่าการ ทุกช่วงโมงยามที่ผ่านไปนั้นยากลำบากมากสำหรับถังหลี่ จนตะวันเริ่มคล้อย คนที่พวกเขารอคอยจึงได้เดินออกมา
“เหล่าเจิ้งได้เรื่องหรือไม่?” เหลยเป้าถามอย่างกังวล
“เรื่องมันยาวมาก ข้าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านก่อน พวกเจ้าไปรอข้าที่ร้านสุราริมแม่น้ำนะ”
ถังหลี่และสองพี่น้องสกุลเหลยมารอที่ร้านสุรา ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ “เหล่าเจิ้ง” ก็มาถึง เหลยเป้าเทสุราให้อีกฝ่ายทันที
“ดื่ม ๆ คุยไปดื่มไป!”
ทั้งสามยกจอกสุราขึ้นดื่ม ยิ่งมอมเมาจะยิ่งพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น
“คนที่พวกเจ้าต้องการข่าวมีชื่อว่า ‘เว่ยฉิง’ ใช่หรือไม่? มีคนชื่อนี้อยู่จริง ๆ ในคุกของที่ว่าการ” เหล่าเจิ้งกล่าว
“ใช่แล้ว เหตุใดสามีข้าถึงถูกคุมขังเล่า?” ถังหลี่พยักหน้า
“ใช่ ๆ หัวหน้าเว่ยทำผิดเรื่องใด?” เหลยหมิงรีบถามเช่นเดียวกัน
“ข้อหาที่จับกุมคือ ‘สมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา’”
“ร่วมมือกับโจรภูเขา?” การแสดงออกของเหลยเป้าและเหลยหมิงเปลี่ยนไปทันที จากปฏิกิริยาของพวกเขา ทำให้ถังหลี่รับรู้ถึงความผิดปกติทันที
“หากเป็นข้อหาสมรู้ร่วมคิดกโจรภูเขามีโทษเช่นไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ตามกฎหมายของต้าโจวมีระบุเอาไว้ว่า ‘ร่วมมือกับโจรภูเขา’ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง มีโทษถึงตัดหัวประหารชีวิต” เหล่าเจิ้งกล่าว
ตัดหัว?!
ใบหน้าของหญิงสาวซีดลงทันที
“ฮูหยินเว่ยไม่ต้องกังวล หัวหน้าถูกใส่ร้ายแน่! เหล่าเจิ้ง หัวหน้าเว่ยไม่มีทางร่วมมือกับโจรภูเขาได้หรอก!” เหลยหมิงตะโกนเสียงดัง
ใบหน้าของเหล่าเจิ้งมืดครึ้มลงทันที
“มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะมาโวยวายกับข้า เจ้าต้องพูดกับศาล และทำให้เขาเชื่อเจ้า”
ถังหลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางหยุดเหลยหมิงที่กำลังใจร้อน ก่อนที่เหลยเป้าจะอ้าปากขึ้น ถังหลี่ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“พี่ชายเจิ้ง เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้?”
“สามีเจ้าไปล่วงเกินใครเข้าหรือเปล่า? ”
“เหล่าเจิ้ง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เหล่าเจิ้งหยุดพูด เขากำลังสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“พี่เจิ้งช่วยข้าด้วยเถิด ครอบครัวข้ามีลูกสามคน ลูกสาวคนสุดท้องเพิ่งจะอายุสามขวบเท่านั้นเอง ข้าปล่อยให้สามีข้าตายไม่ได้!” ถังหลี่อ้อนวอน
เหล่าเจิ้งมองมาที่นางแล้วหัวใจของเขาก็อ่อนลง
“ในเขตชิงเหอมีโจรภูเขาอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้านี้ต้องปราบปรามโจรภูเขาให้ได้ตามยอดในแต่ละปี และหากในปีนั้นไม่สามารถจับโจรภูเขาได้ ก็จะนำนักโทษคดีขึ้นมาเป็นแพะแทน และคนบางคนก็ใช้ช่องโหว่ตรงนี้ล้างแค้นคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง”
ถังหลี่เข้าใจทันทีว่ามันหมายถึงอะไร มีคนต้องการเล่นงานเว่ยฉิง และด้วยภาพลักษณ์ที่ดุร้ายของเขาทำให้โดนตั้งข้อหานี้ทันที!
“พี่ชายเจิ้ง แล้วเหยื่อรายอื่นที่โดนข้อหาสมคบคิดกับโจรภูเขาเช่นนี้ และถูกประหารอย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ไม่มีคนสนใจเลยหรือ?”
“ปกติจะเป็นนักโทษไร้ญาติที่ถูกคัดเลือกแต่คนมีลูกมีภรรยาอย่างสามีของเจ้านั้นหายาก” เหล่าเจิ้งกล่าว
“ดังนั้นจึงยังไม่มีการตัดสินโทษทันที ในอีกสองสามวันข้างหน้าถึงจะมีการพิจารณาคดี”
“พี่เจิ้ง ข้าขอพบสามีได้หรือไม่?” ถังหลี่ยังคงถาม หญิงสาวมองไปที่เจ้าหน้าที่อย่างคาดหวัง อีกฝ่ายมองนางอย่างเหนื่อยใจ
“สมคบคิดกับโจรเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าให้พบเขาได้หรอก”
ถังหลี่กัดฟัน นางกังวลเรื่องสามีของนางอย่างมาก มีคนชั่วและคนเลวอยู่ในคุกทั้งนั้น หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเว่ยฉิงจะถูกรังแกในนั้นหรือเปล่า นางหยิบเศษเงินออกจากแขนเสื้อและส่งมันให้กับเหล่าเจิ้ง
“ถ้าเช่นนั้นพี่ชายเจิ้ง ท่านช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินให้สามีข้าได้หรือไม่?”
เหล่าเจิ้งไม่ตอบ เพราะเขาคิดว่าการกระทำนี้มันน่าอับอายไม่น้อย
“เหล่าเจิ้งได้โปรดช่วยฮูหยินเว่ยเถิด เห็นแก่ที่เราเคยขึ้นเหนือล่องใต้ไปด้วยกัน” เหลยเป้ากล่าว
“ตกลง ข้าจะทำให้” เหล่าเจิ้งรับคำ
ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้แค่นั้น
นอกร้านฟ้ามืดแล้ว พวกเขาทั้งสามคนไม่สามารถกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ยได้ ดังนั้นจึงต้องหาโรงเตี๊ยมที่จะพักค้างคืนกัน หญิงสาวต้องการเปิดห้องพักสามห้อง แต่ทั้งสองคนห้ามไว้
“ฮูหยินเว่ย ข้ากับเหลยหมิงอยู่ห้องเดียวกันได้ ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่จะหาความสบายท่านเก็บเงินไว้เพื่อช่วยหัวหน้าเว่ยดีกว่า” พวกเขายืนกราน
ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวจึงเปิดห้องนอนเพียงสองห้องเท่านั้น นางเข้าไปในห้องของตนอาบน้ำและนอนพัก ในคืนนั้นก็เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่นางนอนไม่หลับ ถังหลี่ฝันถึงเว่ยฉิง ในฝันมีชายหนุ่มกับลูกทั้งสาม แต่ยิ่งทำให้นางกังวลใจ
ในวันต่อมา ถังหลี่ตื่นเช้ามาก รวมถึงพี่น้องสกุลเหลยเช่นกัน พวกเขาออกจากเมืองเหอตงด้วยรถม้าเพื่อกลับเมืองเหยาสุ่ย
ทันทีที่ถึงเมืองเหยาสุ่ยถังหลี่เดินทางไปหาไป๋มู่หยางและฮั่วจีว์ทันที ถึงทั้งคู่จะมีอำนาจมากในซ่างจิง แต่ในเหอตงแล้วเหมือนภูเขาสูงฮ่องเต้อยู่ไกล[1] พวกเขาจึงทำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก
ในคราวแรกฮั่วจีว์ตั้งใจจะพาสหายสองสามคนของตนไปยังศาลาว่าการและบุกชิงตัวเว่ยฉิงกลับมา แต่ก็ถูกไป๋มู่หยางห้ามไว้
“เจ้าอย่าทำเช่นนั้น ข้าอยากให้เจ้าเดินทางไปชิงเหอเพื่อพบใครบางคน…”
ไป๋มู่หยางบอกสิ่งที่ฮั่วจีว์ต้องทำให้เขารู้ ท่าทางวุ่นวายใจอยู่ไม่สุขราวกับลิงของเขาจึงได้สงบนิ่งลง ชายหนุ่มมองไปยังน้องสาวที่ใบหน้าซีดเผือด ไป๋มู่หยางพลอยทุกข์ใจไปด้วยไม่น้อย
“น้องเล็ก ข้ามีหนทางช่วยได้แน่ไม่ต้องกังวล กินให้อิ่ม นอนให้สบายเถิด น้องเขยจะกลับมาในไม่ช้านี้แหละ” ไป๋มู่หยางพูดปลอบใจนางเบา ๆ
เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็ก ๆ ของนาง รั้งให้มาซบไหล่ก่อนจะตบหลังอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน
“ขอบคุณพี่ใหญ่” ถังหลี่ตอบรับเบา ๆ
ถึงไป๋มู่หยางจะรู้สึกมีความสุขที่วันนี้น้องสาวเลือกที่จะมาพึ่งพาอาศัยเขา แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
ถังหลี่เหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดสองวันที่ผ่านมา นางจึงเลือกที่จะซบไหล่ของพี่ชายอยู่สักครู่ หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็รู้สึกดีขึ้น
“ฉีหยิน เตรียมรถ เราจะไปชิงเหอ”
“นายท่าน ไม่ได้ให้คุณชายฮั่วไปหรือ?” ฉีหยินรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
“ข้าจะสบายใจกว่าหากไปด้วยตัวเอง”
ไป๋มู่หยางรู้สึกได้ว่าหากเว่ยฉิงเป็นอะไรไป น้องสาวของเขาจะต้องเจ็บปวดราวกับสูญเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่งอย่างแน่นอนดังนี้นเขาจึงต้องมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดีไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ
——————-
[1] หมายถึง หน่วยงานอยู่ห่างจากส่วนกลาง ใช้อำนาจทำอะไรโดยพลการไม่ได้มากนัก