เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 117 สมคบกับโจร

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 117 สมคบกับโจร

หลังจากที่ถังหลี่ออกจากจวนสกุลไป๋ นางเดินทางไปยังจวนสกุลมู่ต่อ เมื่อนายท่านมู่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เขาโกรธมาก

“ไร้สาระ! น้องเว่ยหรือจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจร!!”

ฮูหยินมู่เองก็รู้สึกตกใจกับข่าวที่ได้รับเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทีของสามี นางจึงเอื้อมมือไปบิดหูอีกฝ่ายทันที

“เว่ยฉิงน่ะหรือ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

นายท่านมู่ร้องอย่างเจ็บปวด เขามองไปที่ภรรยาด้วยสายตาน่าสงสาร ฮูหยินมู่จึงปล่อยเขา

“สามี เจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกเถิด ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสี่ยวถังสักหน่อย” นางไล่สามีออกจากห้องไป

“สกุลเดิมของข้าอยู่ที่เมืองเหอตง พี่ชายกับนายอำเภอของเหอตงรู้จักกันดี ข้าจะไปเมืองเหอตงให้เจ้าเอง” ฮูหยินมู่กล่าว

“พี่สาว ขอบคุณมาก” ถังหลี่โน้มตัวคารวะนาง

นี่เป็นสิ่งเหลือเชื่อมาก

เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับเว่ยฉิง ผู้คนมากมายยินดีที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ถังหลี่รู้สึกประทับใจมาก ในขณะเดียวกันนางก็จดจำสิ่งเหล่านี้ไว้ในใจ

ฮูหยินมู่อดแปลกใจไม่ได้กับท่าทีที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยมของถังหลี่ เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับนางเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่นานนัก ยังคงอยู่ในห้องหอและมีบิดามารดาประเคนทุกอย่างให้อย่างไม่เดือดร้อน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เจ้ากลับไปนอนหลับพักผ่อนเสีย หากข้ายังเห็นเจ้าปล่อยตัวเช่นนี้อีกข้าจะไม่ช่วยเจ้า” ฮูหยินมู่ลูบหัวถังหลี่

หญิงสาวพยักหน้ารับ

ทันทีที่กลับมาถึงบ้านนางล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที โดยที่ไม่ได้อาบน้ำ หากได้นอนสักงีบหนึ่งอาจจะรู้สึกดีขึ้น เมื่อคิดได้เช่นนี้นางจึงหลับตาลงเข้าห้วงนิทราไป

……

ที่เรือนจำ ณ ศาลาว่าการ

ในคุกนี้ทั้งมืดและอับชื้น อีกทั้งยังมีหนูวิ่งไปมา เว่ยฉิงอยู่ห้องข้าง ๆ ชายชราที่มีนามว่าหยิน เมื่อนักโทษเข้ามาในคุกแห่งนี้ ทุกคนต่างร้องขอความเมตตา พวกเขาหวาดกลัว บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็เอาหัวโขกกำแพง

แต่นักโทษคนนี้กลับนิ่งสงบมากตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาแล้ว

ผู้เฒ่าหยินสังเกตนักโทษคนนี้มาหลายวันแล้ว ผู้ชายคนนี้ท่าทางแข็งแรง เขามีใบหน้าหล่อเหลาที่หาตัวจับยาก ที่ผ่านมาเขาเพียงแต่นั่งพิงกำแพงคุกอย่างสงบ

ผู้เฒ่าหยินเป็นคนรอบรู้ เขาจึงรู้ทันทีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

ผู้เฒ่าหยินเอาหน้าแนบกับซี่กรงไม้

“นี่! เจ้าถูกจับได้อย่างไร?” ลุงหยินถาม

“ข้าไม่รู้” ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่เขา

ผู้เฒ่าหยินขมวดคิ้ว คิดทันทีว่าต้องเป็นคดีร้ายแรงจนไม่อยากพูดถึงแน่นอน

“ข้าฆ่าคนมา คดีของเจ้าร้ายแรงกว่าข้าหรือ?” ผู้เฒ่าหยินสงสัย

เว่ยฉิงไม่ตอบ เพราะตัวเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถูกจับในข้อหาอะไร แต่สิ่งเดียวที่แน่ใจคือต้องมีคนไม่ประสงค์ดีกับเขาอย่างแน่นอน

“ได้เวลาอาหารแล้ว!” เสียงของผู้คุมดังขึ้น

ผู้เฒ่าหยินไม่สนใจอาหารที่เอามาเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นอาหารบูดกินไม่ได้มากกว่า ผู้คุมเดินเข้ามาโยนชามข้าวบูดให้ผู้เฒ่าหยิน แต่แล้วสายตาของชายชราก็เหลือบไปเห็นอาหารที่ผู้คุมถือมา เขาได้กลิ่นอาหารจากมือของอีกฝ่าย มีทั้งกลิ่นสุราและเนื้อ! อาหารดี ๆ เหล่านั้นถูกมอบให้กับนักโทษห้องถัดจากเขา

ชายชราแนบหน้ากับกรงไม้ เขามองไปที่สุรากับเนื้ออย่างใจจดใจจ่อ

“น้องชาย เจ้ามีครอบครัวหรือ? ต้องใช้เงินเยอะมากถึงจะมีสุรากับเนื้อเช่นนี้ แต่เจ้าก็ดูไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรนี่”

เว่ยฉิงมองไปที่สุราและเนื้อสัตว์ตรงหน้า ตอนนี้อารมณ์ของเขาย่ำแย่มาก ทำให้ไม่มีความอยากอาหารเอาเสียเลย

“เจ้าไม่กินหรือ? โอ้ ในที่สุดเจ้าก็มีเรื่องให้กลัวหรือ ไม่ต้องกังวลหรอกมันกินได้ ขนาดเจ้ามาที่หลังข้านะ ข้ายังไม่เคยได้กินมันเลยด้วยซ้ำ”

“ข้าไม่ได้กลัว”

“ข้าเป็นห่วงครอบครัวของข้า”

เว่ยฉิงหลับตาลง ภาพของภรรยาตัวน้อยก็ปรากฎขึ้นในความคิด หากนางรู้ว่าเขาถูกจับกุม นางคงกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นแน่ อีกทั้งคงไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร

“ถ้าไม่กินก็เอามาให้ข้า” ชายชราพูด

เว่ยฉิงเดินไปที่อาหารของตัวเอง ก่อนจะหยิบตะเกียบคีบเนื้อมากิน หากนี่คือสิ่งที่ถังหลี่เอามาให้ เขาจะกินมัน ชายหนุ่มกินเนื้อไปที่ละนิด แต่เพราะเขาไม่ใช่คนชอบดื่ม สุราไหนั้นจึงตกเป็นของชายชราห้องขังข้าง ๆ

ผู้เฒ่าหยินรับสุราไป ชูไหสุราขึ้นราวกับเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน หลังจากนั้นเมื่อเว่ยฉิงได้รับสุราหนึ่งไหสำหรับอาหารทุกมื้อ เขาก็มอบให้ชายชราทุกครั้ง

…..

สองวันต่อมาเว่ยฉิงถูกนำตัวออกมาเพื่อฟังการพิจารณาคดีของตัวเอง

ชายหนุ่มถูกพาตัวไปที่ศาล ตอนนั้นเองเขาถึงได้เห็นถังหลี่ที่ยืนอยู่ด้านนอกศาล แค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น นางผอมลงและดูซีดเซียว ทำให้เว่ยฉิงรู้สึกทรมานใจมาก ชายหนุ่มหันหน้าไปทางนางแล้วขยับปากพูด – ข้าสบายดี ไม่ต้องกังวล

หญิงสาวมองอย่างเจ็บปวด นางจะมั่นใจได้อย่างไร?

สภาพสามีของนางในตอนนี้ทั้งเลอะเทอะทั้งสกปรก ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดในห้องขัง หญิงสาวรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเมื่อเริ่มพิจารณาคดี

ถังหลี่ได้ข่าวจากฮูหยินมู่ว่า ตอนนี้เจ้าเมืองไม่อยู่ ทำให้นายอำเภอเป็นคนพิจารณาคดีแทน สกุลมู่ สกุลเจียง และครอบครัวของนายอำเภอไม่ค่อยลงรอยกันนัก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เพราะกลัวว่าจะยิ่งกลายเป็นเป้าให้คนที่ไม่ชอบหน้าได้

เจ้าหน้าที่สองคนควบคุมตัวเว่ยฉิงให้นั่งคุกเข่าลงตรงกลางลาน หลังจากนั้นไม่นานชายคนหนึ่งจึงเดินมานั่งลงข้างที่นั่งของเจ้าเมือง

“ท่านเจ้าเมืองมีราชการติดพัน ดังนั้นคดีในครั้งนี้ข้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง เจ้าโดนจับกุมในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา เจ้าอยากสารภาพหรือไม่?”

โจรภูเขาดุร้ายมาก พวกมันฆ่า ปล้นชิง นี่คืออาชญากรรมใหญ่หลวง ชาวบ้านนั้นเกลียดและหวาดกลัวพวกโจรไปถึงขั้วหัวใจ ดังนั้นทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ชาวบ้านที่รอดูการพิจารณาคดีจึงมองชายหนุ่มอย่างเกลียดชัง

“ข้าไม่มีเรื่องจะสารภาพ เพราะข้าไม่ได้ทำ” เว่ยฉิงขมวดคิ้ว

“ได้! ไม่สารภาพใช่ไหม!! พยาน!!” เขากล่าว

พยานคนหนึ่งถูกพาตัวเข้ามา ถังหลี่มองไปที่เขารู้สึกว่าคุ้นเคยคนผู้นี้เป็นอย่างมาก หลังจากพินิจดูไม่นานก็จำได้ทันทีว่า เขาคล้ายกับขงซวนมาก!

“นายท่าน น้องชายคนเล็กของข้าขงต้าจู้ ชาวบ้านในหมู่บ้านขงเจียทราบกันดีว่าเขาได้แต่งงานกับพี่สาวของโจรถ่อยผู้นี้ และเพราะความสัมพันธ์นี้เองจึงทำให้น้องชายข้ารู้ว่าชายคนนี้ทำชั่วอะไรไว้บ้าง!”

“เขาสมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา! รังแกผู้คนในเมืองเหยาสุ่ย ใครก็ตามที่ทำให้โมโหก็จะถูกทุบตี! เมื่อน้องชายข้ารู้ว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา เขาจึงหย่าขาดกับพี่สาวชายผู้นี้! แต่ผลก็คือเขามาปล้นชิงเงินทั้งหมดของบ้านข้า ทุบตีน้องชายข้าจนถึงกับพิการ!”

“หากไม่เชื่อล่ะก็ เรียกน้องชายข้ามาเป็นพยานก็ได้! แต่เขายังลุกจากเตียงไม่ได้คงต้องแบกเขามาแล้ว!”

“บ้านข้าเป็นครอบครัวเล็ก ๆ เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ เพียงเพราะชายชั่วผู้นี้ครอบครัวของข้าจึงต้องย่อยยับลง! นายท่าน ! ช่วยคืนความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของข้าด้วยเถิด!”

ทันทีที่ขงต้าจู้พูดจบ เขาก็ก้มหน้าก้มตาอ้อนวอนร้องไห้ดูแล้วเป็นที่น่าสมเพชเวทนาแก่ผู้คนที่ได้พบเห็น

ทันทีที่ได้ยินข้อกล่าวหา ผู้คนพากันมองเว่ยฉิงด้วยความรังเกียจมากยิ่งขึ้น พวกเขาอยากจะฆ่าและลงโทษชายผู้นี้เพื่อระบายความโกรธแค้นของพวกเขา!

————————-

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท