เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 121 จดหมายจากผู้ว่าประจำมณฑล

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 121 จดหมายจากผู้ว่าประจำมณฑล

เหล่าเหวินเย็นใจอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานนัก ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งมายังจวนเจ้าเมืองจูอย่างเร่งด่วน

เจ้าเมืองจูเปิดซองจดหมายหยิบออกมาอ่าน เขาตกใจเมื่อเห็นว่าจดหมายฉบับนี้ส่งมาจากใต้เท้าเหวิน ใต้เท้าผู้นี้เป็นผู้ว่าประจำมณฑล อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นบุคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขานั่นเอง

เจ้าเมืองจูก้มอ่านจดหมายอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านสีหน้าของเขาก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น หลังจากอ่านจบเขาโมโหถึงกับกระแทกจดหมายลงบนโต๊ะทันที!

“พี่เขย ! เกิดอะไรขึ้น? ท่านผู้ว่าประจำมณฑลส่งจดหมายมาว่าอย่างไรหรือ ?” เหล่าเหวินรีบถามทันที

เจ้าเมืองจูฟาดมือไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายติดต่อกันสองสามครั้งด้วยความโมโห ก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะเหล่าเหวินจนอีกฝ่ายร้องโอดโอย

“ท่านจะฆ่าข้าให้ตายหรือ!”

“เหตุใดข้าจึงเลือกใช้เจ้าทำงานด้วยนะ!”

“ข้าขอโทษ…ข้าขอโทษ…นายท่าน!”

ปกติเจ้าเมืองจูเป็นคนที่ใจเย็น อารมณ์ดี เขาไม่เคยสูญเสียการควบคุมตัวเองอย่างเช่นนี้มาก่อน เหล่าเหวินรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ เขารีบคว้าจดหมายฉบับเมื่อครู่มาอ่านอย่างรวดเร็ว เมื่ออ่านจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

ใต้เท้าเหวินกล่าวว่า เขารู้ความเคลื่อนไหวของเมืองเหอตงที่ได้กระทำผิดต่อผู้บริสุทธิ์เพื่อหาแพะรับบาปคดีโจรภูเขาแล้ว ตัวเขาเองนั้นไม่พอใจและผิดหวังในการกระทำของเจ้าหน้าที่เมืองเหอตงมาก รวมไปถึงสำหรับความไม่รับผิดชอบของเจ้าเมืองจู เขากำชับเจ้าเมืองจูให้มีความรับผิดชอบและทุ่มเทกับงานให้มากกว่านี้ ต่อไปเขาจะคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด

มือของเหล่าเหวินสั่นเทา

มันควรจะเรียบร้อยดีแล้วไม่ใช่หรือ เพราะเหตุใดกัน?

เว่ยฉิงเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญเท่านั้น จะไปรู้จักกับใต้เท้าเหวินได้อย่างไร?

“ใครก็ได้เข้ามาที!! ” เจ้าเมืองจูตะโกนเสียงดัง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามา เขาชี้ไปที่เหล่าเหวินทันที

“จับมัน! พาเขาไปที่ศาลาว่าการ ไอ้คนที่คิดจะลองดีเช่นนี้!”

เจ้าเมืองจูเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง หากเขาไม่จัดการกับเหล่าเหวินและคนที่สมรู้ร่วมคิด ชีวิตขุนนางของเขาต้องจบสิ้นลงแน่นอน!

เหล่าเหวินถูกจับอย่างรวดเร็ว

เจ้าเมืองจูไม่เคยตัดสินใจอย่างเฉียบขาดเช่นนี้มาก่อน เขาตัดสินโทษเหล่าเหวินโดยการส่งไปให้แรงงานหนักตลอดชีวิต ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมขงต้าจู้ในข้อหาแจ้งความเท็จ!

ทางด้านขงต้าจู้

ตอนนี้เขากำลังกินและดื่มอย่างสำราญด้วยเงินที่ได้มาจากการขายจี้หยก ชายหนุ่มภูมิใจในตัวเองมาก ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับโจรนั้นมีโทษถึงประหาร! เว่ยฉิงต้องถูกตัดศีรษะในไม่ช้านี้! ตอนนี้ขงต้าจู้กำลังรู้สึกผยอง

ในขณะที่เขากำลังมัวเมากับฝันหวาน กลุ่มเจ้าหน้าที่ก็บุกเข้ามาและลากขงต้าจู้ไป เขายังเมาไม่รู้ตัวอยู่ด้วยซ้ำจนกระทั่งมาได้สติตอนที่ได้ยินเสียงค้อนทุบกับโต๊ะในศาล ขงต้าจู้เงยหน้าขึ้นมองพบว่าตัวเขากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่ลานพิจารณาคดี!

“ขงต้าจู้ เจ้าแจ้งความเท็จกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ว่าสมคบคิดกับโจรภูเขา จากความผิดในครั้งนี้เจ้าถูกตัดสินโทษให้ไปใช้แรงงานหนักตลอดชีวิต!”

ขงต้าจู้เข่าอ่อน หมดเรี่ยวแรงไปในทันที อีกทั้งเป้ากางเกงยังเปียกชื้นด้วยซ้ำ

…..

ถังหลี่ทราบข่าวของเหล่าเหวินและขงต้าจู้ เหตุผลที่เจ้าเมืองนั้นตัดสินใจอย่างเฉียบขาดในครั้งนี้ได้เป็นเพราะพี่ใหญ่และพี่รองของนาง ทั้งสองคนเดินทางไปที่เมืองชิงเหอ ผู้ว่าประจำมณฑลแคว้นชิงเหอที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่นั้นเป็นคนเถรตรง เขาเกลียดเรื่องเช่นนี้มาก ดังนั้นเมื่อเขาทราบเรื่องจึงได้รีบเขียนจดหมายเรียกร้องให้เจ้าเมืองเหอตงจัดการเรื่องนี้ทันที

เหลยหมิง เหลยเป้า พี่ใหญ่ พี่รอง ฮูหยินมู่ คุณชายเจียง ทั้งหมดนี้คือชื่อผู้มีพระคุณของถังหลี่ในครั้งนี้ นางจะจดจำพวกเขาไว้ในหัวใจ

นางกับเว่ยฉิงได้เชิญเหลยหมิงและเหลยเป้าไปที่ร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ถังหลี่กล่าวขอบคุณ อีกทั้งสัญญาว่าจะช่วยให้ทั้งสองคนได้เจอกับสาวงามเพื่อแต่งภรรยาเข้าบ้านสักที…

จากนั้นก็ได้เชิญไป๋มู่หยางและฮั่วจีว์มาที่บ้าน ทั้งสองคนชอบกินอาหารฝีมือของถังหลี่มาก ส่วนฮูหยินมู่และคุณชายเจียงนั้น ถังหลี่ส่งสารพัดของกำนัลให้มากมาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทั้งสองไม่ได้สนใจของพวกนี้ แต่ท้ายสุดแล้วมันคือการแสดงความขอบคุณจากใจของถังหลี่นั่นเอง ตอนนี้เว่ยฉิงรับรู้ว่าภรรยาของตนนั้นยังมีความหวาดกลัวอยู่ เขาจึงขอลางานที่จวนสกุลเซี่ยห้าวันเพื่อมาอยู่กับถังหลี่ หญิงสาวมักจะฝันร้ายในยามค่ำคืน ร้องเรียกละเมอชื่อเขาตลอด ชายหนุ่มโอบกอดนางไว้ตบแผ่นหลังบางเบา ๆ ปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล

“ข้าอยู่นี่แล้วฮูหยิน ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” เว่ยฉิงทั้งดีใจทั้งเสียใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขารักและสงสารถังหลี่เป็นที่สุด

….

บ้านสกุลขง

เมื่อสกุลขงรู้ข่าวว่าขงต้าจู้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไป พวกเขาก็พากันเข่าอ่อนด้วยความตกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้! ต้าจู้ของพวกเราไม่เคยทำเรื่องไม่ดี จะถูกจับได้อย่างไร!” นางหยางแทบไม่เชื่อหูพึมพำไปมาไม่หยุด

“เมื่อวานข้าอยู่ในเมือง ได้ยินมาว่าที่ศาลาว่าการมีการพิจารณาคดี ข้าอยากรู้ก็เลยเข้าไปดู พอไปถึงจึงได้รู้ว่านักโทษคนนั้นคือคนในบ้านของเจ้า! เขาโดนข้อหาแจ้งความเท็จ ถูกตัดสินให้ไปใช้แรงงานหนักตลอดชีวิต!”

“ใช้แรงงานหนักตลอดชีวิต…” นางหยางทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

“ลูกข้า!” นางหยางกรีดร้อง!

“สามีข้า! สามีข้าต้องไปเป็นแรงงานหนักตลอดชีวิต! ท่านแม่พวกเราจะทำอย่างไรดี!?” นางจางเริ่มร่ำไห้

ผู้เฒ่าขงเองก็ตกตะลึง เมื่อสองวันก่อนลูกชายคนโตยังมาบอกเขาอยู่เลยว่า เว่ยฉิงถูกจับและกำลังจะถูกประหารชีวิตในไม่ช้านี้ แต่แล้ว…แค่ชั่วพริบตาเท่านั้นกลับกลายเป็นว่าลูกชายเขาถูกจับตัวไป?

บ้านสกุลขงต่างพากันตื่นตะหนกตกใจ ในที่สุดนางหยางก็ตัดสินใจ

“ต้าจู้เป็นคนตรงไปตรงมา! เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปก่อเรื่องอะไรไว้ ต้องมีใครสักคนใส่ร้ายเขาแน่นอน! ท่านพี่! ท่านไปที่เมืองกับข้านะเราต้องไม่ยอม ลูกเราต้องได้รับความเป็นธรรม!” นางหยางกล่าว

ผู้เฒ่าขงอายุมากแล้ว ตัวเขาเองยังไม่เคยเดินทางเข้าไปในเมืองเลย แต่เมื่อนึกถึงหน้าลูกชาย เขาจึงกัดฟันรีบไป

นางหยางหยิบเงินสองตำลึงที่เหลืออยู่ในบ้าน เดินทางไปที่ศาลาว่าการพร้อมกับสามี จากหมู่บ้านขงเจียไปเมืองเหอตง จะต้องเดินทางผ่านเมืองเหยาสุ่ยก่อน หากเดินเท้าคาดว่าจะไม่สามารถเดินทางได้ภายในสองวัน

เพราะกังวลเรื่องลูกชาย นางจึงจำใจจ้างเกวียนวัวในการเดินทางครั้งนี้

“ต้องเป็นพวกเว่ยเสี่ยวเถาแน่ นอกจากจะทำลูกชายคนเล็กข้าจนนอนป่วยติดเตียงแล้ว ยังจะทำให้ลูกชายคนโตของข้าเข้าคุกอีก นางทำลายสกุลขงของข้า! นังโสเภณีน้อย! นังหน้าสารเลว ! ขนาดออกจากบ้านไปแล้วยังสร้างเรื่องให้คนสกุลขงอีก!”

นางหยางด่าเว่ยเสี่ยวเถาซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยใช้คำพูดที่หยาบคายเท่าที่นางจะสรรหามาด่าทอได้ สองสามีภรรยาไม่เคยไปเมืองเหอตงมาก่อน พวกเขาหลงทางกว่าจะถึงศาลาว่าการก็เป็นเวลามืดค่ำเสียแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย ทั้งสองคนจึงทำได้แต่เพียงเข้าไปในตรอกเพื่อนอนค้างคืน อากาศในคืนนี้หนาวจัด ทั้งผู้เฒ่าขงและนางหยางหนาวเกือบเเข็งตาย แต่โชคยังดีที่มีชีวิตรอดมาได้ พวกเขาไปสอบถามหลายครั้งหลายหน จนผ่านไปหลายวัน ในที่สุดจึงได้รู้ว่าเหตุใดขงต้าจู้จึงถูกตัดสินโทษให้ใช้แรงงานหนักตลอดชีวิต

เขาถูกจับเพราะใส่ร้ายต่อเว่ยฉิงว่าสมคบคิดกับโจรภูเขา!

ทันทีที่ทราบข้อเท็จจริง พวกเขาก็จับใจความได้แค่ เว่ยฉิง เท่านั้น

“อย่างที่คาดเอาไว้เลยเว่ยเสี่ยวเถาเป็นต้นเหตุ! สกุลขงของเขาไปขุดกระดูกบรรพชนของนางในชาติก่อนหรือ? ชีวิตนี้นังนั่นถึงได้มาทวงหนี้จากข้ามากมายถึงเพียงนี้ !”

“ไอ้สัตว์ร้ายเว่ยฉิง! มันกล้ามาทำร้ายต้าจู้ของเราได้อย่างไร! ต้าจู้ของข้าช่างน่าสงสารนัก คนดี ๆ เช่นนี้ทำไมจึงได้ถูกทำร้ายถึงขนาดนี้!”

“เว่ยฉิงไอ้สารเลว! เจ้าไม่ตายดีแน่! ลูกชายที่น่าสงสารของข้า!”

“ไปเถอะไปหาเว่ยฉิงกัน เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ต้องได้รับการชำระบัญชีจากพวกเรา!”

——————

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท