บทที่ 122 คิดบัญชีเว่ยฉิง
ณ เมืองเหยาสุ่ย
ร้านเป่าชิงเก๋อ
“เว่ยฉิงไอ้คนสารเลว! เหตุเจ้าถึงได้ทำร้ายครอบครัวข้าขนาดนี้! แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?!”
“คนสกุลเว่ยเป็นศัตรูกับครอบครัวข้า พวกเขาฆ่าลูกชายข้าทั้งสองคน!”
ถังหลี่และเว่ยฉิงออกมาจากห้องในตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ เมื่อออกมาก็พบว่านางหยางและผู้เฒ่าขงกำลังนอนกลิ้งเกลือกร้องไห้โวยวายเสียงดังอยู่กับพื้น
“ท่านป้าเป็นอะไรไปหรือ?” คนแถวนั้นถาม
“มีอะไรก็ลุกขึ้นมาพูดเถิด!””
“ข้าไม่ลุก! วันนี้ข้ากับสามีมาทวงความยุติธรรม หาไม่แล้วข้าจะไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น!” เสียงของนางหยางดังขึ้นเรื่อย ๆ เรียกร้องความสนใจจากฝูงชนโดย
“ขงต้าจู้ถูกทางการจับไป ไม่เกี่ยวอะไรกับสามีข้า” ถังหลี่พูดอย่างเย็นชา
นางหยางชี้นิ้วไปที่เว่ยฉิงแล้วพูดเสียงดัง
“ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สัตว์ร้ายตัวนี้ ต้าจู้ของข้าจะถูกจับไปได้อย่างไร?”
ถังหลี่โมโหแทบตาย ขงต้าจู้ใส่ร้ายสามีของนางทำให้เว่ยฉิงต้องอยู่ในคุกหลายวัน ซ้ำร้ายยังเกือบถูกประหารชีวิต แต่คนสารเลวพวกนี้กับยังมาใส่ป้ายสีเขาอีก ช่างไม่รู้ดีรู้ชั่วกันเสียเลย!
ถังหลี่เดินไปหานางหยาง
เพี้ยะ!
นางตบหน้านางหยางจนหน้าหัน
“ขงต้าจู้ใส่ร้ายสามีข้าว่าสมคบคิดกับโจร เขาแจ้งความเท็จเพื่อใส่ร้ายเว่ยฉิง เขาโดนโทษเช่นนี้ก็สมควรแล้ว! นี่เจ้าดูหมิ่นกับคำตัดสินของศาลหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องถูกทางการจับและโดนเนรเทศไปทำงานหนักพร้อมลูกชายเจ้า!”
นางจะถูกจับไปใช้แรงงานหรือ?
นางหยางแก่มากแล้ว หากต้องทำงานหนักคงอยู่ไม่รอดแม้แต่วันเดียวเป็นแน่ นางหยางหยุดร้องได้ด้วยความตกใจ ต้าจู้ใส่ร้ายเว่ยฉิง?
หากไม่ใช่เพราะเว่ยฉิงหักขาของขงซวนและปล้นเงินทั้งหมดของบ้านนางไป ต้าจู้คงไม่ต้องทำเช่นนั้น! ทั้งหมดเป็นเพราะเว่ยฉิงคนเดียว! แต่ตอนนี้นางหยางต้องการคนมาช่วย ทำให้ต้องฝืนกลืนความโกรธของนางลงท้องไป
“ข้าไม่รู้เรื่องที่ต้าจู้ใส่ร้ายเว่ยฉิง น้องชายเสี่ยวเถาเพื่อเห็นแก่ฟ้าดินเจ้าช่วยไว้ชีวิตลูกชายข้าได้หรือไม่ ในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นอะไรสบายดีแล้ว ข้าคุกเข่าขอร้องเจ้าล่ะ ไปพูดกับทางการให้ไว้ชีวิตลูกชายข้าทีเถิด!” นางหยางคุกเข่าต่อหน้าเว่ยฉิง
“น้องชายเสี่ยวเถา หากเจ้าช่วยต้าจู้ของพวกเราสักครั้ง สกุลขงจะรับพี่สาวเจ้าเข้ามาเป็นสะใภ้อีกครั้ง ช่วยให้นางรอดพ้นจากความเป็นม่าย” ผู้เฒ่าขงพูดราวกับสิ่งที่เขาเสนอให้คือของขวัญล้ำค่าแก่สกุลเว่ย
เขาคิดว่าขงซวนคือสมบัติล้ำค่าจริง ๆ หรือ?
ถังหลี่อยากจะหัวเราะออกมา
“พี่สาวข้าไม่คู่ควรกับลูกชายที่เกียจคร้าน ขี้เหร่ เตี้ย ไร้ความสามารถแถมยังเป็นง่อยอยู่บนเตียงแบบลูกชายของเจ้าหรอก ! พวกเราไม่กล้ารับของขวัญจากเจ้าได้ ขงต้าจู้ถูกจับ คดีของเขาถูกตัดสินโดยทางการแล้วจะทำอันใดได้อีก คิดดูเอาเถิด? หากเจ้าไม่ยอมรับก็ไปร้องเรียนกับทางการเอง หากยังมาโวยวายเอาผิดกับข้าเช่นนี้ ข้าจะไปฟ้องทางการส่งพวกเจ้าไปใช้แรงงานพร้อมกับลูกชายเสียเลย”
ถังหลี่ตาประกายวาวไปด้วยความโกรธแค้น
“แบบนี้ดีหรือไม่ ถือเสียว่าข้าช่วยให้ครอบครัวเจ้าได้อยู่ด้วยกัน”
ชายชราตกใจจนขาสั่น เขารีบดึงนางหยางที่กำลังคุกเข่าที่พื้นขึ้น
“นังบ้า! อย่ามาพูดตลก! ข้าไม่ทำงานหนักหรอกนะ!”
ผู้เฒ่าขงรีบพานางหยางเดินจากไปอย่างสิ้นหวัง
เว่ยฉิงจับมือถังหลี่มากุมไว้อย่างทุกข์ใจ
“เขาไม่ได้สั่งสอนลูกชาย บิดากับบุตรก็เหมือนกัน เป็นความผิดของบิดามารดาที่ขงซวนและขงต้าจู้โตมาเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง ช่างเหลวไหลจริง ๆ” ถังหลี่แทบพูดไม่ออก
ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของผู้อื่นทั้งสิ้น พวกเขาถูกต้องเสมอ โดยเฉพาะลูกชายของพวกเขา ไม่รู้ว่าไปเอาความคิดผิดๆ แบบนี้มาจากที่ใดกัน?
“อย่าใส่ใจคนเช่นนั้นเลย” เว่ยฉิงกล่าว
ความจริงจะสอนให้พวกเขาตระหนักรู้เอง!
ชายหนุ่มจับมือถังหลี่เดินเข้าไปในร้าน เขาเย้าแหย่ให้นางคลายความกังวล พากันหัวเราะอย่างสนุกสนานจนทำให้ลืมเลือนความน่ารังเกียจของสามีภรรยาคู่นั้น
……
ผู้เฒ่าขงและนางหยางไม่สามารถทนดูลูกชายคนโตของเขาทำงานหนักตลอดชีวิตได้ ทั้งสองคนไปหาเจ้าหน้าที่ทางการหลายครั้งจนในที่สุดก็หาทางช่วยเหลือได้ โดยที่เจ้าหน้าที่ได้พูดว่า หากพวกเขาอยากช่วยเหลือบุตรชายก็ต้องจ่ายเงินเป็นค่าวิ่งเต้น …
สองสามีภรรยากัดฟันขายที่นาทั้งหมดของครอบครัว เป็นเงินยี่สิบตำลึง และถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้เฒ่าขงและนางหยางกลับมาที่หมู่บ้านขงเจียอย่างเหน็ดเหนื่อย พวกเขามองบ้านของตัวเอง ทุ่งนาผืนสวยเหลือเพียงไม่กี่หมู่ ลูกชายคนเล็กก็พิการ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง
…..
ในคืนนั้นเอง เว่ยฉิงฝันถึงผู้เฒ่าหยินที่อยู่ในคุกกับเขา
ในความฝัน เว่ยฉิงเห็นกระท่อมหลังเล็กหลังหนึ่ง ชายชรากำลังผ่าฟืนอยู่มีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเก็บผัก ฉากด้านหลังเป็นดวงตะวันกำลังตกดิน เป็นภาพที่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจมาก
เมื่อผู้เฒ่าหยินสังเกตเห็นเว่ยฉิง เขาวางขวานในมือลงเดินมาหยุดตรงหน้าของเว่ยฉิง
“น้องชาย เจ้าไปขุดของที่อยู่ใต้ต้นฮ่วยฉู่หรือยัง?”
เมื่อเว่ยฉิงส่ายหน้า สีหน้าของผู้เฒ่าหยินเปลี่ยนไปทันที เขาเริ่มพูดไม่หยุดให้เว่ยฉิงไปขุดของที่อยู่ใต้ต้นฮ่วยฉู่ขึ้นมา เมื่อชายหนุ่มวิ่งหนี ผู้เฒ่าหยินก็วิ่งไล่ตามเขาทันที เว่ยฉิงถูกไล่ล่าจากผู้เฒ่าหยินทั้งคืน เมื่อเขาตื่นขึ้น ก็จดจำทุกอย่างในความฝันได้อย่างชัดเจน เขาจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาเขาฟัง
ถังหลี่ถอนหายใจ ชายผู้นี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน ในความฝันนั้นคงเป็นดวงวิญญาณของเขากับลูกสาวสินะ อย่างน้อยหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว คนทั้งคู่ก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขช่างเป็นตอนจบที่งดงามเหลือเกิน
“ฮูหยิน เราไปที่เมืองเหอตงกันเถิด?”
“ได้สิ…นั่นเป็นเจตนารมณ์ก่อนตายของเขา”
“ถ้าไม่ไป เขาคงวิ่งไล่ตามข้าในความฝันอีก” เว่ยฉิงปวดหลัง เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เขากลัวการไล่ล่าจากชายชราผู้นั้นจริง ๆ
ถังหลี่ยิ้ม ช่วยนวดหลังให้สามี หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว พวกเขาจึงเดินทางไปเมืองเหอตงด้วยรถม้า เมื่อไปถึงที่หมายคนทั้งคู่จึงเห็นต้นฮ่วยฉู่ต้นใหญ่มาแต่ไกล
เว่ยฉิงหยิบเครื่องมือขึ้นมาเริ่มขุดดินที่ใต้ต้นฮ่วยฉู่อย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็พบกับพบกับกล่องไม้กล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นก่อนจะเปิดกล่องไม้ออกดู พบว่าข้างในมีกระดาษอยู่ปึกใหญ่
ถังหลี่เดินเข้ามาหาสามี นางหยิบกระดาษพวกนั้นออกมาดู ถังหลี่ตกใจมาก นางหยิบกระดาษอีกใบออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“สามี! นี่คือแบบการสร้างธนูกับหน้าไม้!” ถังหลี่อุทานด้วยความตกใจ
แบบหน้าไม้ชิ้นนี้แตกต่างจากธนูทั่วไปอย่างมาก ปกติความแข็งแรงของคันธนูและลูกศรจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน แต่คันธนูและหน้าไม้แบบนี้ แม้แต่สตรีก็สามารถใช้คว่ำผู้ชายร่างใหญ่ได้อย่างง่ายดาย !
ผู้เฒ่าหยินทิ้งสิ่งดี ๆ เช่นนี้ไว้ให้เว่ยฉิง!
หน้าไม้….
เมื่อพูดถึงคันธนูและหน้าไม้ ในนิยายต้นฉบับนั้น แต่เดิมอาวุธของคนต้าโจวนั้นล้าหลังมาก แต่กู้อิ๋นเสนอแนวคิดให้ปรับปรุงแบบของคันธนูและลูกศรซึ่งทำให้ฮ่องเต้ประทับใจมาก ด้วยเหตุนี้ต้าโจวจึงสามารถสร้างกองกำลังที่ทรงพลังด้วยอาวุธชิ้นนี้ ชื่อของกู้อิ๋นจึงได้เลื่องลือไปทั่วแคว้นต้าโจว
ในนิยายนั้นมีการกล่าวถึงว่าแบบคันธนูและหน้าไม้นี้ กู้อิ๋นได้รับมาจากชาวนาคนหนึ่ง ที่เล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะฟ้าผ่าลงมาที่ต้นฮ่วยฉู่ จึงได้พบกับกล่องไม้ใบนี้เข้าโดยบังเอิญหรือว่าจะเป็นแบบร่างชิ้นนี้
หากเว่ยฉิงไม่ได้ติดคุกและบังเอิญอยู่ห้องข้าง ๆ ของผู้เฒ่าหยิน ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องกล่องไม้ใบนี้ จนกว่าฟ้าจะผ่าในวันนั้น..
————