เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 138 เรื่องเล่าของถังหลี่

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 138 เรื่องเล่าของถังหลี่

“บัณฑิตคนนั้นควรปฏิเสธขุนนาง? เพราะอย่างไรเสีย…ภรรยาคือคนที่คอยสนับสนุนเขามาตลอด พูดว่าจะหย่าก็จะหย่าได้เลยหรือ?

นี่เป็นคำตอบที่นางเองก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน ด้านหนึ่งเป็นภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นภรรยาที่คู่ควร…สตรีนั้นเลือกคนที่จะแต่งงาน บุรุษเองก็เลือกภรรยาที่ทำให้เขาเจริญก้าวหน้าเช่นกัน

“ภรรยาที่บ้านของเขาไม่ควรถูกทอดทิ้ง หากเขาทอดทิ้งภรรยา เขาควรถูกประนามเช่นกัน” นางหม่ากล่าว

“อันที่จริง บัณฑิตผู้นั้นได้ปฏิเสธไป”

นางหม่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“แต่ว่าการปฏิเสธของเขาทำให้ขุนนางผู้นั้นนั้นโกรธแค้นมาก เขาพุ่งเป้าโจมตีไปทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าตัวบัณฑิตจะได้ตำแหน่งการงานที่ดี แต่หาได้ราบรื่นไม่ ชายหนุ่มเริ่มไม่มีความสุข ขนาดคนที่ไม่เก่งเท่าเขายังเจริญก้าวหน้าไปมากกว่า สุดท้ายแล้วเขาเลือกที่จะไปหาขุนนางผู้นั้น และร้องขอ…ท่านป้าเดาสิว่าครั้งนี้เขาจะเลือกอะไร?” ถังหลี่ถาม

สีหน้าของนางหม่าซีดเซียว

ในตอนนี้ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่า หากบัณฑิตผู้นี้ไม่ทอดทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก หน้าที่การงานของเขาย่อมสูญสิ้นอย่างแน่นอน

ด้านหนึ่งคือภรรยาที่จะพาเขาเจริญก้าวหน้า ส่วนอีกด้านคือภรรยาที่จะทำให้เขาล่มจม…

“เขารับข้อเสนอหรือ?” นางหม่าถาม

“ใช่ แต่ภรรยาที่ร่วมทุกข์สุขกันมาไม่ยอมหย่า นางจ่ายให้สามีมามาก ทำนาตลอดทั้งปีจนมือหยาบกร้าน ใบหน้าเหี่ยวย่นแก่เฒ่า หากนางยอมหย่าให้เขาแล้วชีวิตนางจะเหลืออะไร? เป็นได้เพียงแค่ขอทานข้างถนน แต่ว่า…บัณฑิตไม่ต้องการมีชีวิตแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว ดังนั้นในเดือนที่มืดมิดและมีพายุ เขาบีบคอภรรยาของตนจนสิ้นใจ..”

เมื่อถังหลี่พูดออกมาเช่นนั้น นางหม่าไม่สามารถจะโต้แย้งได้เลย

สิ่งที่ถังหลี่พูดนั้นมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง

แต่เดิมบัณฑิตเป็นคนดี แต่ความเป็นจริงทำให้เขาต้องตัดสินใจอย่างนั้น

“เสี่ยวถัง เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน ไม่ใช่ว่าจะเล่าให้ข้าฟังเพื่อเกลี้ยกล่อมข้าใช่หรือไม่?” นางหม่าถาม

“คนที่เล่ากล่าวว่าเขาเป็นคนมีส่วนร่วมในการตัดสินคดี ข้าไม่รู้ว่าเขาพูดจริงมากเพียงใด ข้าไม่สามารถไปยังเมืองหลวงเพื่อพิสูจน์ได้

แน่นอนว่าเรื่องที่ถังหลี่ล้วนเป็นเรื่องโกหก แต่ที่นี่คือเมืองเหยาสุ่ย อย่างไรก็ตามนางหม่าไม่มีทางที่จะไปพิสูจน์เรื่องนี้ถึงเมืองหลวงหรอก

ถังหลี่เจตนาเล่าเรื่องนี้ให้นางหม่าฟัง

“ท่านป้า ที่จริงข้าคิดว่าอาชิงควรได้แต่งงานกับคนที่นางรัก อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ไม่สำคัญว่าจะยากดีมีจน แม้คนจนจะมีทุกข์ แต่ใช่ว่าคนรวยจะไม่มี ท่านเป็นมารดาของหลู่ชิง ย่อมอยากให้นางมีความสุขใช่หรือไม่?”

ใช่ !นางปรารถนาให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุขและปลอดภัย คำพูดของถังหลี่แทงหัวใจของนาง นางหม่าเริ่มลังเล

วันนั้น เมื่อนางหม่ากลับบ้าน นางก็ไม่รบเร้าพูดเรื่องแต่งงานกับลูกสาวอีกเลย

หลู่ชิงประหลาดใจมาก

หญิงสาวรู้สึกว่าคำพูดของมารดาทำให้นางหงุดหงิดจนไม่อยากกลับบ้าน แต่ตอนนี้แม่ของหลู่ชิงหยุดพูดเรื่องนี้แล้ว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางหม่าจึงพูดกับบุตรสาวว่า

“อาชิง หากเจ้าไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับหวางช่างชู ข้าจะไปบ้านสกุลหวางวันนี้และปฏิเสธนางตู้ไป”

หลู่ชิงกะพริบตา ความคิดแรกของนางก็คือตนเองหูฝาดไปหรือไร? ก่อนที่หญิงสาวจะโผเข้ากอดมารดาแน่น

“ท่านแม่! ท่านเข้าใจแล้ว!”

ใบหน้าของนางหม่าประดับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน นางตบไหล่บุตรสาวเบา ๆ

“แม่คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แม่อยากให้ลูกมีความสุขและปลอดภัย ถ้าไม่อยากแต่งก็ลืมไปเสีย แต่….”

“อย่างไรก็ต้องมองหน้ากันให้ติด เจ้าอย่าได้ปฏิเสธ!”

หลู่ชิงหอมแก้มมารดาแรง ๆ

“ข้าจะเชื่อฟังท่าน!”

พูดจบนางก็วิ่งออกจากบ้านไป

นางหม่ามองดูแผ่นหลังของบุตรสาว ก่อนจะลูบไปที่แก้มของตนเองและหัวเราะเบา ๆ

“เล่นเป็นเด็กไปได้ ซนนัก!”

นางหม่าอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินทางไปที่บ้านสกุลหวาง

นางตู้อารมณ์ไม่ค่อยดี นางไปที่บ้านสกุลหลู่เพื่อทาบทามเรื่องแต่งงาน แต่ตอนนี้แม่ลูกสกุลหลู่ปล่อยให้นางเฝ้ารอคำตอบมาเป็นเวลาสี่วันแล้ว

เมื่อนางหม่ามาถึง นางตู้จึงไม่ได้ดีใจนัก

“หม่าซื่อ ผ่านมาสองสามวันแล้วท่านยังไม่ให้คำตอบข้า จนข้าคิดว่าบุตรชายของข้าไม่เหมาะสมกับลูกสาวท่าน ข้าเกือบจะไปทาบทามสตรีบ้านอื่นแล้วสิ” นางตู้พูดประชดประชัน

“พี่ตู้ นี่เป็นชีวิตทั้งชีวิตของบุตรสาวข้า ข้าต้องใช้เวลาปรึกษากับนางให้มากสักหน่อย” ใบหน้าของนางหม่ามีรอยยิ้ม

“โอ้ ดียิ่งนัก เช่นนั้นข้าก็มีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกับเจ้า ช่างชูของข้านั้นจะมีชื่อเสียงในภายหน้า แน่นอนว่าภรรยาของเขาไม่อาจเป็นเพียงแม่ค้าได้ อย่างไรก็เถอะ ในเมื่อช่างชูรักหลู่ชิงมาก จะยกให้นางเป็นอนุ ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงอนุของช่างชู แต่ครอบครัวของเราจะรักและดีกับนางอย่างแน่นอน!”

ไม่ว่านางหม่าจะเป็นคนมีนิสัยอ่อนโยนเพียงใด หากยามนี้นางกลับโกรธมาก นางพูดกับนางตู้ด้วยใบหน้าที่เย็นชา น้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“พี่ตู้เข้าใจผิดแล้ว วันนี้ข้าจะมาบอกว่าอาชิงลูกสาวข้าและช่างชูของท่านไม่เหมาะสมกัน การแต่งงานนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!”

ตอนนี้นางหม่ารู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของตนเองเป็นเรื่องที่ถูกต้องมาก

ขนาดตอนนี้หวางช่างชูยังไม่มีอะไร ลูกสาวของนางยังต้องไปเป็นอนุของเขา หากวันหน้าเมื่อหวางช่างชูมีตำแหน่งและชื่อเสียง อาชิงจะยังมีตัวตนอยู่ในสกุลหวางหรือ? ลูกสาวของนางจะไม่โดนรังแกจนตายเลยหรือ!

บัณฑิตคนนั้นยังเลือกที่จะทอดทิ้งภรรยาร่วมทุกข์สุขกับตนเองในวันที่เขาก้าวหน้า ไม่ต้องพูดถึงนางตู้ที่ดูถูกบุตรสาวของตนและหวางช่างชูที่เชื่อฟังมารดามาก!

ความกตัญญูนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ความกตัญญูที่ไร้เหตุผลไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

นางตู้ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก สงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า?

สกุลหลู่…ปฏิเสธการแต่งงาน?

แม่ค้าที่ต้องทำงานหนักเช่นนั้น กล้าปฏิเสธการสู่ขอทาบทามจากนางหรือ?

นางตู้พูดว่า “อย่ามาเสียใจแล้วกัน” ก่อนจะกลับเข้าบ้านและปิดประตูอย่างแน่นหนา

นางหม่ามองดูประตูบ้านที่ทรุดโทรมอยู่ชั่วครู่ นึกไม่ออกว่าบ้านหลังนี้คือบ้านที่สามีของนางเคยซื้อให้สองแม่ลูกสกุลหวางหรือไม่? หรือเพราะกลัวที่จะทำลายความภาคภูมิใจของตน พวกเขาเลยปล่อยให้มันผุพังเช่นนี้

เดิมทีสามีของนางเคยอุปการะสองแม่ลูก ในวันที่นางตู้ป่วยก็ได้เงินจากนายท่านหลู่ไปรักษาตัว หลังจากมีการหมั้นเกิดขึ้น อาชิงก็ยังเข้าไปคอยปรนนิบัติรับใช้นางตู้

นี่คือสิ่งที่สกุลหลู่ได้รับหรือ?

คนเนรคุณ!

ในตอนแรกนางคิดว่าตราบใดที่อาชิงปฏิบัติกับครอบครัวหวางอย่างจริงใจ นางจะโน้มน้าวให้แม่สามีรักและเอ็นดูนางได้ นางหม่าต้องตะลึงเมื่อรู้ว่าความคิดของนางนั้นผิดไปหมด โชคดีเหลือเกินที่ถังหลี่พูดเตือนสตินาง

ในเย็นวันนั้นนางหม่าบอกกับหลู่ชิงเรื่องการปฏิเสธการสู่ขอ

หลู่ชิงมีความสุขมากนางจับมือมารดาไม่ปล่อยราวกับเด็ก ๆ

นางหม่าเองก็มีความสุขเช่นกัน ที่ได้รับความสนิทสนมกับบุตรสาวยิ่งขึ้น นางกล่าวชื่นชมถังหลี่สตรีผู้นี้เป็นมิตรที่ดีต่อลูกสาวของนาง…..

สกุลหวางในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิม

นางตู้ดุด่าช่างชูอย่างรุนแรง พูดว่านางทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขาเป็นอย่างมากแต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้นางอับอายขายขี้หน้าจนสุดที่จะทน !

นางตู้ยังขู่บุตรชายอีกว่า หากวันใดที่หวางช่างชูไปหาหลู่ชิงอีกครั้งนางจะกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเสีย!

แม้ว่าหวางช่างชูจะชอบหลู่ชิงมาก แต่เขาก็โกรธมากเช่นกัน เหตุใดหลู่ชิงถึงทำเช่นนั้น!

เขาผิด !เขารู้ตัวดี แต่เหตุใดนางถึงยังมาทำให้มารดาของเขาขายหน้าอีก!?

………………….

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท