บทที่ 145 ความทุกข์ของลุงหลี่
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ลุงหลี่เดินทางไปที่กองกำลังรักษาการณ์ จากนั้นผู้บัญชาการณ์ฝางจึงพาเขาติดสอยไปที่ค่ายทหารด้วย
ถังหลี่หวังว่าลุงหลี่จะได้พบกับจูเฉิงอย่างราบรื่น และจะไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ครอบครัวของลุงหลี่ไม่สามารถรับมือกับเรื่องเลวร้ายได้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะหวาดวิตกแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับคนที่ต้องเข้าไปเสี่ยง
ลุงหลี่สวมเสื้อผ้าที่ผู้บัญชาการฝางยื่นให้ จากนั้นจึงเดินตามทหารหนุ่มไปอย่างประหม่า ระหว่างทางฝางโฉวเหว่ยอธิบายหลายอย่างให้ลุงหลี่ฟัง เขาใจลอยหากแต่รับฟังแต่โดยดี ลุงหลี่เดินหลังค่อมพร้อมกับพยักหน้าเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อรถม้าหยุดพวกเขาก็มาถึงประตูค่ายทหารแล้ว
ฝางโฉวเหว่ยคุ้มกันและช่วยลุงหลี่ลงจากรถ เขาเหลือบมองชายชรา
“ยืดหลังตรง เป็นทหารต้องมีความภาคภูมิใจ
ลุงหลี่รีบยืดหลังตรงทันที
ผู้บัญชาการฝางพาชายชราเข้าไปในค่ายทหาร ลุงหลี่ทบทวนคำพูดของฝางโฉวเหว่ยไว้ในใจ
เขาไม่กล้าว่อกแว่ก สายตาของลุงหลี่จับจ้องอยู่ที่ศีรษะด้านหลังของฝางโฉวเหว่ยเท่านั้น
ทั้งสองไม่ได้ไปหาจูเฉิงในทันที ผู้บัญชาการฝางไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายก่อน ในตอนที่เขาทำงานต่าง ๆ ลุงหลี่คอยตามอยู่ไปไม่ห่าง เขากลัวว่าจะเกิดเหตุผิดพลาดขึ้น
“ผู้บัญชาการฝาง ทหารคนนี้ไม่แก่ไปหน่อยหรือ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ลุงหลี่เหลือบไปมองคนที่กำลังพูดอยู่ เขาอายุพอ ๆ กับผู้บัญชาการฝาง แต่รูปร่างอ้วนกว่ามาก ลุงหลี่รีบโค้งศีรษะคำนับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องกังวล นายกองตู้” ผู้บัญชาการฝางพูดปกป้องลุงหลี่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า หากเขาทำหน้าที่ได้ไม่ดี ท่านแม่ทัพจะไม่ทำโทษท่านหรือ?”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าอีกนั่นแหละนายกองตู้”
คำพูดของคนทั้งคู่ราวกับดาบที่ฟาดกันและกัน แสดงให้เห็นชัดว่าคนทั้งคู่ไม่ถูกกัน ลุงหลี่ทำได้เพียงก้มหน้าไม่กล้าปริปากใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากที่ผู้บัญชาการณ์ฝางทำงานเสร็จแล้ว เขาพาลุงหลี่ออกจากค่ายทหาร จ้าวตู้เหว่ยมองตามหลังผู้บัญชาการฝางไปอย่างดุดัน
“เย่อหยิ่งอวดดี! ไม่ช้าก็เร็วตำแหน่งผู้บัญชาการต้องตกเป็นของข้า!”
ผู้บัญชาการฝางรีบพาลุงหลี่เข้าไปที่ด้านหลังกระโจม ปล่อยให้ชายชรายืนรออยู่ตรงนั้นและเดินหันหลังกลับออกไป
ลุงหลี่ยืนรอเงียบ ๆ อย่างใจจดจ่อ ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียง
“ท่านปู่!”
ลุงหลี่มองไปรอบ ๆ ทันที ก่อนจะเห็นจูเฉิงในสภาพที่น้ำตาไหลเป็นสาย จูเฉิงแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาเดินเข้าไปด้านหน้าของลุงหลี่อีกสามก้าว ก่อนจะโอบกอดชายชราไว้ ในตอนที่มีคนเดินไปบอกเขาว่าปู่ของเขามาหา เขาคิดว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ชายชรานึกถึงเวลาจำกัดของฝางโฉ่วเหว่ยเขารีบดึงจูเฉิงออกไปแล้วถาม
“อาเฉิง เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าคุ้นเคยกับค่ายทหารหรือยัง?”
ความจริงชายหนุ่มไม่ชินเลย เขาถูกเกณฑ์มาในฐานะคนหนุ่มที่แข็งแรง จูเฉิงตื่นตระหนกอยู่ราวสองสามวัน ในความคิดของพวกเขาคนที่ถูกเกณฑ์เข้ามาในกองทัพก็เหมือนได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว จูเฉิงยังไม่อยากตาย ภรรยาของเขาเพิ่งตั้งท้องลูกคนแรก แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะบอกลุงหลี่ว่า
“ข้าปรับตัวได้แล้ว! ในค่ายดูแลเรื่องอาหารดีมาก ข้าฝึกหนักทุกวันตอนนี้แข็งแรงมาก”
จากนั้นเขาชี้ไปที่แขนของตัวเอง
“เข้มแข็งไว้นะ เจ้าเป็นคนดี สวรรค์จะต้องอวยพรให้เจ้า หากภายหน้ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นสวรรค์จะปกป้องเจ้าอาเฉิง” ลุงหลี่ปาดน้ำตา
“ใช่แล้ว…ท่านปู่ หลันฮวาเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” จูเฉิงถามในเรื่องที่ตัวเขากังวลมากที่สุด
หลันฮวาเป็นสตรีขี้อายเหมือนกระต่ายน้อย เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่รู้เลยว่านางจะหวาดกลัวแค่ไหน
“หลันฮวา..”
“ท่านปู่ บอกหลันฮวาว่าข้าสบายดี กินอยู่อย่างดีที่ค่ายทหาร ในเมื่อข้าได้รับเกียรติให้เป็นทหาร ย่อมเป็นเกียรติแก่ครอบครัวเช่นกัน” จูเฉิงยิ้มสว่างไสว
“เอาล่ะ อาเฉิง…นี่สำหรับเจ้า เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น เจ้าจะได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น”
ลุงหลี่พูดพลางหยิบถุงเงินออกมายื่นให้ชายหนุ่ม จูเฉิงรีบปฏิเสธทันที
“ท่านปู่ ในค่ายนี้ข้าไม่ต้องใช้เงิน ท่านเก็บไว้ซื้ออาหารให้หลันฮวาเถิด นางต้องบำรุงอีกมาก”
“เรื่องหลันฮวาเจ้าไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นนางก็จะสบายใจ”
ลุงหลี่ยืนกรานที่จะมอบมันให้แก่หลานเขย จนจูเฉิงต้องรับไปอย่างเสียไม่ได้
“เอาล่ะ ไม่ว่าจะในค่ายหรือสนามรบ เจ้าต้องรอบคอบเข้าใจ พวกข้าจะรอเจ้ากลับมา”
ลุงหลี่ตบบ่าชายหนุ่มก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“ท่านปู่!”
จูเฉิงทรุดตัวคุกเข่าร้องไห้ต่อหน้าลุงหลี่
“ท่านปู่…ข้าได้แต่งงานกับหลันฮวาเป็นเรื่องที่น่ายินดี ข้าดีใจมากที่มีท่านปู่และท่านย่าที่รักข้า”
“แต่…หากภายในสองปี ข้าไม่สามารถกลับไปได้ ท่านอนุญาตให้หลันฮวาแต่งงานใหม่เถิด”
“หลันฮวาเป็นคนมีนิสัยอ่อนโยน ท่านต้องหาคนที่รักนางมาก ๆ นางจะได้ไม่ถูกรังแก”
ลุงหลี่ได้ฟังคำพูดนั้น ชายชราเหมือนกับน้ำท่วมปากพูดไม่ออก เขาไม่ได้หันกลับไปมองลุงหลี่ก้าวเท้าเดินต่อไป แต่จู่ ๆเขาก็ถูกใครบางคนขวางเอาไว้ สีหน้าของลุงหลี่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน แข้งขาเริ่มสั่นเทา ผู้ชายตรงหน้าคือนายกองตู้ ผู้ที่ไม่ถูกกับผู้บัญชาการณ์ฝางนั่นเอง
ตอนนี้ตำแหน่งในกองทัพที่จ้าวตู้เหว่ยอยากได้เป็นของฝางโฉวเหว่ย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกทรมานใจ เขาจึงพยายามหาข้อผิดพลาดเพื่อฉุดให้ผู้บัญชาการณ์ฝางลงจากตำแหน่งนั้นเสีย!
ตอนที่เขามองไปที่ทหารรับใช้ของฝางโฉ่วเหว่ย เขารู้สึกถึงความผิดปกติจึงลอบให้คนติดตามพวกเขา และพบว่าไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคิดเอาไว้
ทันทีที่ชายหนุ่มโบกมือ เหล่าทหารก็ไปล้อมจับลุงหลี่และจูเฉิง พวกเขาถูกทหารจับตัวเข้าไปในค่าย ลุงหลี่ที่แก่ชราถูกทหารผลักอย่างรุนแรงจนกระแทกกับโต๊ะ
“อย่าผลักเขา!” จูเฉิงตะโกน
ทหารที่อยู่ใกล้ ๆ เตะจูเฉิงลงไปกองอยู่กับพื้น
“อาเฉิง…ข้าไม่เป็นไร” ลุงหลี่รีบพูด
ปู่และหลานชายคุกเข่าลงกับพื้น ส่วนนายกองตู้นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้มองไปยังคนทั้งสองอย่างวางอำนาจ
“เจ้าไม่ใช่ทหารรับใช้ของผู้บัญชาการฝางสินะ เจ้าติดสินบนเขาเพื่อให้พามาหาหลานชายใช่หรือไม่?” นายกองตู้ถามอย่างเฉียบขาด
ชายชราไม่ปริปากพูดอะไร แม้ว่าลุงหลี่จะไม่ใช่บัณฑิตมีความรู้อะไร แต่เขารับรู้เจตนาของนายกองตู้ดี ชายคนนี้กำลังใช้เขาเพื่อเล่นงานผู้บัญชาการฝาง!
ดีชั่วต้องรู้จักแยกแยะ บุญคุณต้องรู้จักทดแทน อย่าทรยศต่อบุญคุณใคร
“ไม่พูดใช่ไหม ลงมือ!”
นายกองตู้ออกคำสั่งให้ทหารสองรายเตะชายชราทันที พวกทหารทั้งสองคนนั้นแข็งแรงมาก ลุงหลี่เป็นเพียงชายชรารูปร่างซูบผอม เขาจะทนได้อย่างไร?
จูเฉิงรีบวิ่งเอาตัวเข้าไปบังลุงหลี่ไว้ เพื่อลดแรงประทะ
“อย่าเตะปู่ข้า! หยุด ได้โปรด!” จูเฉิงอ้อนวอน
ทว่าคนเหล่านั้นหรือจะฟังคำวิงวอนของชายหนุ่ม พวกเขาเตะลุงหลี่แรงมากยิ่งขึ้น แต่ชายชราปากหนักไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ
“ตาแก่ เจ้ายังไม่ยอมสารภาพอีกหรือ?” นายกองจ้าวเดินไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธ ท่านแม่ทัพเจิ้นเป่ยเป็นบุคคลที่มีความเข้มงวดมาก และถ้าเขารู้ว่าผู้บัญชาการฝางแอบพาคนเข้ามาเยี่ยมญาติภายในค่ายล่ะก็ จะต้องมีคำสั่งปลดลงมาแน่!
แต่ชายชราก็ยังไม่ปริปาก
นายกองตู้โกรธมาก เขาหยิบเก้าอี้ขึ้นมาและฟาดมันลงไปใส่ลุงหลี่ทันที แต่จูเฉิงบังเขาไว้ทำให้ชายหนุ่มหัวแตกเลือดไหลอาบ
“อาเฉิง! อาเฉิง!”
ลุงหลี่โกรธมาก “เจ้ามาสู้กับข้านี่!”
พูดจบเขารีบวิ่งเข้าใส่นายกองตู้ทันที ในชั่วพริบตานั้นลุงหลี่ถูกจ้าวตู้เหว่ยจู่โจมกลับจนล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า
เมื่อผู้บัญชาการฝางเข้ามาในค่าย ภาพที่เขาเห็นคือทั้งลุงหลี่และเด็กหนุ่มกำลังนอนอยู่บนพื้น ทั่วทั้งร่างมีแต่เลือด สภาพคนทั้งคู่นั้นแทบจะดูไม่ออกว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว!
********************