บทที่ 147 ท่านแม่ทัพเฉา
“ถังถังไม่ต้องห่วง พี่จะหาทาง…” ไป๋มู่หยางพูดอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ที่ข้าตัดสินใจอยากพบแม่ทัพเจิ้นเป่ย เพราะข้ามีหนทางที่จะช่วยลุงหลี่ได้” ถังหลี่รีบขัดจังหวะของชายหนุ่ม
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางมีความมุ่งมั่นมาก ไร้ความตื่นกลัว ท่าทางดูคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว
“พี่ใหญ่ เชื่อข้านะ” ท่าทีของถังหลี่จริงจังมาก
เชื่อใจ…
น้องสาวของเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แน่นอนว่ามู่หยางเชื่อใจนางมาก…
“พี่ช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง?” ไป๋มู่หยางพยักหน้า
“พี่ใหญ่ท่านช่วยคุยกับผู้บัญชาการฝางให้เขาช่วยพาข้าไปพบกับแม่ทัพเจิ้นเป่ยได้หรือไม่?”
ถังหลี่กล่าวออกมาอย่างกระดากใจไม่น้อย
ช่างดูเหลวไหลยิ่ง ในเมื่อผู้บัญชาการฝางถูกตัดสินว่ามีความผิดในการลอบพาคนเข้าค่ายเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ยังจะให้เขาพาคนไปหาแม่ทัพเจิ้นเป่ยโดยตรงเช่นนี้ มันจะไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตายซ้ำซ้อนหรอกหรือ?
ดังนั้นผู้บัญชาการฝางไม่มีวันตกลงแน่
เว้นแต่….
ถังหลี่เห็นแล้วว่าความสัมพันธ์ของพี่ชายนางและผู้บัญชาการคนนี้ เหนียวแน่นกันมาก หากพี่ชายของนางเป็นคนไปเกลี้ยกล่อมล่ะก็….
ถังหลี่หวังว่าพี่ชายของนางคนนี้จะเป็นคนที่เขาเกรงใจ ซึ่งทำให้ถังหลี่รู้สึกขัดเขินไม่น้อย…
“พี่ใหญ่ ข้าจะไปพบแม่ทัพเจิ้นเป่ยในฐานะคนที่จะมอบของบรรณาการให้เขา ไม่ใช่ญาติของใคร?” ถังหลี่กล่าวเสริมขึ้น
“ของบรรณาการหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านแค่ขอให้ผู้บัญชาการฝางไปบอกแม่ทัพเจิ้นเป่ยว่า ข้ามีของบางอย่างที่สามารถทำให้เขาชนะในสงครามได้…พี่ใหญ่! ถ้าหากหาทางให้ข้าได้พบท่านแม่ทัพเจิ้นเป่ยได้ ไม่เพียงแต่จะช่วยจูเฉิงและลุงหลี่ออกจากค่ายทหารได้เท่านั้น หากจะทำให้ผู้บัญชาการฝางได้กลับเข้าตำแหน่งเดิมได้อีกด้วย!”
ถังหลี่มองไปที่พี่ชายอย่างกระตือรือร้น
นางรู้ดีว่าคำพูดของนางนั้นยากที่จะเชื่อได้ เช่น การมอบของบรรณาการ การช่วยชีวิต การกอบกู้ตำแหน่ง มันเป็นเรื่องไร้สาระเมื่อออกมาจากปากของเถ้าแก่เนี้ยที่มีกิจการเล็ก ๆ
มีแต่คนที่เชื่อมั่นในตัวนางมาก ๆ เท่านั้นที่ยอมเชื่อในคำพูดของถังหลี่ นางหวังว่าไป๋มู่หยางจะเป็นคนคนนั้น
ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไป๋มู่หยางก็ตัดสินใจได้
“ตกลง”
ถังหลี่ยิ้มแย้ม
“พี่ใหญ่ท่านใจดียิ่งนัก”
เรื่องแบบนี้คงมีแค่พี่ชายนางและสามีเท่านั้นที่จะเข้าใจ อย่างไรก็ตามถังหลี่ต้องไม่สร้างปัญหาตามมาให้พวกเขาเด็ดขาด
สายตาของไป๋มู่หยางหยุดลงที่ใบหน้าสดใสของนาง ก่อนจะเดินออกไป
“พรุ่งนี้เช้า พี่จะไปพบผู้บัญชาการฝาง” ไป๋มู่หยางกล่าว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ไป๋มู่หยางพาถังหลี่ไปยังกองทหารรักษาการณ์
หญิงสาวไม่รู้ว่าไป๋มู่หยางพูดอะไรกับผู้บัญชาการฝาง แต่ในที่สุดทหารหนุ่มก็ตอบตกลงที่จะพานางไปหาแม่ทัพเจิ้นเป่ย
ทั้งสองเดินทางโดยรถม้า ระหว่างทางผู้บัญชาการฝางเฝ้าสังเกตดูถังหลี่อยู่ตลอดเวลา ถังหลี่ไม่คุ้นเคยกับเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะคุยอะไรกับอีกฝ่าย ดังนั้นนางจึงแกล้งทำเป็นไม่รับรู้
สุดท้ายแล้วผู้บัญชาการฝางก็พูดออกมาว่า
“แม่นางเป็นผู้ที่ได้รับความวางใจจากพี่ไป๋เป็นอย่างมาก ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองเชื่อถือเจ้าดูสักครั้ง”
“ข้าจะไม่ทำให้ผู้บัญชาการฝางผิดหวัง” ถังหลี่ตอบอย่างเคร่งขรึม
“ข้ารับปากได้แต่เพียงว่าจะรายงานให้ท่านแม่ทัพทราบ แต่ความเป็นไปได้ที่เจ้าจะได้เข้าพบเขานั้นมีน้อยมาก” ผู้บัญชาการฝางพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านแค่รายงานคำพูดของข้าให้ท่านแม่ทัพเจิ้นเป่ยทราบก็พอ หากเขายังไม่สนใจก็ลืมมันเสีย” ถังหลี่กล่าว
ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็เดินทางมาถึงค่ายทหาร
ผู้บัญชาการฝางพาถังหลี่ลงจากรถม้า แต่ในขณะนั้นเองเขาบังเอิญพบกับนายกองจ้าวที่อยู่บนหลังม้า เมื่อกล่าวถึงความผิดที่อีกฝ่ายทำลงไป นายกองจ้าวสามารถพูดได้เต็มปากว่าตอนนี้เขาเป็นต่อมากกว่าฝางโฉวเหว่ย เขาหันหลังลงจากม้า ก่อนจะใช้สายตาจาบจ้วงมองไปทั่วเรือนร่างของถังหลี่
“เหล่าฝาง ท่านถูกท่านแม่ทัพปลดแล้วไม่รีบกลับไปเลียแผลแต่กลับมาส่งสาวงามหรือ? ท่านแม่ทัพไม่สนใจผู้หญิงหรอกนะ”
“พูดพล่ามอะไร นางเป็นนางสาวข้า!” ผู้บัญชาการฝางโต้กลับอย่างเย็นชา
“โอ้ แม้แต่น้องสาวก็เต็มใจจะทำเรื่องเช่นนี้หรือ? ช่างคุ้มค่าเสียจริง” นายกองจ้าวพูดจาเสียดสี
ฝางหวู่โกรธมากเขาต้องการเข้าไปซัดจ้าวเทียนยี่ให้หมอบ แต่เขายังรั้งตัวเองไว้ทัน ตอนนี้ชายหนุ่มชิงชังจ้าวเทียนยี่มาก เขาเกลียดท่าทางหยิ่งยโสราวกับผู้ชนะของอีกฝ่าย แต่เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นเขาจึงจำต้องอดทน
“เจ้ารอข้าที่นี่ ข้าจะไปนายงานท่านแม่ทัพก่อน” ฝางหวู่ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มหันมาพูดกับถังหลี่
เพราะที่นี่คือค่ายทหาร มีผู้ชายเข้าออกกันตลอดเวลา ทำให้ผู้บัญชาการฝางเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของถังหลี่ เขาสั่งให้ทหารรับใช้ส่วนตัวยืนคุ้มกันนาง ก่อนจะเดินเข้าไปในกระโจมเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้แก่ท่านแม่ทัพเจิ้นเป่ย
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่ท่านแม่ทัพจะยอมให้เด็กสาวคนนี้เข้าพบ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังรับปาก เมื่อคิดถึงมิตรภาพที่ยาวนานของเขากับไป๋มู่หยาง แต่สิ่งที่ผู้บัญชาการฝางไม่คาดคิดก็คือท่าน แม่ทัพเจิ้นเป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอนุญาตให้ถังหลี่เข้าไป
ฝางหวู่รู้สึกประหลาดใจมาก แต่เขากลับไม่แสดงออกถึงความผิดปกติใด ๆ บนใบหน้า เขาเพียงแต่วิ่งออกไปตามถังหลี่เท่านั้น
ระหว่างทางที่เดินมาฝางหวู่เต็มไปด้วยความกังวล
ท่านแม่ทัพเฉามีแต่รังสีอำมหิตและน่ากลัว เขากังวลจริง ๆ ว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นนางเมื่อได้เห็นท่านแม่ทัพแล้วจะหวาดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก
ผู้บัญชาการฝางพาถังหลี่เข้าไปในกระโจม
เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าทำความเคารพท่านแม่ทัพด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น เขาก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าออกไปก่อน” แม่ทัพเฉามองไปที่ฝางหวู่ ทำให้ผู้บัญชาการหนุ่มรีบถอยออกไป
“เจ้าบอกว่าต้องการเสนออาวุธใหม่ให้กับข้าหรือ?” ตาของแม่ทัพเฉาจ้องไปที่ถังหลี่
เด็กผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้น่ะหรือจะมีอาวุธใหม่?
แต่คำพูดของนางดูน่าเชื่อถือมาก หากนางทำให้เขาไม่พอใจ ฝางหวู่จะเป็นคนรับผิดชอบเอง
นี่คือสิ่งที่ฝางหวู่กล่าวกับเขา ทำให้ท่านแม่ทัพเฉาเกิดความสนใจในตัวถังหลี่
“ท่านแม่ทัพ ข้ามีอาวุธใหม่ที่จะทำให้ท่านต่อสู้กับศัตรูได้”
ไพ่ตายของถังหลี่คือแบบร่างของธนูและหน้าไม้
สิ่งนี้นางเก็บเอาไว้ก็เป็นความลับ คงจะเป็นการดีกว่าหากถังหลี่มอบมันให้ใครที่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ นางอาศัยอยู่ในแผ่นดินและผืนน้ำของแคว้นนี้นี้
ดังนั้นถังหลี่จึงหวังว่าแผ่นดินและผืนน้ำที่นางอาศัยอยู่นั้นจะปลอดภัยและสงบสุข ปราศจากสงครามที่ทุกข์ทรมาน
แม่ทัพเฉาเจิ้นเป่ยผู้นี้คือคนที่เป็นกำลังพิทักษ์แผ่นดิน หากทหารได้อาวุธที่สามารถช่วยพวกเขาได้ การบาดเจ็บและล้มตายก็จะลดน้อยลง
จูเฉิง…อาจจะอยู่รอดปลอดภัย
ชื่อเสียงของแม่ทัพเฉาไม่ดี เขาบัญชาการกองทัพอย่างเข้มงวดและมีผู้ใต้บังคับบัญชาตายมากเกินไป แต่การล้มตายนั้นมากเกินไป ถังหลี่จำได้ว่าบุคคลนี้ถูกกล่าวถึงในนวนิยายจริง ๆ แต่มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น เขาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้ว่า
“จงรักภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ แต่เป็นคนโหดเหี้ยม และไร้บุตร ไร้ภรรยา”
เนื่องจากความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาของเขา แม่ทัพเฉาจึงควรค่าแก่การไว้วางใจ ดังนั้นการมอบแบบร่างคันธนูและหน้าไม้ให้กับแม่ทัพเฉาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อีกทั้งยังสามารถช่วยชีวิตลุงหลี่ได้
“อาวุธใหม่อสิงใด?” ท่านแม่ทัพเฉาถามด้วยความสงสัย
“หากบอกไม่ได้ว่าคือสิ่งใด? วันนี้เจ้าคงไม่ได้กลับออกไป”
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอยืมพู่กันกับกระดาษได้ไหม” ถังหลี่ถาม
เขาพยักหน้ารับ
ถังหลี่เดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะเริ่มต้นวาดอะไรบางอย่างลงไป ในตอนแรกท่านแม่ทัพไม่ได้สนใจภาพวาดของถังหลี่มากนัก แต่เมื่อภาพค่อย ๆ สมบูรณ์ขึ้นทีละนิด แม่ทัพเฉาก็รู้สึกแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะเดียวกันเลือดในกายของเขาก็เริ่มพลุ่งพล่าน
แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น ถังหลี่กลับหยุดมือ
“ข้าจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้” ถังหลี่พูดขึ้น
แม่ทัพเฉารู้สึกว่าลมหายใจติดขัดอยู่ในอกอย่างทรมาน
“แล้วภาพแบบร่างที่สมบูรณ์เล่า?” แม่ทัพเฉาถาม
“ท่านแม่ทัพ จะให้ข้าพบกับครอบครัวข้าได้หรือไม่?” ถังหลี่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา
คิ้วหนาของแม่ทัพเฉากระตุก สาวน้อยผู้นี้ตั้งใจจับเขาเป็นตัวประกันแล้วยื่นข้อเสนอให้เขาจริงหรือ?
——————-