บทที่ 148 เป็นคนรู้จัก
แม่ทัพเฉามองไปที่แบบร่างอาวุธที่วางอยู่บนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตัวเขาถูกนางจับเป็นตัวประกันเข้าแล้ว
เขาหันกลับไปมองที่ถังหลี่แล้วพยักหน้า
“ตามข้ามา”
แม่ทัพเฉาพาถังหลี่เดินไปยังกระโจมหลังอื่น ภายในกระโจมมีกลิ่นยาคละคลุ้งไปทั่ว เมื่อหญิงสาวเห็นคนทั้งคู่ก็รีบเข้าไปทรุดตัวนั่งข้าง ๆ จูเฉิงที่ตอนนี้ได้สติแล้ว ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นถังหลี่เขาดีใจมาก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นท่านแม่ทัพเฉาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาง จูเฉิงรู้สึกตกใจขึ้นทันที
ในสายตาทหารชั้นผู้น้อยแบบเขา แม่ทัพเจิ้นเป่ยผู้นี้เป็นปีศาจ!
หลังจากที่จูเฉิงถูกเกณฑ์เข้ามาในค่ายทหารชายหนุ่มได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแม่ทัพผู้นี้เป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเหมือนราชาปีศาจดื่มเลือดกินเนื้อมนุษย์ เข่นฆ่าคนเป็นผักปลา!
ถังหลี่เดินเข้าไปหาจูเฉิงก่อนจะตบหลังเขาเบา ๆ ให้เด็กหนุ่มค่อย ๆ สงบลง
“พี่ถังหลี่ ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด?” เสียงของจูเฉิงเบาหวิวราวกับเสียงยุง
ในสถานที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ขนาดตัวเขายังกลัวตาย แต่พี่สาวถังที่จากบ้านมาเล่า…
“ข้ามาหาเจ้า” ถังหลี่กล่าว
“พี่ถัง…ท่าน…” หัวใจของจูเฉิงขมขื่น
“ข้า..เป็นทำให้ทุกคนเดือดร้อนเป็นท่านปู่เป็นเช่นนี้ก็เพราะข้า…” ชายหนุ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้
ถังหลี่เดินเข้าไปข้างหน้าลุงหลี่ ชายชรายังคงนอนไม่ได้สติ ร่างกายของเขาซูบผอม ผิวพรรณยับย่นแห้งผากราวกับเปลือกไม้ ดูน่าเวทนา
“ท่านแม่ทัพ ให้หมอมาดูอาการเขาหน่อยได้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม
“หมอมาดูอาการแล้ว ไม่อย่างนั้นใครจะพันแผลให้เขา?”
“แล้วเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถามต่อ
“เจ้ามีความสัมพันธ์กับเขาอย่างไร?” แม่ทัพเฉาถามอีกฝ่ายขณะที่กวาดตามองไปยังใบหน้าของลุงหลี่
“เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดี” ถังหลี่กล่าว
“หมู่บ้านใด?” แม่ทัพเฉาถาม
“หมู่บ้านลี่เจีย”
“หมู่บ้านลี่เจียอยู่ที่ใด?”
“เมืองเหยาสุ่ย”
“มณฑลชิงเหอ?””
“ใช่”
คิ้วของแม่ทัพเฉาขมวดเป็นปมมากยิ่งขึ้น
งั้นต้องลองดู..
“แล้วเจ้ารู้จักหลี่ฟานหรือไม่?” แม่ทัพเฉาถาม
หลี่ฟาน…
ถังหลี่จำชื่อนี้ไม่ได้เลย
“หลี่ฟาน..” จูเฉิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้
“หลี่ฟาน คือลูกชายของข้าเอง” ในตอนนั้นเองเสียงที่ดูเหนื่อยอ่อนก็ดังขึ้น ลุงหลี่ที่ไม่รู้ว่าได้สติตอนไหนพูดขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
“หลี่ฟานคือลูกชายท่านหรือ!” แม่ทัพเฉาพูดขึ้นมาเสียงดัง ชายหนุ่มมองไปทางลุงหลี่ จนชายชราตกใจกลัว
หลังจากถังหลี่ปลอบโยนชายชราอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเริ่มสงบลงจนสามารถให้คำตอบแก่แม่ทัพเฉาได้ เพื่อป้องกันเรื่องชื่อและสกุลซ้ำกัน แม่ทัพเฉาจึงถามถึงเรื่องเกี่ยวกับลูกชายลุงหลี่อย่างระมัดระวัง
เช่นรอยแผลเป็นบนหน้าผากของเขาที่ไปมีเรื่องมากับใครสักคน หรือความถนัดซ้ายที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ อย่างเช่นหลี่ฟานผู้นี้มีปานแดงขนาดใหญ่อยู่ที่ก้นของเขา
ลุงหลี่พูดเบา ๆ ก่อนดวงตาของชายชราจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แม้ในขณะที่พูดชายชรามักจะพร่ำบอกว่าคน ๆ นี้อกตัญญู เขาไม่ควรมีลูกชายแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ อย่างไรเสียก็เป็นลูกชาย จะไม่ให้คิดถึงได้อย่างไร!
สีหน้าของแม่ทัพเฉาซับซ้อนมาก เขาทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น
พวกเขาคือครอบครัวของพี่ฟานจริง ๆ
แม่ทัพเฉาตามหาพวกเขามาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราว เพราะข้อมูลของพี่ฟานนั้นน้อยจนเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถค้นหาครอบครัวอีกฝ่ายเจอได้ หลังจากที่เขาได้ยินจากพี่ฟานว่าบิดามีไฝสามเม็ดตรงแก้ม ดังนั้นเมื่อเห็นมันบนใบหน้าของลุงหลี่เขาจึงให้ความสนใจ ในตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นบิดาของพี่ฟานจริง ๆ! “หมอ! เรียกหมอมาเร็ว!” แม่ทัพเฉาพูดเสียงดัง ไม่นานหมอทหารก็วิ่งเข้ามาดูอาการลุงหลี่
“นี่เป็นคำสั่งของข้า จ่ายยาที่ดีที่สุดให้เขา!”
หมอทหารตอบรับคำสั่งทันที เขาไปนำโสมมาต้มให้ลุงหลี่ดื่ม หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้วชายชราไม่แน่ใจว่ามันมีผลมากแค่ไหน แต่เมื่อเอาผ้ามาประคบที่ท้องแล้ว ลุงหลี่ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ชายชรามองไปยังแม่ทัพเฉาด้วยความสงสัย
“ท่านแม่ทัพรู้จักลูกชายของข้าหรือ?”
“รู้สิ! ข้ารู้แน่นอน!”
แม่ทัพเฉาตกไปอยู่ในห้วงความทรงจำของตัวเอง ย้อนกลับไปในสมัยที่เขาเพิ่งเข้ามาในกองทัพ เขาอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้น เป็นน้องเล็กคนสุดท้องในค่าย พี่ฟานเป็นทหารที่มีผลงาน มีตำแหน่งถึงระดับกองร้อย ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ดูแลใส่ใจเขาเป็นพิเศษ สอนเรื่องต่าง ๆ ให้มากมาย แม่ทัพเฉาเคยประสบเหตุการณ์เลวร้ายในสงครามหลายครั้ง ก็ได้หลี่ฟานเป็นคนช่วยเอาไว้ เขาเป็นเด็กกำพร้าหลี่ฟานจึงเปรียบเหมือนญาติเพียงคนเดียวของเขา
ลุงหลี่ได้ฟังก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน เขาไม่คาดหวังว่าในชีวิตที่ยากลำบากของเขา จะได้รับข่าวสารของลูกชายที่หายสาบสูญไปนานอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลุงหลี่ถามอย่างกระตือรือร้น
ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนสีหน้าของแม่ทัพเฉาทันที
“พี่ฟาน…เขาจากไปแล้ว…”
แม้บุตรชายของเขาจะหายไปเป็นสิบปี ไม่มีข่าวใด ๆ ผลลัพธ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ลุงหลี่คาดเดาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ก็เหมือนกับโลกทั้งใบของเขาแตกสลาย ชายชราร้องไห้สะอื้นเหมือนเด็ก ๆ
“ท่านปู่ อย่าเศร้าเลย ถนอมร่างกายท่านด้วย” จูเฉิงปีนลงมาจากเตียงของตน เขาเดินไปหาลุงหลี่ปลอบโยนชายชราเบาๆ
ตึง!
ทันใดนั้นแม่ทัพเฉาก็ลงไปคุกเข่าให้ลุงหลี่
ชายชราตกใจมากจนหยุดสะอื้นไห้
แม่ทัพเจิ้นเป่ยที่ทรงพลังและโหดเหี้ยมที่ทุกคนหวั่นเกรง กำลังคุกเข่าให้เขาหรือ!
“ข้านับถือพี่ฟานเหมือนพี่ชายแท้ ๆ ของข้า ครอบครัวของพี่ฟานก็เหมือนกับครอบครัวของข้า พ่อของพี่ฟานก็เหมือนพ่อของข้า ดังนั้นให้ข้าทำหน้าที่กตัญญูบิดามารดาแทนเขาด้วยเถอะขอรับ!” แม่ทัพเฉามีสีหน้าจริงจัง
“เจ้า…ลุกขึ้นเถิด อย่าทำแบบนี้!” ลุงหลี่พูดอย่างรวดเร็ว แม่ทัพเฉายืนขึ้นกล่าวคำปลอบโยนลุงหลี่อีกสองสามคำ ก่อนจะออกจากกระโจมไป
ถังหลี่เองก็ถูกพาออกไปพร้อมกัน นางตกใจมากไม่เคยคิดว่าแม่ทัพเจิ้นเป่ยผู้นี้จะรู้จักกับบิดาของหลันฮวา ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองคนจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน มุมมองของถังหลี่ที่มีต่อแม่ทัพเฉาค่อย ๆ เปลี่ยนไป แม่ทัพผู้ดุร้ายดูใจดีขึ้น เมื่อเขากับนางกลับไปที่กระโจมแม่ทัพชายหนุ่มถามนางเกี่ยวกับครอบครัวสกุลหลี่มากมาย
“ลุงหลี่มีหลานสาวคนหนึ่ง”
“ใช่ พี่ฟานเคยบอกว่ามีบุตรสาว แต่นางเป็นใบ้ เขาบอกว่าถ้าได้กลับจากกองทัพ เขาจะจ้างหมอที่ดีที่สุดไปรักษานาง”
“ลูกสาวเขาชื่อหลันฮวา นางแต่งงานแล้ว และจูเฉิงคือสามีของนาง” ถังหลี่กล่าว
เฉาเช่ารู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อคิดได้ว่าเป็นตัวเขาเองที่พาลูกเขยและบิดาของพี่ฟานเข้ามาในค่ายนี้
“ลูกสาวพี่ฟานอายุสิบหกใช่ไหม?”
“ปีนี้สิบหกพอดี”
“แม่ของพี่ฟาน…”
“แม่ของเขาคือป้าเกา นางสบายดี” ถังหลี่กล่าว
เฉาเช่ามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา
“เจ้าและพี่ฟานเป็นเพียงคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่เจ้าเดินทางมาถึงฉินโจว มาพบข้าในค่ายทหารเพื่อพวกเขา เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่กล้าหาญ รักพวกพ้องและยุติธรรม”
“ข้าไม่สามารถเพิกเฉยได้ หากเป็นสิ่งที่ข้าช่วยได้ข้าจะทำ” ถังหลี่กล่าว
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉาเช่า
เขารู้สึกถูกใจแม่นางน้อยคนนี้!
“แม่ทัพเฉา ในเมื่อท่านกับลุงหลี่เป็นสหายเก่ากัน อย่างไรลุงหลี่กับจูเฉิง…”
ดวงตาของถังหลี่ขยับไปมาสื่อความหมายชัดเจน
“ข้าจะยกเว้นและปล่อยให้พวกเขากลับบ้าน!” เฉาเช่ากล่าว
ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างดีใจ
เยี่ยมมาก! ไม่ว่าเรื่องจะวุ่นวายอลหม่านเพียงใด ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือทุกคนปลอดภัย จูเฉิงจะได้กลับบ้านไปพบกับหลันฮวาอีกครั้ง!
“แม่นางน้อย คันธนูและหน้าไม้นั่น…” เฉาเช่าเข้าประเด็น
ภาพร่างของอาวุธบนกระดาษนั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก หากมีอาวุธชิ้นนี้ มันจะทำให้การต่อสู้นั้นง่ายดาย ชาวซยงหนูเป็นพวกกล้าหาญบ้าบิ่น หากได้อาวุธชิ้นนี้มาทหารของเขาจะไม่ต้องล้มตาย และสามารถเอาชนะพวกซยงหนูได้แน่
“ข้าจะมอบมันให้ท่านแน่นอน” ถังหลี่กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นรีบไป” เฉาเช่าพูดเสียงกระด้าง
ช่างมันเถอะ ท่านแม่ทัพผู้นี้คงสนใจแต่หน้าไม้นี้เท่านั้น ถังหลี่คิดในใจ
“…พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปเอาที่หมู่บ้านมาให้ท่าน”
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย ถือโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวของพี่ฟานด้วยเลย”
***************