จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 371-375

ตอนที่ 371-375

บทที่ 371 : ตบหน้า (3)
  เขายังจำได้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ ๆ อาจารย์ของเขากล่าวเตือนไว้ว่า หากเลือกได้ มีปัญหากับองค์หญิงน้อยยังดีเสียกว่ามีปัญหากับนาง !
  เขายังพอจำได้อย่างคลุมเครือว่าคนผู้นั้นที่อาจารย์พูดถึงแซ่ไป๋
  และอาจารย์ของเขาบังเอิญไปได้ยินมาว่าผู้อาวุโสทั้งสามเรียกคนผู้นั้นว่าแม่นางไป๋
  หากแต่แม้เขาจะรู้ว่าแซ่ไป๋ทั้งอยู่ในเกาะศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเขาก็ไม่อาจคิดเชื่อมโยงกับไป๋หยานในอาณาจักรที่แสนกันดารนี้ได้ ! ภาพลักษณ์ของสองคนนี้แตกต่างกันมากเหลือเกิน พวกนางจะเป็นคนคนเดียวกันได้อย่างไร ?
  ”ยิ่งไปกว่านั้น… ”
  หากไป๋หยานเป็นคนผู้นั้นบนเกาะศักดิ์สิทธิ์เพียงถูกขับออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็นับว่าโชคดีแล้ว หาไม่แล้วเขาคงต้องถูกทรมานจนตาย !
  “พี่ลู่พี่ว่ากระไรนะ ?” ไป๋จื่อเบิกตากว้าง “ผู้ติดตามตัวน้อยของไป๋หยานจะเป็นองค์หญิงน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร พี่ต้องเข้าใจผิด ไป๋หยานมีคุณสมบัติใด องค์หญิงน้อยถึงต้องมาเป็นผู้ดูแลนาง ? ”
  เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
  ทุกผู้คนต่างก็ได้ยินคำพูดของลู่จีเฟิงยามนี้ พวกเขาต่างก็ตกใจอย่างบอกไม่ถูก เช่นเดียวกับไป๋จื่อพวกเขาไม่เชื่อว่าฉู่อีอี้จะเป็นถึงองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
  ทันใดนั้นเอง!
  ถ้อยคำของฉิวชู่หรงก็ตบหน้าไป๋จื่อฉาดใหญ่
  ”องค์หญิงน้อยท่านประมุขฝากคำพูดมากับข้า เพื่อไม่เป็นการสร้างปัญหาให้กับหยานเอ๋อ หากองค์หญิงน้อยสนุกพอแล้ว ก็ให้กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที”
  เขายกยิ้มและถ้อยคำดังกล่าว ก็ดูเหมือนจงใจพูดให้ไป๋จื่อฟัง
  ไป๋จื่อรู้สึกเสมือนเสียงฟ้าร้องแยกร่างของนางออกเป็นชิ้นๆ ร่างของนางเย็นเยียบ นางเซถอยหลังสองสามก้าวกระทั่งชนเข้ากับต้นไม้โบราณ นางยึดลำต้นไม้ไว้อย่างแน่นหนา หัวใจของนางขุ่นเคืองเปี่ยมไปด้วยแรงริษยา
  ไม่…นางไม่มีวันเชื่อ ! ว่าหนึ่งในผู้ติดตามไป๋หยาน จะเป็นถึงองค์หญิงน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปได้ !
  ”พี่ลู่บอกข้าหน่อยเถิดว่า นี่มิใช่เรื่องจริง เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด … ” นางส่ายศีรษะด้วยท่าทีเศร้า ๆ ใบหน้าของนางซีดเผือด “ท่านโกหกข้าใช่หรือไม่ ไป๋หยานจะได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เยี่ยงไร ? ในเมื่อนางทำร้ายตระกูลไป๋ของข้ามากมายถึงเพียงนี้ ”
  ลู่จีเฟิงหลับตาลงอย่างเจ็บปวด”จื่อเอ๋อ ครานี้ข้าเกรงว่า ข้าจะไม่อาจช่วยเจ้าได้แล้ว นางเป็นธิดาของประมุข … ”
  กระทั่งถึงเวลานี้ลู่จีเฟิงก็ยังไม่ตำหนิไป๋จื่อ
  ไป๋จื่อของเขานั้นแสนเรียบง่ายทั้งยังตรงไปตรงมา เขาจะตำหนินางได้อย่างไร แต่ครานี้เป็นเพราะความไร้ประโยชน์ของเขา เขากลับเกรงว่าจะลากนางลงน้ำขุ่นไปด้วย
  เหมือนสายฟ้าฟาด!
  ที่สุดไป๋จื่อก็ไม่สามารถแบกรับได้อีกต่อไปนางค่อย ๆ ทรุดร่างลงบนพื้นดิน ร่างที่บอบบางของนางสั่นสะท้าน ขณะร่ำไห้เงียบ ๆ
  ไป๋หยานเป็นเพียงบุตรสาวของหญิงสารเลวทั้งยังแย่งตำแหน่งภรรยาของนางไป ! ทว่าเหตุใดสวรรค์จึงยังเอ็นดูนางแพศยาผู้นี้อีก ?
  อ๋องคังควรเป็นของนางฉู่อีอี้ก็ควรเป็นผู้ติดตามนาง ทุกอย่างควรต้องเป็นนางสิ !
  นี่เป็นเพราะไป๋หยานแย่งชิงทุกอย่างไปจากนาง!
  ”ฮ่าฮ่า”ไป๋จื่อกำหมัดแน่น นางลุกขึ้นจากพื้น มองไป๋หยานด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว พร้อมกับยิ้มประชดประชัน “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็แค่นี้เอง ยอมให้องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นผู้ติดตามของหญิงประเภทนี้ได้”
  ทุกคนต่างตกตะลึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋จื่อไยนางจึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ?
  ”ไป๋จื่อ!” ลู่จีเฟิงตกใจกลัวกระทั่งหน้าถอดสี
  เขาพยายามกันไป๋จื่อออกจากเรื่องนี้ทว่านางกลับออกมาพูดประโยคนี้ ทำให้เขาต้องรีบวิ่งเข้าไปหาหวังปิดปากนาง
  ”ให้นางพูดต่อ!”
  ใบหน้าของเจิ้งฉีนั้นแลดูเคร่งขรึมขณะมองไป๋จื่ออย่างเยือกเย็น
  ”ท่านผู้อาวุโสจื่อเอ๋อเป็นคนตรงไปตรงมา นาง … ”
  บูม!
  ลู่จีเฟิงพยายามกันไป๋จื่อไว้ทว่ากลับมีสายลมกรรโชกจากฝ่ามือของเจิ้งฉีพัดมากระแทกร่างของเขาทันที
  ***จบบทตบหน้า (3)***

บทที่ 372 : ตบหน้า (4)
  ”พูดต่อไป!” ใบหน้าของเจิ้งฉีไร้อารมณ์ให้ความรู้สึกเย็นชา
  มุมปากของไป๋จื่อยกโค้งนางยิ้มราวคนเสียสติ “ไป๋หยาน มีความผิดใหญ่หลวงสามประการ ประการแรก นางทุบตีบิดามารดาของตนเอง นับเป็นความผิดยิ่งใหญ่ฐานอกตัญญู ! ประการที่สอง นางรังแกน้องสาวของนางเป็นความผิดฐานอยุติธรรม ประการที่สามนางตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ทั้งยังยั่วยวนบุรุษไปทั่ว นับเป็นความผิดฐานสำส่อน ! องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคอยติดตามนางได้เยี่ยงไร ? ประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าสั่งสอนบุตรสาวของเขาอย่างไรกระนั้นรึ ? ”
  ฉู่อีอี้ตกตะลึงนางตะลึงกับแววตาชั่วร้ายของไป๋จื่อ พลันความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
  เป็นท่านพ่อของนางเองที่สั่งให้นางเรียนรู้เรื่องต่างๆ จากไป๋หยาน ก็แล้วเหตุใด ? หรือเป็นไป๋จื่อต้องการจะสอนนางแทนท่านพ่อ ?
  ”อาจารย์ตาทั้งสาม”
  ครั้นบรรยากาศเงียบสงบลงอีกครั้งน้ำเสียงที่นุ่มนวล อ่อนหวาน ก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคู่สายตาหันไปมองเจ้าซาลาเปาน้อย
  ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าเล็กๆ และนัยน์ตากลมโตขึ้นมอง
  ”เมื่อไหร่ท่านจะคืนขนมที่พวกท่านเอาไปจากเฉินเอ๋อครั้งที่แล้วเสียที ?”
  เสียงของเขาทำให้ใบหน้าชราที่กำลังโกรธเกรี้ยวของฉิวชู่หรงผ่อนคลายลงอย่างง่ายดายพลันสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นละอายแทน “เฉินเอ๋อ เด็กน้อยเจ้าไม่ควรงกถึงเพียงนี้เลยนะ ? ต่อไปหากเติบใหญ่ขึ้นผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับเจ้ากัน”
  เขาหลอกเอายาจากเด็กน้อยมาได้หนึ่งขวดทว่าเรื่องก็ผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้ว วันนี้เฉินเอ๋อยังจำได้อีก ซ้ำยังมาทวงเขาในที่สาธารณะ
  ”หม่ามี้บอกเฉินเอ๋อว่าไม่เป็นการยากที่จะยืมของแล้วคืน ท่านบอกเฉินเอ๋อเองว่า ท่านขอยืมขนมเฉินเอ๋อก่อน แล้วจะคืนให้เฉินเอ๋อภายหลัง นี่ก็ผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้ว เมื่อไหร่จะคืนซักที ?
  อาจารย์ตา?
  คำเรียกขานนี้ไม่ต่างจากไม้ซุงหนัก ๆ ตีกระหน่ำหัวใจของทุกผู้คน
  ไป๋จื่อเกือบสิ้นสตินางหยิกฝ่ามืออย่างแรง เพื่อให้สมองของนางตื่น ทว่าร่างกายของนางกลับเสมือนตกอยู่ในห้องน้ำแข็งใต้ดิน มันเย็นยะเยือกกระทั่งฟันของนางกระทบกัน
  ไป๋เสี่ยวเฉินลูกนอกสมรสนั่น เรียกผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ว่าอาจารย์ตา ? ตกลงแล้วพวกเขาเป็นใครกันแน่ ?
  แน่นอนว่าหลังจากที่ตกตะลึงกับคำเรียกขานของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว ผู้คนต่างก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขานับจากนี้ไป
  ชายชราผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาขอยืมขนมของเด็กน้อย ซ้ำยืมมานาน ทั้งยังไม่คืนอีกด้วย นี่ชายชราผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ กระนั้นหรือ ?
  ”เจ้าสาม!”
  ที่สุดเหรินอี้ก็ตอบโต้ด้วยท่าทีโกรธๆ “เจ้ากล้าหลอกเอาขนมของเฉินเอ๋อมางั้นรึ ? เช่นนั้นส่วนที่เป็นของพวกเราล่ะ ? เอาออกมาเดี๋ยวนี้เลย !
  ฉิวชู่หรงทำปากยื่น“เอามาตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน ข้ากินมันวันละเม็ดทุกเช้า จะเหลือได้ยังไง ?”
  เรื่องอะไรเขาจะยอมให้ของดีอย่างยาวิเศษนี่กับคนอื่นเล่า? นอกจากนี้มันยังเป็นยาอายุวัฒนะที่ไป๋หยานเป็นผู้ปรุงเองกับมือ แน่นอนว่ามันมีค่ามากกว่าทองนับพันชั่ง !
  ”แค่กๆ !” เจิ้งฉีกระแอมขึ้น เขาห้ามเหรินอี้ ก่อนจะหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินพร้อมกับยิ้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู “เสี่ยวเฉิน ในเมื่อเจ้าให้อาจารย์ตาสามยืมได้ เหตุใดเจ้าไม่ให้ข้ายืมบ้างล่ะ ? ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ไร้ยางอายเยี่ยงอาจารย์ตาสามหรอก ข้าจะคืนให้แน่ ๆ !
  ยามนี้ท่านผู้เฒ่าทั้งสามดูเหมือนจะลืมจุดประสงค์ในการมาที่นี่ไปเสียสิ้นพวกเขารู้เพียงว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ายาเม็ด
  ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา”ตอนนี้เฉินเอ๋อไม่มีขนมแล้ว หม่ามี้มอบขนมหลายขวดให้กับคนตระกูลหลาน และท่านน้า ๆ จากนั้นหม่ามี้ก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาเตรียมขนมให้เฉินเอ๋อเลย ทำไมท่านไม่ลองขอกับท่านน้าดูล่ะ ว่าท่านน้าจะพอมีปันให้ท่านได้บ้างหรือไม่ ? ”
  ไป๋เซียวยืนงงเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจในความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หยานกับชายชราเหล่านี้ แต่ครั้นเห็นชายชราทั้งสามหันมามองเขาด้วยแววตาละโมบ มุมปากของเขาก็กระตุก
  ”เมื่อครู่ขณะที่ข้าต่อสู้กับหนานกงอี้ข้ากินมันหมดแล้ว … ”
  ***จบบทตบหน้า (4)***

บทที่ 373 : กระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (1)
  **กระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกินสำนวนหมายถึง สาวสวยที่แต่งกับคนที่ไม่คู่ควร
  “อะไรนะ?” เหรินอี้เจ็บปวดหัวใจ เขากล่าวอย่างโกรธแค้นว่า “ไหน คนไหนไอ้สารเลวหนานกงอี้ ? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ ! หากมิใช่เป็นเพราะเจ้า ยาดี ๆ ตั้งมากมายก็คงจะไม่หมด”
  ไป๋เซียวมีสายเลือดเดียวกับไป๋หยานนอกจากนี้ ยาเม็ดนั่นไป๋หยานก็เป็นผู้ปรุง เช่นนั้นชายชราจึงไม่กล้าที่จะตำหนิไป๋เซียว ความโกรธทั้งหมดของเขาจึงถูกรวมลงที่หนานกงอี้
  เพี้ยะ
  ก่อนที่หนานกงอี้จะทันได้ลุกขึ้นชายชราทั้งสามก็รีบเดินเข้าไปหาเขาด้วยความโมโห ชายชราทั้งสามตบหนานกงอี้ ส่งผลให้หนานกงอี้พ่นเลือดออกจากปาก ทั้งฟันหลายซี่ก็หลุดตามมาอีกด้วย
  ”ไม่… ไม่ใช่เพราะข้า” หนานกงอี้รีบร้องออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก “ตอนที่ไป๋เซียวต่อสู้กับข้า เขาไม่ได้กินขนม ข้าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องใดเลย”
  เป็นเพราะไป๋เสี่ยวเฉินเรียกยาว่าขนมหนานกงอี้จึงเข้าใจผิด ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุเกิดจากอาจารย์ตาทั้งสามต้องการหลอกล่อให้เด็กน้อยกินยา เช่นนั้นต่อหน้าเสี่ยวเฉิน พวกเขาจึงพากันเรียกยาว่าขนม ทว่าสำหรับคนนอกย่อมไม่รู้เรื่องนี้
  ครั้นผู้เฒ่าทั้งสามทุบตีหนานกงอี้เพียงเพราะขนมผู้คนทั้งหมดจึงถึงกับตกตะลึง
  ”อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรายังมีบางสิ่งที่ต้องจัดการกับเจ้า” ฉิวชู่หรงโกรธ เขากดร่างของหนานกงอี้ลง จากนั้นก็ทุบตีหนานกงอี้เพื่อระบายความโกรธ ต่อมาเขาก็หันไปทางไป๋จื่อ พร้อมกับยิ้มอย่างโกรธ ๆ “เมื่อครู่นี้เจ้าว่ากระไรนะ ? เจ้ากล้าพูดได้อย่างไรว่าศิษย์รักของข้าไม่ซื่อสัตย์ และไม่ยุติธรรม ? ”
  อึก…!
  ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
  ไป๋หยานเป็นศิษย์ของท่านผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ กระนั้นหรือ ? ไม่ตลกเลยพวกเขาอุตส่าห์ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับไป๋หยาน ก็เพื่อศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
  ไม่ว่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งสักเพียงใดหากแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับศิษย์ของท่านผู้อาวุโส !
  เช่นนั้นเมื่อครู่นี้พวกเขาทำอะไรลงไป
  ชั่วขณะที่ผู้คนต่างรู้สึกสำนึกผิดกันอยู่นั้น หนานกงหยวนกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
  เขาดีใจที่ไทเฮากับหนานกงซุ่นยืนอยู่ข้างเดียวกับไป๋หยานในช่วงเวลาวิกฤตนั่นซึ่งถือเป็นตัวแทนของอาณาจักรหลิวฮั่ว
  ”เป็นนางจริงๆ … ” หัวใจของลู่จีเฟิงแทบหยุดเต้น
  ชาวบ้านธรรมดาๆ ก็แค่รู้ว่าไป๋หยานเป็นศิษย์ของท่านผู้อาวุโสดินแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่รู้ว่า หากนางเป็นคนผู้นั้นจริง ๆ แล้วล่ะก็ ! นับเป็นฝันร้ายกันเลยทีเดียว !
  และเขาก็เป็นผู้ที่ทำให้นางขุ่นเคือง!
  ฉิวชู่หรงไม่ได้มองใครอื่นอีกเขาเชิดคางขึ้น จากนั้นก็หันกลับไปมองไป๋จื่อผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูถูก ทั้งยังกล่าวอย่างเย็นชา
  “เพียงเพื่อยาเม็ดจิตวิญญาณแล้วหยูหรงถึงกับขายศิษย์รักของข้าให้ไปเป็นอนุผู้อื่น ไป๋เฉิงเซียงปฏิบัติต่อศิษย์รักของข้าอย่างลำเอียง หากศิษย์รักของข้าไม่ใช้มันสมองอันปราดเปรื่องหลบหนีออกมาได้แล้วล่ะก็ ข้าคงจะไม่ได้รับศิษย์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ! หากแต่เจ้ากลับบอกว่าศิษย์รักของข้าอกตัญญูงั้นรึ ?”
  หากไป๋หยานไม่ออกจากบ้านสกุลไป๋นางก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่กระทั่งถึงทุกวันนี้ ทั้งไป๋เสี่ยวเฉินก็คงไม่มีโอกาสได้ถือกำเนิดบนโลกนี้อีกด้วย
  บิดาเช่นนี้สมควรต้องกตัญญูงั้นรึ?
  ”สำหรับเจ้าเท่าที่ข้ารู้มาเจ้าและไป๋รั่ววางแผนให้ร้ายศิษย์รักของข้าหลายต่อหลายครั้ง ! ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไป๋หยานเองก็ถูกเจ้าทรมานมากมาย เจ้ายังกล้าพูดว่านางไม่ยุติธรรมอีกหรือ ในเมื่อเจ้าก็ไม่เคยทำดีกับนาง ? ”
  เพราะถ้อยคำของฉิวชู่หรงทำให้หัวใจของไป๋จื่อเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างของนางสั่นเทา ทว่านางก็ไม่อาจกล่าวคำใดออกมาได้ นางทำได้เพียงเม้มริมฝีปากซีด ๆ ของตน
  ลู่จีเฟิงตกตะลึงเขาหันไปมองไป๋จื่อ พลันใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ซีดลง
  หากเป็นผู้อื่นพูดเรื่องเหล่านี้เขาก็จะไม่เชื่อเลย ทว่าฉิวชู่หรงเป็นถึงผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนยิ่งใหญ่เยี่ยงฉิวชู่หรงย่อมไม่มีวันโกหก
  ทุกวันนี้ไป๋จื่อกำลังหลอกเขาอยู่งั้นรึ ?
  ”ประการที่สามศิษย์รักของข้าท้องก่อนแต่งแล้วยังไง ? ถึงแม้ว่านางจะมีลูกแล้ว หากแต่นางก็ยังมีบุรุษที่ยอดเยี่ยมยินดีที่จะคอยตามตื๊อนาง แล้วที่เจ้าบอกว่านางยั่วผู้ชายก็ไร้สาระมาก ! ขนาดท่านประมุขน้อยยังถูกนางปฏิเสธ ก็แล้วคนธรรมดา ๆ มีหรือที่จะเข้าตานาง แล้วนางจะยั่วยวนไปเพื่อ… ?
  ***จบบทกระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (1)***

บทที่ 374 : กระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (2)
  เรื่องที่ฉู่อี้เฟิงชอบไป๋หยานนั้นมิใช่ความลับเพราะเขาตามตื๊อสาวงามไปทั่วทุกที่
  และการที่ไป๋หยานปฏิเสธที่จะรับไมตรีจากเขาผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็รู้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง
  ขนาดฉู่อี้เฟิงเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นนางยังปฏิเสธได้ก็แล้วผู้ชายธรรมดา ๆ ทั่วไปจะมีค่าควรให้นางยั่วยวนงั้นรึ ?
  ครั้นมองใบหน้าชราๆ ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของฉิวชู่หรงแล้ว ไป๋หยานก็เชิดปากขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกว่าการที่ฉู่อี้เฟิงคอยตามตื๊อนางไม่เลิก นั้นเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสามภาคภูมิใจอย่างมาก
  ทว่า…
  ถ้อยคำของฉิวชู่หรงกระแทกเข้ากลางใจของไป๋จื่อใบหน้าของนางซีดเผือดกระทั่งไร้สีเลือด
  ก่อนหน้านี้นางเคยภูมิใจที่สามารถคบหากับศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังส่งเสริมให้บ้านสกุลไป๋พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าได้อย่างภาคภูมิ
  หากแต่ตอนนี้กลับมีคนบอกนางว่าท่านประมุขน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามตื๊อไป๋หยาน ทว่าไป๋หยานกลับปฏิเสธ ?
  จะมีหญิงใดกล้าปฏิเสธบุรุษที่มีเกียรติเช่นนั้นได้?
  ”เจ้าโกหกข้าหากประมุขน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามตื๊อไป๋หยานจริง ๆ นางคงไม่มีวันปฏิเสธ !” ไป๋จื่อพยายามยันร่างขึ้นจากพื้น นางทรงตัวแทบไม่อยู่
  จู่ๆ เสียงเย็นเยือกต่ำ ๆ ก็ดังมาจากที่ไกล ๆ เสียงนั่นทำให้ไป๋จื่อสั่นสะท้านกระทั่งเกือบจะล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
  ”เหตุใดภรรยาของข้าถึงไม่สามารถปฏิเสธผู้อื่นได้ ?”
  มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถอ้างสิทธิในตัวนางอย่างแท้จริง…อ๋องคัง
  ผู้คนดูเหมือนจะลืมความหวาดกลัวเมื่อครู่ไปเสียสิ้นต่างก็หันไปมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลามีเอกลักษณ์ พร้อมที่จะพร่าใจสาวงามทั้งโลก !
  ความงามของชายผู้นั้นไม่ต่างจากซาตานหนุ่มรูปงามนัยน์ตาเรียวคมของเขาหยิ่งผยอง
  “ไยท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ไป๋หยานมองชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหานาง พร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะเอ่ยถาม
  ”มาหาเจ้าไง”
  ตี้คังยิ้ม
  รอยยิ้มนี้ทำให้สรรพสิ่งในโลกซีดเซียวไปหมด
  ท่าทีที่เคยเย่อหยิ่งของเขาเปลี่ยนเป็นเอาอกเอาใจแม้น้ำเสียงจะยังคงความเอาแต่ใจก็ตามที
  ครั้นเห็นรอยยิ้มของตี้คังฉิวชู่หรงก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าเป็นใคร ?”
  ทันทีที่ตี้คังเห็นท่าทีเป็นปฏิปักษ์ของฉิวชู่หรงเขาก็หัวเราะเยาะพลางเลิกคิ้วขึ้น “เป็นผู้ชายของนาง”
  ผู้ชายของนาง!
  คำนี้ทำให้ใบหน้าของฉิวชู่หรงเขียวคล้ำ
  ความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากกะหล่ำปลีที่เขาเพียรปลูกมานานหลายปีถูกหมูขโมยกิน**
  **กระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกินสำนวนหมายถึง สาวสวยที่แต่งกับคนที่ไม่คู่ควร
  ”เจ้าสามใจเย็น ๆ” เหรินอี้รีบสงบอารมณ์ฉิวชู่หรง “อย่าผลีผลาม เรามาวิเคราะห์สถานการณ์กันก่อน หากศิษย์รักของเราถูกบังคับจริง ๆ แล้วล่ะก็ แม้ว่าเราจะต้องสละทุกสิ่ง เราก็จะต้องเอาศิษย์ของเราคืน”
  ศิษย์รักของพวกเขาพวกเขาทะนุถนอมมิให้บอบช้ำ จะปล่อยให้ผู้ใดกลั่นแกล้งนางได้อย่างไร ? นั่นไม่ต่างจากฆ่าพวกเขาทั้งเป็นหรอกหรือ ?
  ”พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการที่จะต่อสู้กับข้าจริง ๆ” ตี้คังเชิดริมฝีปาก ใบหน้าที่งดงามของเขาระบายรอยยิ้มเย็น ๆ นัยน์ตาเรียวคมของเขาจับจ้องผู้เฒ่าทั้งสาม
  ฉิวชู่หรงโกรธจัดเขาปัดมือของเหรินอี้ออก พร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ “พ่อหนุ่ม จงอยู่ห่าง ๆ ศิษย์รักของข้า เจ้ากล้าดียังไงถึงแตะต้องนาง !”
  ตี้คังหรี่ตาลงเล็กน้อยกลิ่นอายเย็นชา และแข็งแกร่งไหลบ่าจากกายของเขา อาภรณ์สีม่วงปลิวสะบัด แรงกดดันหนักหน่วงมาก
  ”ตี้คังท่านอาจารย์ทั้งสาม เพื่อเห็นแก่ข้า หยุดเถอะ !”
  ในขณะที่พวกเขากำลังจะเริ่มต่อสู้นั้นเสียงของไป๋หยานก็ดังขึ้น เสียงของนางราวกับใบดาบสอดแทรกระหว่างพวกเขา ทั้งยังแยกบุรุษทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
  บรรยากาศที่กำลังกดดันพลันสลายไปด้วยถ้อยคำของนาง
  ***จบบทกระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (2)***

บทที่ 375 : กระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (3)
  ”ท่านอาจารย์สาม”ไป๋หยานหันไปหาฉิวชู่หรง “ข้าไม่รู้หรอกว่าฉู่อีอี้เล่าอะไรให้ท่านฟังบ้าง ทว่าข้าไม่มีวันยอมให้ตนเองถูกผู้ใดรังแกหรอก ท่านอย่าได้เป็นห่วงข้าเลย”
  จากนั้นนางก็กราดตาไปมองตี้คังพลางกล่าวว่า”อาจารย์สามคือครูของข้า เป็นครูเพียงหนึ่งวัน ดังเป็นพ่อลูกกันตลอดชีวิต ข้าจะไม่ยอมให้อาจารย์ของข้าได้รับบาดเจ็บใด ๆ ท่านเข้าใจหรือไม่ ?”
  อาจารย์สามเป็นคนอารมณ์ร้อนหากวันนี้นางไม่หยุดเขา บางทีวันหน้าเขาอาจท้าทายตี้คังขึ้นอีก และเขาก็ไม่มีทางที่จะชนะตี้คังได้ !
  “ในเมื่อศิษย์รักพูดเช่นนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปก่อน” ฉิวชู่หรงตะโกน สีหน้าของเขายังคงโกรธขึ้ง
  ลูกศิษย์ของเขานั้นไม่ต่างจากกะหล่ำปลีดีที่ถูกหมูเขมือบแม้ว่าหมูจะแลดูรูปงาม ทั้งทรงพลังอย่างยิ่งในสายตาของฉิวชู่หรง ทว่าศิษย์ของเขานั้นย่อมดีที่สุดเสมอ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบนางได้
  ตี้คังดึงไป๋หยานเข้าสู่อ้อมกอดของตนพร้อมกับยิ้ม “ท่านพ่อตา เมื่อครู่ข้าหยาบคายกับท่านเกินไป ต่อไปข้าจะปฏิบัติต่อหยานเอ๋ออย่างดี ทั้งจะไม่ปล่อยให้นางต้องเป็นทุกข์ หรือประสบกับความไม่พึงพอใจใด ๆ อีก”
  ครั้นได้ยินฉิวชู่หรงก็ตาเบิกโพลงทันที “ไอ้หนุ่ม เจ้าเรียกใครว่าพ่อตา ข้าไม่มีลูกสาว ไหนลูกเขยของข้าอยู่ที่ไหนกัน ? ”
  ”หยานเอ๋ออ้างว่าเป็นครูเพียงหนึ่งวันดังเป็นพ่อลูกกันตลอดชีวิต เช่นนั้นย่อมมิใช่ความผิดของข้า หากจะเรียกท่านว่าพ่อตาไปตลอดชีวิต”
  ”นี่… ที่ว่ามาก็จริง” สมองของฉิวชู่หรงค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย หลังจากนั้นเพียงอึดใจเขาก็รู้สึกตัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “อย่ามาหลอกข้า ข้าไม่เห็นด้วยที่นางจะแต่งให้เจ้า ! นอกจากนี้ขยับมือของเจ้าออกไปไว ๆ อย่าได้แตะต้องลูกศิษย์น้อย ๆ ของข้า”
  ตี้คังยิ้มเขาก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากสีแดงกุหลาบงดงามไร้ที่ติของไป๋หยาน
  ฉิวชู่หรงกระโดดโหยงหากมิใช่เป็นเพราะศิษย์ของเขาห้ามไว้ พวกเขาต้องลงมือสั่งสอนโจรบุปผาไร้มารยาทผู้นี้แน่ !
  *****
  ท่ามกลางฝูงชนไป๋จื่อกำหมัดแน่น นางรู้สึกราวกับถูกมดนับหมื่นตัวกัดกินหัวใจ นางเจ็บปวดกระทั่งแทบทนไม่ไหว
  โดยทั่วไปแล้วอาจารย์ไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดของศิษย์ แต่เหตุใดผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงต้องเชื่อคำไป๋หยาน
  ทว่าสิ่งที่นางยากจะยอมรับก็คือตี้คังเขาภาคภูมิใจในตนเองมาโดยตลอด ก็แล้วเหตุใดเขายังต้องยับยั้งตนเองเพราะคำพูดของไป๋หยาน
  ทันใดนั้นเองตี้คังก็ปล่อยริมฝีปากของไป๋หยานให้เป็นอิสระ เขาไล้นิ้วไปบนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของนาง พร้อมกับแย้มยิ้ม
  ”เหตุใดเจ้าถึงยังไม่แสดงตัวล่ะทั้งที่เจ้าเองก็อยู่ที่นี่”
  ไป๋หยานตกตะลึง
  ขณะที่นางกำลังตกตะลึงอยู่นั้นนางก็พบว่าในความว่างเปล่าไม่ไกลกันนัก ร่างสูง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏ
  บุรุษในอาภรณ์สีขาวราวกับภาพวาดด้วยน้ำหมึกใบหน้าที่ได้รูปงดงามของเขาเปล่งประกาย ท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ เขาดูราวกับเซียนหนุ่ม ผู้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายบนโลกมนุษย์
  ”พี่ชาย!”
  ฉู่อีอี้มีความสุขมากนางรีบส่งเสียงเรียก
  ครั้นนางเรียกออกมาเช่นนั้นสายตาของทุกผู้คนต่างก็หันไปจับตามองชายหนุ่มผู้แลดูโดดเด่นภายใต้ท้องฟ้าสีคราม
  องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เรียกว่าพี่ชายงั้นหรือ? ชายผู้นี้เป็นประมุขน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ ?
  ไป๋จื่อที่แต่เดิมก็อิจฉามากอยู่แล้วนับแต่การปรากฏตัวของตี้คัง ทว่าตอนนี้นางยังได้เห็นประมุขน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอีก เลือดแห่งความริษยาแทบจะพุ่งทะลักออกทางปากของนาง
  หากชายผู้นี้น่าเกลียดนางก็อาจพอทำใจได้บ้าง ทว่าประมุขน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับหล่อเหลาราวเทพบุตร เหตุใดถึงมีแต่ผู้ชายดี ๆ ห้อมล้อมนางแพศยานี่นะ ?
  ”เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่?” ไป๋หยานจ้องหน้าตี้คัง
  ชายผู้นี้ตั้งใจจูบนางก็เพื่อให้ฉู่อี้เฟิงปรากฏตัวใช่หรือไม่?
  ***จบบทกระหล่ำปลีดีถูกหมูขโมยกิน (3)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท