บทที่ 153 ของขวัญปีใหม่
“อย่าใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย ไปซื้อของกันต่อเถอะ” ถังหลี่ยิ้ม
หญิงสาวไปซื้อของในเมืองกับเด็กทั้งสี่คนต่อ พวกเขาเดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้า ไป๋มู่หยางพี่ใหญ่ของนางเปิดกิจการขายเสื้อผ้าในเมืองเหยาสุ่ย และมีแต่เสื้อผ้าสำหรับผู้ใหญ่ ดังนั้นถังหลี่จึงมายังอีกร้านหนึ่งเพื่อซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก ๆ
ถังหลี่เลือกเสื้อคลุมที่ทำมาจากผ้าฝ้ายสองสามตัว ก่อนจะให้เด็ก ๆ ลองสวมทีละคน ต้าเป่าเป็นคนผิวขาวจึงดูดีมากในชุดผ้าสีน้ำเงิน หญิงสาวจึงเลือกซื้อสีนี้ให้เขา ส่วนสวี่เจวี๋ยเป็นเสื้อคลุมสีเหลือง เอ้อร์เป่าเลือกสีดำ และซานเป่าเป็นเสื้อคลุมสีแดง ผิวขาว ๆ ของนางตัดกับสีแดงทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก เมื่อเด็ก ๆ ได้เสื้อคลุมแล้วถังหลี่เลือกรองเท้าคู่น้อย ๆ ให้เด็กทั้งสี่คนเพิ่มอีก
ต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยอยู่ในช่วงที่โตเร็ว ดังนั้นเท้าของพวกเขาจึงขยายเร็วกว่าเด็กคนอื่น ถังหลี่จึงซื้อรองเท้าที่คู่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยให้ บ้านสกุลเว่ยพากันซื้อของมากมาย สุดท้ายถังหลี่เลือกจะให้ทางร้านส่งไปที่บ้านของนางแทนที่จะแบกกลับกันเอง
“ท่านแม่ ท่านซื้อเสื้อใหม่ด้วยสิ” ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง ก่อนจะดึงถังหลี่เข้าไปที่ร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป
“ท่านแม่ เสื้อตัวนี้สวยมากขอรับ ท่านแม่จะลองใส่ดูสักหน่อยไหม” ต้าเป่าชี้ไปที่เสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่
เสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่หรือ หากนางใส่ล่ะก็คงจะได้เป็นฝาแฝดกับต้าเป่าอย่างแน่นอน
ถังหลี่คิดแล้วก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที!
หญิงสาวหยิบเสื้อคลุมตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ หลังจากนางเดินเข้าไป เด็กทั้งสี่คนก็เอาหัวเข้าชนปรึกษาซุบซิบกันทันที
“เถ้าแก่บอกว่าเสื้อของท่านแม่ราคาสามตำลึง ตอนนี้เราเก็บเงินได้เพียงสองตำลึงกับอีกหกร้อยอีแปะ ยังขาดอยู่อีกสี่ร้อยอีแปะ”
“ถ้าเช่นนั้นเราไปบอกเถ้าแก่ว่าขอติดไว้ก่อนได้ไหม”
“พี่ใหญ่ พี่เจวี๋ย น้องเล็ก เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องนี้เอง เชื่อมือข้าเถอะ”
“พี่รองสุดยอดเลย!”
“ตกลง”
ถังหลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เด็กทั้งสี่คนตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้าให้นางหรือ?
ทั้งเอ้อร์เป่าและซานเป่าทำงานที่บ้าน และถังหลี่จะมอบค่าตอบแทนให้พวกเขาเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ถังหลี่คิดว่าซานเป่านำเงินพวกนั้นไปซื้อขนมจนหมด แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเด็ก ๆ จะเก็บออมเอาไว้ ส่วนสวี๋เจวี๋ยและต้าเป่าก็เก็บออมมาจากเงินค่าขนมที่ถังหลี่ให้ไว้ตอนไปเรียนหนังสือ
เหตุใดเด็กพวกนี้ถึงได้น่ารักและกตัญญูถึงเพียงนี้นะ?
ถังหลี่สูดจมูกเบา ๆ… ภาพตรงหน้าพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตา
“ท่านแม่ออกมาแล้ว” เอ้อร์เป่าพูด
ทั้งสี่คนหันศีรษะไปมองถังหลี่พร้อมกัน
“ท่านแม่ งดงามมาก!” ซานเป่าพูด พร้อมกับตบมือเล็ก ๆ ของนาง
เด็กหญิงพูดขึ้นมาจากใจจริง มารดาของซานเป่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมา ยิ่งได้สวมเสื้อคลุมสีแดงแบบนี้ยิ่งขับผิวให้นางดูเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นอีกมาก!
ถังหลี่เลือกชุดนี้ทันที
เอ้อร์เป่าพยายามต่อรองราคากับเถ้าแก่ร้าน ให้เขาลดราคาให้ เหลือเพียงแค่สองตำลึงกับอีกห้าร้อยอีแปะ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ต้องติดหนี้ร้านแถมยังยังเหลือเงินอีกหนึ่งร้อยอีแปะ มาซื้อผ้าคาดเอวให้เว่ยฉิงได้อีกหนึ่งเส้น
หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้เดินทางกลับบ้านกัน
ป้าจ้าวลงมือทำความสะอาดบ้านทั้งด้านในและด้านนอกบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่องมาหลายวันแล้ว ตอนนี้หญิงวัยกลางคนชื่นชอบความรื่นเริงในวันปีใหม่เช่นกัน ก่อนหน้านี้ป้าจ้าวอาศัยอยู่กับบุตรชายและลูกสะใภ้ที่ดูถูกดูแคลนนาง หลังจากที่ป้าจ้าวทำงานทุกอย่างเสร็จ นางต้องหลบซ่อนอยู่แต่ในห้องไม่กล้าโผล่หน้าออกไปให้พวกเขาเห็น
ตอนนี้ป้าจ้าวรู้สึกเหมือนว่านางได้อยู่บ้าน นางพึงพอใจที่เห็นบ้านช่องสะอาดเรียบร้อย รวมไปถึงภาพที่เด็กทั้งสี่วิ่งเล่นหยอกล้อกันก็ทำให้หัวใจนางพองโต
ป้าจ้าวเหมือนได้มีครอบครัวที่อบอุ่นจริง
……
วันถัดมา
ช่วงปีใหม่นี้เป็นวันหยุดของเว่ยฉิงเช่นเดียวกัน
ทั้งถังหลี่และเด็ก ๆ ได้หยุดอยู่บ้านอย่างพร้อมเพรียงกัน
เหลยหมิงและเหลยเป้ามองหัวหน้าตัวเองด้วยความอิจฉา คนโสดเช่นพวกเขาคงทำได้แค่กอดลมหนาวเท่านั้น
เหลยหมิงเห็นท่าทางที่เศร้าสร้อยน่าสงสารของน้องชายจึงพูดว่า
“น้องชายเจ้ายังมีข้าอยู่นะ”
เหลยเป้าเหลือบมองพี่ชายตนเองด้วยความรังเกียจ “ไปให้พ้น!”
เขาต้องการหญิงสาวที่บอบบางและอ่อนโยน ไม่ใช่พี่ชายที่บึกบึนดุร้ายเหมือนกับเขา
เว่ยฉิงไม่สนใจลูกน้องทั้งสองคน ชายหนุ่มเดินออกจากจวนสกุลเซี่ยอย่างมีความสุข
“หัวหน้าเว่ย!”
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นตามหลังทำให้เว่ยฉิงชะงัก เมื่อชายหนุ่มเห็นผู้ที่ร้องเรียก เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เป็นสาวใช้ที่ชื่อตงเสวี่ยของเซี่ยฟางเฟยที่ได้วิ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นซองอั่งเปาให้เวยฉิง
“หัวหน้าเว่ย นี่เป็นของขวัญปีใหม่ที่คุณหนูข้ามอบให้ท่านขอให้เจ้ามีความสุขในวันปีใหม่ ซองนี้คุณหนูของข้าตั้งใจทำให้ท่านจนอดหลับอดนอนถึงหลายคืนทีเดียว ตอนนี้ตาแดงก่ำเลย ถ้าเจ้าเห็นล่ะก็ต้องเป็นห่วงนางมากเป็นแน่” ตงเสวี่ยกล่าว
เว่ยฉิงไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก การที่ดวงตาของเซี่ยฟางเฟยแดงก่ำเป็นเรื่องที่เขาต้องเป็นห่วงเป็นใยด้วยหรือ?
“หัวหน้าเว่ย”
“แม่นางตงเสวี่ย ข้าไม่สามารถรับความหวังดีของคุณหนูเซี่ยได้ ข้ามีภรรยาและลูกรออยู่ที่บ้าน ข้ากับภรรยานั้นรักใคร่กันดี เจ้าช่วยนำความตั้งใจของคุณหนูเซี่ยไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่ข้าเถิด” หลังจากพูดจบ เขาก็เดินจากไปทันที
ตงเสวี่ยได้แต่ถือซองเอาไว้อย่างตกตะลึง นางวิ่งกลับไปหาคุณหนูพร้อมทั้งถ่ายทอดคำพูดของเว่ยฉิงทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง
“คุณหนู แม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าหาเว่ยฉิงได้ แต่คำที่เขากล่าวมาก็มีส่วนถูกต้อง เขาไม่มีค่าคู่ควรกับคุณหนูเลย สนใจบุรุษคนอื่นจะดีกว่าหรือไม่ เจ้าคะ?” ตงเสวี่ยแนะนำ
ดวงตาของเซี่ยฟางเฟยหรี่ลง
ยิ่งเว่ยฉิงปฏิเสธนางมากเท่าไร จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางก็ยิ่งลุกโชนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้ว เซี่ยฟางเฟยไม่ได้ต้องการเอาชนะผู้ชายคนนี้เท่านั้น แต่นางยังอยากเอาชนะถังหลี่ด้วย หญิงสาวรู้สึกเกลียดถังหลี่มาก หญิงบ้านนอกผู้นี้ทั้งดูถูกดูหมิ่นนางมาหลายครั้งแล้ว
เซี่ยฟางเฟยจะต้องจับเว่ยฉิงสามีของถังหลี่ มาคุกเข่าที่ใต้กระโปรงของนางให้จงได้ นางจะทำให้หญิงบ้านนอกอวดดีผู้นั้นถึงกับร้องไห้โฮออกมาเลยทีเดียว!
“ข้าไม่ยอม! ไม่มีใครสามารถปฏิเสธข้าได้!” เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างหนักแน่น
ไม่เคยมีใครหนีรอดจากอุ้งมือของนางได้ ไม่ว่าจะในชาติก่อน หรือตอนที่นางทะลุมิติมา! แม้แต่บุรุษที่ทุ่มเทและรักภรรยามากแค่ไหน สุดท้ายก็ทิ้งภรรยาและลูก ๆ มามัวเมากับเสน่ห์ของนาง พวกนั้นถึงกับคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องไม่ให้เซี่ยฟางเฟยเดินหนีไป!
แน่นอนว่านางไม่คิดสงสารภรรยาและลูก ๆ ของผู้ชายเหล่านั้นเลยสักนิด เป็นเพราะพวกนางไร้ความสามารถเองมากกว่า แม้แต่สามีของตนก็รักษาไว้ไม่ได้!
เซี่ยฟางเฟยอารมณ์เสียกับเรื่องของเว่ยฉิงมาก นางจึงแต่งตัวเดินออกไปจากจวนตระกูลเซี่ยทันที
เซี่ยฟางเฟยออกมาจากจวนพร้อมตงเสวี่ย ตอนนี้พวกนางใส่เสื้อผ้าของบุรุษ จากนั้นก็ตรงไปที่เหลาสุราเพื่อดื่มกินกับพวกผู้ชาย
ทันทีที่คุณหนูเซี่ยเดินเข้าไปในร้าน สายตาทุกคู่ก็พากันจับจ้องมองนาง พวกเขาไม่สามารถละสายตาจากนางได้ ทว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจเลย ผิดกับตงเสวี่ยนางจ้องไปยังผู้ชายเหล่านั้นอย่างดุเดือด
“มองอะไร! อยากโดนควักลูกตาหรือ!”
“ข้าแค่อยากทำความรู้จักกับคุณชายของเจ้า” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตาก็ตี่จมูกก็โต ขี้เหร่ขนาดนี้…คุณชายของข้าคงไม่อยากรู้จักเจ้าหรอก!”
เซี่ยฟางเฟยเอาพัดตีไปที่แขนของตงเสวี่ย เพื่อให้นางหยุดพูด ก่อนจะมองไปที่ชายคนนั้น
“เหตุใดถึงอยากรู้จักข้าเล่า?”
ผู้ชายคนนั้นนั่งลงตรงข้ามกับเซี่ยฟางเฟย เขายื่นมือแบออกมา มีผ้าเช็ดหน้าอยู่บนฝ่ามือของเขา
“ผ้าเช็ดหน้าข้า! เจ้าขโมยไปหรือ!” ตงเสวี่ยร้อง
“อย่าสร้างปัญหา” เซี่ยฟางเฟยเหลือบมองสาวใช้
หญิงสาวพูดคุยกับชายคนนั้น ทั้งสองกินดื่มร่วมกันอย่างสรวลเสเฮฮา
เมื่อออกจากร้านสุรา ตงเสวี่ยไม่ค่อยจะเข้าใจนายสาวของนางมากนัก นางจึงเอ่ยปากถามตรง ๆ
“คุณหนู ผู้ชายคนนั้นเป็นพวกโจร เหตุใดท่านถึงได้คบเขาเป็นสหายเล่าเจ้าคะ?”
“ครั้งหนึ่งมีโจรสองคนที่เก่งกาจมีความสามารถ พวกเขาต้องการจะเข้าไปกินอาหารในร้านใหญ่โตแห่งหนึ่ง หากแต่ไม่มีใครยอมให้เขาเข้าไป นายท่านเมิ่งฉางกลับยินยอมให้เขาร่วมโต๊ะกินดื่มด้วย เป็นที่แปลกใจแก่ผู้ที่พบเห็น ต่อมานายท่านเมิ่งฉางผู้นี้ได้ถูกจับตัวไป เขาได้รับความช่วยเหลือจากโจรสองคนนี้จึงได้มีมีชีวิตรอดกลับมาได้
“คุณหนู…ท่านรอบรู้มากเลยเจ้าค่ะ… แต่…ข้าไม่เข้าใจ คุณหนูหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?
ตงเสวี่ยรู้สึกว่าคุณหนูของนางมีความรู้กว้างขวาง แต่ตัวนางนั้นยังไม่สามารถเข้าใจได้
“การคบหาสหายที่หลากหลาย…บางครั้งก็อาจมีประโยชน์กับเราได้สักวันหนึ่ง”
“แต่เขาเป็นโจร นิสัยไม่ดี! คุณหนูจะเป็นสหายกับเขาได้อย่างไร ท่านจะถูกเขาหลอกนะเจ้าคะ” ตงเสวี่ยยังไม่หายแคลงใจ
เซี่ยฟางเฟยกลอกสายตา นางพูดไม่ออกเอาเลย
นางจะถูกหลอกได้อย่างไร?
มีแต่นางจะหลอกคนอื่นนะสิ!
——————————