เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 155 คุณหนูเซี่ยโดนลักพาตัว

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 155 คุณหนูเซี่ยโดนลักพาตัว

เดิมทีหลังเทศกาลปีใหม่ เว่ยฉิงวางแผนว่าจะอยู่บ้านกับภรรยาอีกสองสามวัน แต่ว่าคุณหนูเซี่ยโดนดักปล้นระหว่างการเดินทางกลับเมืองซ่างจริง ตอนนี้นายท่านเซี่ยวิตกกังวลจนแทบขาดใจ หลานสาวมาอาศัยอยู่กับเขา ตอนนี้โดนพวกโจรลักพาตัวไป เขาจะมีหน้าไปพบน้องชายได้อย่างไร!?

ในฐานะที่เว่ยฉิงเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันของจวนสกุลเซี่ย นั่นคือภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่หนักอึ้งในการตามหาคุณหนูเซี่ยให้เจอ ดังนั้นเว่ยฉิงถูกเรียกตัวไปหานายท่านเซี่ยทันที

“อาฉิง ช่วยข้าด้วยเถิด หลานสาวข้าเป็นคนหัวอ่อน นางถูกคนในครอบครัวถนอมราวกับไข่มุกบนฝ่ามือ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าฟางเฟยจะหวาดกลัวแค่ไหน”

ยิ่งนายท่านเซี่ยวิตกเรื่องนี้มากเท่าใด ความเป็นห่วงก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลานสาวของเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

เว่ยฉิงนั้นทำงานที่จวนสกุลเซี่ยมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว นายท่านเซี่ยก็ดีต่อเขามาตลอด ดังนั้นภารกิจนี้ของเขา ต้องทำให้ดีที่สุด

“นายท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะพาคุณหนูกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” เว่ยฉิงพยักหน้า

นายท่านเซี่ยไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับทางการเพราะกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงหลานสาวของเขา สู้ให้คนของเขาแอบตามหานางเงียบ ๆ แล้วแสร้งว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มาก่อนจะดีที่สุด

“อาฉิงทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

เว่ยฉิงพยักหน้าและเดินหันหลังจากไป ก่อนจะออกจากจวนเซี่ยไปพร้อมกับผู้คุ้มกันหลายคนและตงเสวี่ยสาวใช้ของคุณหนูเซี่ยที่กลับมาพร้อมจดหมาย กลุ่มคนสกุลเซี่ยเร่งไปยังสถานที่ที่เซี่ยฟางเฟยถูกลักพาตัวเมื่อวานนี้

ที่เกิดเหตุเป็นถนนที่กว้างมาก ตามคำบอกกล่าวของตงเสวี่ยเล่าว่า คุณหนูเซี่ยเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้หยุดพักที่นี่ หญิงสาวอยากจิบน้ำและพักสักนิดตงเสวี่ยเป็นคนไปกับนาง ต่อมามีกลุ่มโจรบุกมาและลักพาตัวเซี่ยฟางเฟยไป

“แม่นางเซี่ยถูกลักพาตัวที่นี่หรือ?” เว่ยฉิงถาม

“ใช่แล้วที่นี่แหละ โจรพวกนั้นต่ำช้ามาก คุณหนูกับข้ากลัวแทบตาย หัวหน้าเว่ยเจ้าต้องช่วยคุณหนูของเรานะ!” ตงเสวี่ยพูดและเริ่มร้องไห้

“พวกมันมากี่คน?” เว่ยฉิงถาม

“สาม…ห้า….” ตงเสวี่ยพึมพำ

“กี่คน?” เว่ยฉิงเริ่มใจร้อน

“ห้า…ห้าคน!” ตงเสวี่ยพูดอย่างหนักแน่น

“พวกมันมีลักษณะอย่างไร?”

“พวกมันห้าคนรูปร่างสูงมากแล้วก็ดูดุร้าย มันถือดาบใหญ่มาก! ฮืออ พวกเขาจะทำอะไรกับคุณหนูหรือ!? คุณหนูผู้น่าสงสารของข้า!”

เมื่อเว่ยฉิงถามอีกครั้งตงเสวี่ยก็เริ่มร้องไห้ออกมา ทำให้ถามต่อไม่ได้ ชายหนุ่มเลิกสนใจนาง เขาเปลี่ยนเป็นเดินไปรอบ ๆ พบร่องรอยกิ่งไม้หักระหว่างทาง เว่ยฉิงและผู้คุ้มกันเจ็ดถึงเเปดคนจากจวนตระกูลเซี่ยเดินตามร่องรอยนี้ไป

หลังจากนั้นไม่นานนักอยู่ ๆ เบาะแสก็หายไปราวกับแมลงวันหัวขาด

“หัวหน้าเว่ย กระจายกันออกตามหาคุณหนูดีหรือไม่?” ตงเสวี่ยกล่าว

เว่ยฉิงมองไปรอบ ๆ ข้างหน้าเป็นทางแยกหลายทาง การกระจายตัวออกกันค้นหาย่อมเร็วกว่าจริง ๆ

“เหลยหมิงเจ้าพาสองคนนี้ไปด้านนั้น เหลยเป้าเจ้าพาคนไปอีกทาง ส่วนคนที่เหลือไปกับข้าด้านหน้า หากพบเจออะไรส่งพลุสัญญานได้เลย” เว่ยฉิงกล่าว และมอบหมายให้เหลยหมิง เหลยเป้าเป็นผู้นำค้นหา

เว่ยฉิงเดินไปด้านหน้าโดยมีตงเสวี่ยเดินตามไม่ทาง ชายหนุ่มมองไปที่นางและส่ายหัวเบาๆ

“เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปตามหาคุณหนูของเจ้าเอง”

“หัวหน้าเว่ยขอข้าไปด้วยเถิด ข้าเป็นห่วงคุณหนูมากไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ข้าอยู่รับใช้คุณหนูมาหลายปีแล้ว ข้าอาจจะจับสังเกตได้ง่ายกว่า ได้โปรดเถิด” ตงเสวี่ยอ้อนวอน

เว่ยฉิงปล่อยให้นางมาด้วย ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว โดยมีสาวใช้วิ่งตามไม่ห่าง เขาใช้ไม้เท้าเพื่อการทรงตัวในขณะเดิน ถนนบนภูเขาเส้นนี้สัญจรลำบากแต่สำหรับเว่ยฉิงแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย

ตงเสวี่ยได้รับการช่วยเหลือจากผู้คุ้มกันที่ไปด้วยกัน

หลังจากเดินหลายชั่วยามพวกเขาก็ไม่เจอร่องรอยอะไรเลย

“หัวหน้าเว่ย ดูนี่สิ!” ตงเสวี่ยตะโกนขึ้น

เว่ยฉิงหยุดเดินก่อนจะหันไปหาตงเสวี่ย นางถือลูกปัดสีดำที่เลอะโคลนอยู่ และเมื่อเช็ดโคลนออกก็พบว่ามันคือไข่มุก

“นี่เป็นไข่มุกที่อยู่บนสร้อยข้อมือของคุณหนู!” ตงเสวี่ยพูดอย่างตื่นเต้น

ไข่มุกเม็ดนี้ไม่ใหญ่มาก หากตกอยู่บนพื้นถ้าไม่สังเกตย่อมไม่มีทางเห็นได้

“ให้ข้าไปกับเจ้านะ บางทีข้าอาจจะเจอเบาะแสอย่างอื่นที่คุณหนูทิ้งไว้ก็ได้!” ตงเสวี่ยอาสา เว่ยฉิงจึงปล่อยให้นางเดินนำหน้าไป

หลังจากที่เดินไปได้อีกสักพัก ตงเสวี่ยก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“เชือกสีแดงอันนี้ของคุณหนู! ปีที่แล้วคุณหนูไปไหว้พระขอพรแล้วได้มา เรามาถูกทางแล้ว!”

ตงเสวี่ยเก็บเชือกสีแดงอย่างตื่นเต้น

ผู้คุ้มกันคนอื่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนแรกพวกเขาตามหาสะเปะสะปะเหมือนแมลงวันไร้หัว ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้นับว่าคุณหนูเซี่ยค่อนข้างฉลาดที่ทิ้งร่องรอยไว้ให้คนตามหาจนเจอ

สาวใช้เดินต่อไปด้านหน้า บางทีนี่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์ฉันท์นายบ่าวก็เป็นได้ หญิงสาวจึงได้ค้นพบเบาะแสของเจ้านายตัวเองได้ แต่เมื่อเดินไปไม่นานตงเสวี่ยก็หยุดฝีเท้าลง

“เหตุใดมันแยกเป็นสองทาง… พวกเจ้าสองคนไปด้านขวา แล้วข้ากับหัวหน้าเว่ยไปด้านซ้ายเถอะ” ตงเสวี่ยแนะนำ

ผู้คุ้มกันทั้งสองคนมองไปทางเว่ยฉิงทันที เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขากำลังรอหัวหน้าตัดสินใจ เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า พวกเขาก็แยกกันเดินตามคำแนะนำของสาวใช้

ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ทั้งเว่ยฉิงและตงเสวี่ยก็ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย!”

ตงเสวี่ยรีบวิ่งไปตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ได้ยินทันที เบื้องหน้าพวกเขาเป็นกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ ยิ่งเข้าไปใกล้เสียงร้องก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น

“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!” มันคือเสียงของเซี่ยฟางเฟย

เว่ยฉิงจุดพลุสัญญานขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนจะเข้าไปที่กระท่อมไม้อย่างรวดเร็ว

“คุณหนูเซี่ย?” เว่ยฉิงลองเรียก

“พี่เว่ย พี่เว่ย นั่นท่านหรือ? ช่วยข้าด้วยพี่เว่ย!” เสียงตื่นตระหนกของเซี่ยฟางเฟยดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจเตะประตูก่อนที่เขาจะได้กลิ่นประหลาดบางอย่าง ชายหนุ่มหยุดฝีเท้ากระทันหัน เมื่อหันกลับไปก็ไม่พบตงเสวี่ยแล้ว

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“ตงเสวี่ย!” เว่ยฉิงตะโกน

ทว่าหลังจากเรียกหลายครั้งก็ยังไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา

อันที่จริงแล้วตงเสวี่ยหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเว่ยฉิง

ตอนนี้คุณหนูกำลังร้องให้เขาช่วย เหตุใดเว่ยฉิงจึงไม่รีบไปช่วยนางนะ?

ความจริงแล้วการที่คุณหนูเซี่ยโดนโจรลักพาตัวทั้งหมดมันคือแผนการของนางเอง เซี่ยฟางเฟยเจรจากับชายแปลกหน้า จัดฉากว่านางโดนลักพาตัวมา จากนั้นก็ให้เว่ยฉิงมาช่วยนาง โดยที่เซี่ยฟางเฟยจะแกล้งเจ็บเท้าเพื่อให้ชายหนุ่มได้ดูแลนาง ชายและหญิงอยู่กันสองต่อสอง ก็ง่ายที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และในตอนนั้นเองเซี่ยฟางเฟยก็จะจับเว่ยฉิงได้อยู่หมัด

ตงเสวี่ยกังวลกับแผนการนี้มาก ทว่าคุณหนูของนางบอกว่าถึงนางจะเป็นเพียงสตรีก็จะพยายามต่อสู้เพื่อคนที่นางหมายปองให้ได้

เมื่อคิดดูจากคำพูดที่เซี่ยฟางเฟยกล่าวแล้ว ตงเสวี่ยก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล คุณหนูของนางทั้งกล้าหาญทั้งมีความคิดที่ผิดแผกไปจากหญิงอื่น แม้แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้

แต่เว่ยฉิงไม่ได้เข้าไปช่วยคุณหนูเซี่ย!

“ตงเสวี่ย!” เว่ยฉิงตะโกน

ตงเสวี่ยออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ พร้อมกับไม้ท่อนหนึ่งค้ำยันตัวไว้

“หัวหน้าเว่ย ข้อเท้าข้าแพลง เจ้าไปช่วยคุณหนูเถอะ”

ตงเสวี่ยพยุงตัวเองเดินไปที่หน้ากระท่อม ตอนนี้เสียงร้องของเซี่ยฟางเฟยดังไปทั่ว

“คุณหนู! หัวหน้าเว่ย รีบไปช่วยนางเร็ว!”

แต่ใครจะรู้ในขณะที่เว่ยฉิงตะลึงงั้นอยู่ ผู้คุ้มกันสองคนจากจวนเซี่ยก็มาถึง เว่ยฉิงเตะประตูเพื่อเปิดออก แต่ทว่าหลังจากที่เขาเปิดประตูแล้ว ชายหนุ่มหันหลังกลับทันที

“ตงเสวี่ย เจ้าเข้าไปเถอะ”

ตงเสวี่ยมองไปที่แผ่นหลังของเว่ยฉิงที่ยืนนิ่ง นางกำลังจะสำลักความโกรธตาย โอกาสอยู่ต่อหน้าแท้ ๆ คนผู้นี้เป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญาหรือไร!

—————

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท