บทที่ 156 โจรลักพาตัว
ตงเสวี่ยเข้าไปในกระท่อมหลังนั้น ก่อนนางจะตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ภายในกระท่อมมีกลิ่นประหลาดล่องลอยในอากาศ เซี่ยฟางเฟยนั่งขดตัวเปลือยกายอยู่บนพื้น บนร่างกายมีแต่รอยช้ำสีม่วง นางร้องไห้สะอื้นเสียงดัง
“คุณหนู! เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ!” ตงเสวี่ยถามด้วยความตกใจ
เซี่ยฟางเฟยร้องไห้อย่างหนัก นางไม่รู้ว่าเหตุทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้! ก่อนหน้านี้คุณหนูเซี่ยเคยเจอกับบุรุษผู้หนึ่งในเหลาสุรา พวกเขาทั้งสองคนเข้ากันได้ดี นางครุ่นคิดอยู่สองสามวันก่อนจะพบวิธีที่จะได้สมหวังกับเว่ยฉิง หญิงสาวต้องการคนที่จะมาช่วยนางในแผนการนี้ บุรุษผู้นั้นตอบตกลงข้อเสนอของฟางเฟยอย่างง่ายดาย แถมยังปฏิเสธที่จะรับค่าจ้างจากนาง ทำให้ความเชื่อใจที่หญิงสาวมีต่อเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
ทุกอย่างดำเนินเป็นไปตามแผน หลังจากที่ชายคนนั้น ‘ลักพาตัว’ เซี่ยฟางเฟยมาได้ เขาก็พานางมายังกระท่อมแห่งนี้ แต่แล้วความไร้เดียงสาของเซี่ยฟางเฟยก็ถูกชายผู้นั้นฉกชิงไป! หญิงสาวกลัวว่าเขาจะฆ่านางปิดปาก จึงทำได้เพียงโอนอ่อนยอมตามใจเขา
ทว่าชายอ้วนคนนั้นกลับทำร้ายนางพร้อมทั้งกวาดของมีค่าทั้งหมดของนางไป! คุณหนูเซี่ยทั้งหวาดกลัวสั่นผวาทั้งคืน
นางไม่คิดว่ามันจะลงเอยเช่นนี้!
ครั้งแรกของนาง! เซี่ยฟางเฟยเสียมันให้กับไอ้หมูตอนน่าขยะแขยง!
เมื่อมองไปที่ตงเสวี่ยจิตใจของหญิงสาวค่อย ๆ สงบลงอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่นางเป็นสตรียุคใหม่ เซี่ยฟางเฟยไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนสตรีในยุคโบราณ ไม่มีทางที่นางจะโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์เพียงเพราะความบริสุทธิ์ของนางถูกหมาแย่งไป!
เซี่ยฟางเฟยคิดแต่เพียงว่าในเมื่อนางได้สูญเสียความบริสุทธ์ไปแล้ว ทำอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้มากที่สุด
“ถอดเสื้อของเจ้ามาให้ข้าซะ!” เซี่ยฟางเฟยสั่ง
ตงเสวี่ยรีบถอดเสื้อคลุมของนางออก
“เอามานี้!”
“คุณหนูอย่าเอาชุดข้างในข้าไป!” ตงเสวี่ยพยายามดิ้นรน
“เจ้าสวมแค่เสื้อคลุมก็พอแล้ว เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ไม่มีใครมาสนใจเจ้าหรอก แต่ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้าเป็นคุณหนูของจวนตระกูลเซี่ยนะ!” น้ำเสียงของนางแข็งกร้าวฟังแล้วกระด้างหู
ตงเสวี่ยถอดเสื้อผ้าของนางออกอย่างรวดเร็วและสวมมันให้กับเซี่ยฟางเฟย ในขณะที่นางกำลังแต่งตัว ตงเสวี่ยก็พูดขึ้นว่า
“หัวหน้าเว่ย เจ้าเข้ามาช่วยคุณหนูได้หรือไม่?”
ไม่เพียงเว่ยฉิงเท่านั้นที่เดินเข้ามา คนคุ้มกันอีกสองคนก็เดินตามเข้ามาด้วยเช่นกัน สายตาของเว่ยฉิงกวาดมองไปรอบ ๆ ร่างกายของฟางเฟย ก่อนจะไปหยุดที่ตงเสวี่ย นางตัวสั่นด้วยความหนาว ชายหนุ่มละสายตาจากนางไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตนเองออกและมอบให้นาง
เซี่ยฟางเฟยรับมันไปอย่างเขินอาย ก่อนจะคลุมมันลงบนร่างของนาง
“ขอบคุณพี่เว่ย”
เว่ยฉิง : “….”
ผู้คุ้มกันคนอื่นไม่กล้ามอง เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกและยื่นให้กับตงเสวี่ย นางรีบรับมันไปห่อตัวไว้ จนร่างกายรู้สึกอบอุ่นขึ้น
“พี่เว่ย ข้ากลัวมากเลย ไอ้โจรนั่นมันน่ากลัวมาก!” เซี่ยฟางเฟยร้องไห้และรีบวิ่งไปหาเว่ยฉิง
เว่ยฉิงเบี่ยงตัวหลบทำให้คุณหนูเซี่ยถลาไปพิงขอบประตูกระท่อม ใบหน้าของหญิงสาวเป็นสีแดงก่ำ นางมองไปที่เว่ยฉิงอย่างเศร้าสร้อย
“คุณหนูเซี่ย เดินไหวหรือไม่?” เว่ยฉิงถามอย่างเย็นยา
“ข้อเท้าข้าแพลง ข้าพยายามจะหนีแต่ถูกมันจับได้” เซี่ยฟางเฟยส่ายหัว
ในขณะที่พูดหญิงสาวส่งเสียงสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร
“พวกเจ้า มาช่วยคุณหนูกับตงเสวี่ยลงจากเขา” หลังจากพูดจบเว่ยฉิงก็เดินหันหลังออกไป
คุณหนูเซี่ยจ้องไปที่แผ่นหลังของเว่ยฉิงอย่างไม่พอใจมาก เหตุใดเว่ยฉิงจึงไม่ใยดีนางเลย หนำซ้ำยังโยนนางให้คนอื่น?
แต่ว่าตอนนี้เซี่ยฟางเฟยบาดเจ็บไม่สามารถเดินเหินเองได้ ดังนั้นจึงต้องยอมให้ผู้คุ้มกันช่วยนางลงจากเขา หลังจากการหาคุณหนูเซี่ยแทบพลิกแผ่นดิน พวกเขาจึงกลับไปยังจวนสกุลเซี่ย
ที่หน้าประตู นายท่านเซี่ยกำลังยืนรอพวกเขาอยู่ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อเห็นเซี่ยฟางเฟยลงจากรถม้า นายท่านเซี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกว่าวิญญาณที่หลุดออกไปได้กลับเข้าร่างแล้ว
ทันทีที่นางลงจากรถม้า หญิงสาวโผเข้าหาลุงของตนเองทันที นางสะอื้นและพูดจาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“หลานสาวที่น่าสงสารของข้า เหตุใดเจ้าจึงโชคร้ายเช่นนี้ ดีแล้วที่เจ้ากลับมา” นายท่านเซี่ยพูดด้วยความหวั่นใจ
“ท่านลุง ข้าคิดถึงท่านลุงมาก ฮือออ”
“ไม่ต้องกลัว ๆ เจ้ากลับมาแล้ว ทุกอย่างจบแล้วนะ” นายท่านเซี่ยตบหลังฟางเฟยและปลอบโยนนนางเบา ๆ
เมื่อเซี่ยฟางเฟยหยุดร้องไห้ ลุงและหลานสาวก็พากันเดินเข้าจวนไปพร้อมกัน
“ท่านลุงต้องขอบคุณพี่เว่ย หาเขาไม่มาช่วยข้าคงไม่ได้เจอท่านลุงแล้ว” เซี่ยฟางเฟยพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ฟางเฟยพวกคนชั่วนั่นทำอะไรเจ้าหรือเปล่า?” นายท่านเซี่ยถามด้วยความกังวล
“ไม่ได้ทำ แต่…” เซี่ยฟางเฟยส่ายหัว หญิงสาวกล่าวพร้อมกับกำเสื้อคลุมของนางแน่น สีหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความเขินอาย
“มีอะไรหรือ?” นายท่านเซี่ยรีบถาม
“เสื้อผ้าของข้าเปียก ข้าไม่ได้ใส่อะไรสักชิ้นแล้วพี่เว่ยก็ผลักประตูเข้ามา…”
เซี่ยฟางเฟยกล่าว ใบหน้าของนางยิ่งแดงระเรื่อขึ้น
นายท่านเซี่ยแปลกใจ ชื่อเสียงของหญิงสาวในห้องหอย่อมสำคัญเป็นอันดับแรก
แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาเขินอายของหลานสาวแล้ว ชายชราก็เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
“ฟางเฟย…เจ้าพึงใจในตัวเขาหรือ?”
“ใช่ ข้าชอบเขา..” เซี่ยฟางเฟยหน้าแดง
“แต่ว่าเว่ยฉิงมีภรรยาแล้ว” นายท่านเซี่ยกล่าว
เมื่อเห็นรักแรกของหลานสาวเขาก็รู้สึกปวดใจ ก่อนจะบอกนางอย่างตรงไปตรงมาทำลายภาพฝันของนางไปจนหมด
“ท่านลุง…ข้ารู้ แต่ข้าชอบเขา ข้าไม่สามารถหักห้ามใจได้” เซี่ยฟางเฟยพูดด้วยความลำบากใจ ก่อนจะหันไปบอกลุงตัวเองอย่างจริงจัง
“แต่ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าแอบชอบเขาก็จริง แต่ข้าจะไม่ทำให้เขาอับอายและผิดต่อภรรยาเขาแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทีจริงจังมีเหตุผลของหลานสาว นายท่านเซี่ยก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากยิ่งขึ้น
นายท่านเซี่ยอดคิดไม่ได้ว่า หากเว่ยฉิงไม่ได้รักใคร่ภรรยาของตนมากนัก มันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่จะได้เว่ยฉิงมาเป็นหลานเขยของตน
เซี่ยฟางเฟยเป็นสตรีที่เพียบพร้อม
ส่วนเว่ยฉิงก็คือชายหนุ่มที่เขาถูกใจ
“ฟางเฟย อย่าคิดเรื่องนี้เลย มันผ่านมาแล้ว” นายท่านเซี่ยปลอบโยน
หญิงสาวกัดริมฝีปากของตัวเองพูดว่า
“ท่านลุง ข้าไม่เป็นไร ท่านอย่าได้กังวล”
เมื่อมองดูหลานสาวแล้ว นายท่านเซี่ยก็ได้แต่ถอนใจคิดว่าน้องชายของเขานั้นเลี้ยงลูกมาได้ดีเหลือเกิน นางเป็นคนมีเหตุมีผล ทั้งยังฝืนทนทำตัวเข้มแข็งได้เป็นอย่างดี
“เจ้าพักผ่อนมาก ๆ เถิด” หลังจากที่นายท่านเซี่ยพูดจบ เขาก็เดินหันหลังจากไป
ชายชราเรียกทุกคนในบ้านรวมตัวกัน ก่อนจะกำชับว่าเรื่องนี้ห้ามแพ่งพรายออกไปเด็ดขาด เพื่อเป็นการรักษาเกียรติของคุณหนูเซี่ย
ทุกคนพากันรับคำ
นายท่านเซี่ยมองเว่ยฉิงอย่างลังเล ก่อนจะตบไหล่เขา
“ทำให้เจ้าลำบากมากแล้ว” นายท่านเซี่ยกล่าว
“มันเป็นหน้าที่ข้าขอรับ”
หลังจากที่เซี่ยฟางเฟยกลับมา นางเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องราวกับว่ายังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เมื่อคุณหนูในห้องหออย่างนางต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ย่อม เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก