บทที่ 159 ลาออกจากจวน
ที่ห้องทำงานจวนสกุลเซี่ย นายท่านเซี่ยกำลังมองจ้องมองเว่ยฉิง
“อาฉิง ข้ากำลังให้คนไปตามหาเจ้าพอดี เจ้ามาก็ดีแล้ว” นายท่านเซี่ยมักทายเขาอย่าเป็นกันเอง
“นั่งลงก่อนเถิด”
เว่ยฉิงทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับนายท่านเซี่ย ชายชราวางพู่กันในมือลง เขาดูมีท่าทีลังเลในการพูดบางสิ่งบางอย่าง
“นายท่านเซี่ย ท่านมีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถิดขอรับ” เว่ยฉิงกล่าว
ชายชรารู้ว่าเว่ยฉิงเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เขาเหม่อมองไปไกลก่อนจะหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า
“ข้าได้ยินข่าวลือของเจ้ากับฟางเฟยมา..”
“มันเป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีมูลความจริงขอรับ” เว่ยฉิงกล่าว
“ไม่มีใครรู้ได้หรอก” นายท่านเซี่ยพูดอย่างมีนัยยะ
เซี่ยฟางเฟยกล่าวว่าเว่ยฉิงได้เห็นสภาพที่ไม่เรียบร้อยของนาง แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ทำอะไรกันเหมือนที่ข่าลือได้แพร่ออกไป แต่ก็ถือว่าได้ล้ำเส้นบางอย่างไปแล้ว นายท่านเซี่ยไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดข่าวจึงแพร่ออกไปใหญ่โตถึงเพียงนี้ ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาจึงกังวลกับเรื่องนี้มาก พยายามคิดหาทางแก้ไขให้ดีที่สุด
“ข้าไม่รู้ว่าต้นตอข่าวลือที่แพร่ออกไปมาจากที่ใด แต่ฟางเฟยรับเรื่องนี้ไม่ได้ นางเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องมาสองวันแล้ว ไม่กล้าออกไปไหนเลย” นายท่านเซี่ยทำสีหน้าลำบากใจ
เว่ยฉิงเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น เขาย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
หากเขาไม่รู้ว่าข่าวลือนี้ถูกแพร่โดยเซี่ยฟางเฟยล่ะก็ เว่ยฉิงคงจะรู้สึกเห็นใจนาง แต่เมื่อรู้แบบนี้แล้วชายหนุ่มย่อมไม่อยากเหลียวแลนางเลย อีกทั้งคุณหนูเซี่ยคงไม่ต้องการความเห็นใจจากเว่ยฉิงหรอก นางเพียงแค่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ใช้ชีวิตมีความสุขเท่านั้น
“อาฉิง เจ้าเป็นคนดี ข้าเคยคิดอยากให้พวกเจ้าทั้งสองคนแต่งงานกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานะใด ๆ ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมของข้า นี่เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ข้ามาหารือถามเจ้าก่อน หากตกลงแล้วข้าจะไปคุยกับฟางเฟยและบิดาของนางเอง” นายท่านเซี่ยกล่าว
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมองเว่ยฉิงในแง่ดีเห็นชายหนุ่มเหมือนลูกเหมือนหลาน หลานสาวเองก็ชอบพอเว่ยฉิง ทว่าน้องชายของเขาอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่ขบคิดหลายครั้งหลายหนแล้ว เขาก็คิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากเขารับเว่ยฉิงมาเป็นลูกบุญธรรมของตน
“นายท่านเซี่ย ข้าไม่ได้ชอบพอคุณหนูเซี่ย ข้าแต่งงานแล้ว” เว่ยฉิงปฏิเสธเขาอย่างตรงไปตรงมา
นายท่านเซี่ยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เขาครุ่นคิดเรื่องนี้มาสองสามวันแล้ว เพื่อเสนอตัวช่วยปูทางให้กับเว่ยฉิง นอกจากนี้หลานสาวของเขาไม่คู่ควรกับเว่ยฉิงตรงไหน? จะไม่เป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาไปหน่อยหรือที่ปฏิเสธเขาเช่นนี้
“อาฉิง บุรุษย่อมมีสามเมียสี่อนุเป็นเรื่องธรรมดา การมีภรรยาหลายคนมาช่วยปรนนิบัติดูแล ย่อมถือได้ว่าเป็นคนมีวาสนาไม่ใช่หรือ?”
“ข้าตั้งใจว่าจะอยู่กินกับภรรยาข้าชั่วชีวิต โดยไม่มีหญิงอื่นใดอย่างเด็ดขาด” เว่ยฉิงปฏิเสธอย่างแน่วแน่
ใบหน้าของนายท่านเซี่ยมืดครึ้มลง
“เจ้าบอกว่าจะไม่มีวันไม่ทำผิดต่อภรรยาเจ้า แต่กลับทำผิดต่อฟางเฟยหรือ?”
“ทำผิดกับนางหรือ?” เว่ยฉิงประหลาดใจ
“เจ้า…” นายท่านเซี่ยพูดไม่ออก เขากัดฟันแน่น “เจ้าจะบอกว่าไม่ได้เห็นร่างกายของนางหรือ?”
เดิมทีนายท่านเซี่ยคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนดีมีอนาคตไกล แต่ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะเป็นคนไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้
“ข้าไม่ได้เห็นร่างกายของนางเลย” เว่ยฉิงพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของชายหนุ่มตึงเครียดทันที
นายท่านเซี่ยหาเสียงตัวเองไม่เจอ เป็นเพราะไม่อยากรับผิดชอบจึงปฏิเสธมาด้าน ๆ เช่นนี้ สตรีคนใดจะพูดปดเรื่องมลทินของตนเอง? สิ่งที่ฟางเฟยพูดย่อมต้องเป็นความจริง!
“อาฉิงหรือเพราะเจ้าต้องพูดคุยกับคนในครอบครัวของเจ้าก่อน เช่นนั้นข้าสามารถช่วยเจ้าพูดกับพวกเขาได้” นายท่านเซี่ยพูดอย่างอดทน
“นายท่าน ข้าสาบานว่าข้าจะแต่งงานกับภรรยาเพียงคนเดียวในชั่วชีวิตนี้ และจะไม่แต่งกับใครอีก”
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงัน
ในที่สุดนายท่านเซี่ยก็มีท่าทีอ่อนลง
ลืมไปเสียเถิด! เป็นเขาเองที่ผิดเอง เขาเคยคิดว่าเว่ยฉิงเป็นบุรุษที่มีความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับ… เวทนาก็แต่หลานสาวของเขาเท่านั้นที่โดนข่าวลืออื้อฉาวเสียหายไปทั้งเมือง
“นายท่านเซี่ย…ข้าขอลาออกจากผู้คุ้มกันจวนเซี่ยขอรับ” เว่ยฉิงกล่าว
ชายชรามองไปที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
“อาฉิง มันคนละส่วนกัน หากเจ้าไม่แต่งกับฟางเฟยก็ลืมมันไปเสีย เจ้าทำหน้าที่ในจวนเซี่ยได้ดีมาตลอดทั้งปีแล้ว ”
“นายท่านเซี่ยขอบคุณที่ท่านเมตตาข้ามาโดยตลอด ความจริงข้าก็พอจะรู้ว่าท่านให้ข้าทำงานนี้เพราะข้าได้ช่วยท่านเอาไว้” เว่ยฉิงกล่าว
ในตอนนั้นนายท่านเซี่ยเป็นลมหมดสติไปแถวละแวกชานเมือง เว่ยฉิงได้ช่วยเหลือเขา พาเขามาส่งที่จวนเซี่ย เขาตั้งใจจะมอบสินน้ำใจตอบแทนให้กับเว่ยฉิงแต่ชายหนุ่มปฏิเสธไป จนท้ายที่สุดแล้วจึงได้เสนองานหัวหน้าผู้คุ้มกันให้กับเขา ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณในรูปแบบหนึ่ง
จุดประสงค์ของนายท่านเซี่ยก็เป็นจริงตามที่เว่ยฉิงเอ่ยออกมา เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะโดนมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ เงินเดือนถึงหนึ่งร้อยตำลึงไม่มีที่ไหนจะจ่ายให้หนักถึงเพียงนี้หรอก เป็นผู้คุ้มกันหากมีตำแหน่งสักหน่อยก็ได้เงินเพียงแค่สิบตำลึงต่อเดือนเท่านั้น
“อาฉิง…ข้ามีเจตนาจะตอบแทนเจ้าเช่นนั้นก็จริงอยู่ แต่เจ้าก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีจริง ๆ”
“ข้าได้หารือเรื่องนี้กับภรรยาแล้ว ข้าอยากลาออกจากงานผู้คุ้มกันไปทำอย่างอื่นแทน นายท่านเซี่ย หากท่านคิดว่าต้องตอบแทนข้าล่ะก็ ท่านได้ตอบแทนข้าหมดแล้ว จริง ๆ ข้าเพียงแต่ช่วยเหลือท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
นี่คือสิ่งที่เว่ยฉิงกับถังหลี่ได้คุยกันมาก่อนหน้านี้
ในฐานะผู้คุ้มกันของจวนเซี่ย ทำให้เว่ยฉิงไม่มีเวลาให้แก่ครอบครัว เขาไม่ค่อยได้ใช้เวลากับถังหลี่เลย ในยามที่นางมีปัญหา ก็มักจะเป็นนางที่แก้ไขได้ด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเขาไม่มีประโยชน์ในฐานะลูกผู้ชายหรือแม้แต่สามีของนาง
หากเกิดอะไรขึ้นกับถังหลี่ล่ะก็ คงเป็นสิ่งที่เว่ยฉิงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน ดังนั้นการหาเวลาอยู่กับภรรยา เป็นความต้องการของตัวเขาเอง เว่ยฉิงไตร่ตรองเรื่องนี้มานานแล้ว ครั้งนี้ก็สมควรแก่เวลา
อีกทั้งการอยู่จวนเซี่ยต่อทำให้เว่ยฉิงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับเซี่ยฟางเฟยได้ นางเป็นคนที่เขารังเกียจและอยากที่จะตีตัวออกห่างให้มากที่สุด หลังจากที่ปรึกษาหารือกับภรรยาแล้ว การลาออกจากที่นี่น่าจะเป็นการดีที่สุด
“อาฉิง เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้า
เมื่อเห็นความแน่วแน่ของชายหนุ่ม นายท่านเซี่ยจึงไม่พูดอะไรต่อ ตอนนี้เรื่องของหลานสาวเขาและเว่ยฉิงก็แพร่กระจายไปจนทั่วแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากเว่ยฉิงยังอาศัยอยู่ในจวนเซี่ยต่อไป
“งั้นรับค่าแรงของเดือนนี้ไปเถิด หากมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือก็มาหาข้าได้ตลอด”
เมื่อเห็นเว่ยฉิงเดินออกไป นายท่านเซี่ยจึงถอนหายใจยาว เขาลุกขึ้นเดินไปทางเรือนรับรองของเซี่ยฟางเฟย
ทางด้านคุณหนูเซี่ยที่กำลังกินอาหารอยู่ในห้องของตนอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อได้ยินว่าท่านลุงของตนมา นางดึงทึ้งผมเผ้าให้ยุ่งเหยิง ผลัดแป้งให้ใบหน้าดูซีดเซียวหม่นหมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ท่านลุง” นางพูดเสียงแผ่วเบา
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เศร้าสร้อยของหลานสาว นายท่านเซี่ยรู้สึกกังวลมาก
“เหตุใดสองสามวันที่ผ่านมาข้าถึงได้ไม่เห็นเว่ยฉิงเลยเจ้าคะ?” เซี่ยฟางเฟยเอ่ยถาม แววตาฉายแววคาดหวังอยู่เต็มเปี่ยม
“ฟางเฟย เจ้าเลิกคิดถึงเว่ยฉิงเสียเถอะ เขาไม่มีค่าพอ!” นายท่านเซี่ยกล่าว
“ท่านลุง…เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” คุณหนูเซี่ยรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
นายท่านเซี่ยรู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะพูดออกมาว่า
เว่ยฉิงปัดความรับผิดชอบ ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับนาง อีกทั้งตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานที่จวตระกูลเซี่ยแล้ว
และทันทีที่นายท่านเซี่ยพูดจบ ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยซีดเผือด หัวใจสั่นสะท้าน
“เป็นเพราะข่าวลือพวกนั้นหรือเจ้าคะ? …แม้ว่าเว่ยฉิงจะเห็นข้าในสภาพนั้น แต่นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ตั้งใจ หัวหน้าเว่ยพยายามช่วยเหลือข้า แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดข่าวจึงได้ลือไปถึงเพียงนั้น อย่าได้โทษเขาเลย ให้ข้าเป็นคนไปพูดกับเขาเองจะดีกว่า!”
เว่ยฉิงทำกับนางถึงเพียงนี้แล้ว หลานสาวที่แสนดียังออกรับแทนเขาอีก นายท่านเซี่ยรีบพูดขัดขึ้นว่า
“ฟางเฟย เขาไม่ได้ออกด้วยสาเหตุผลนี้ เขาไม่ต้องการทำงานผู้คุ้มกันมาตั้งแต่แรกแล้ว!”
เขากลัวว่าหากฟางเฟยหลานสาวที่ใจดีของเขาไปหาเว่ยฉิง คงจะเจ็บช้ำน้ำใจกลับมาอีกครั้ง
“โอ้…” เซี่ยฟางเฟยครางอย่างหดหู่
นายท่านเซี่ยมองหลานสาวของตนเองอย่างตกเหม่อลอย ความรักของนางหยั่งรากลึกลงไปเสียแล้ว … เขาถอนหายใจพร้อมกับเดินจากไป
ภายหลังที่นายท่านเซี่ยเดินออกไปแล้ว เซี่ยฟางเฟยสลัดภาพลักษณ์ที่น่าสมเพชของนางออกไปทันที นางนั่งไขว้ห้างขมวดคิ้วเป็นปม
ข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ทำร้ายหญิงสาวมาก ทุกคนต่างรู้ว่านางคือเหยื่อที่น่าสงสาร เว่ยฉิงควรรู้สึกเสียใจและมาขอโทษนางสิ
เหตุเขาถึงจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ?