เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 161 พี่น้องตระกูลเหล่ย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 161 พี่น้องตระกูลเหล่ย

และแล้วข่าวลือที่เกิดขึ้นก็ลอยไปถึงหูของเซี่ยฟางเฟย หลังจากที่นางได้ยิน ใบหน้าของหญิงสาวก็บิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด

ข่าวลือที่หนาหูแบบนั้น หากเว่ยฉิงออกมาแก้ต่างก็เหมือนกับการปัดความรับผิดชอบ แต่เมื่อรูปแบบของข่าวลือแตกต่างออกไปมีทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จผสมปนเปจนไม่มีใครสามารถแยกออกได้

“คุณหนูเจ้าคะ ทำอย่างไรดี? แบบนี้มันเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงคุณหนูนะเจ้าคะ” ตงเสวี่ยกล่าวขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ

แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าข่าวลือจะแพร่ไปในทิศทางใด ชื่อเสียงของเซี่ยฟางเฟยก็เสียหายไปมากแล้ว

“จะใจร้อนอะไรนักหนา อยู่กับข้ามานานเจ้าไม่รู้หรือว่าควรทำอย่างไร”

เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างหงุดหงิด ส่งผลให้ตงเสวี่ยปิดปากของนางแน่นสนิท

ทว่าเด็กสาวก็ยังกังวลชื่อเสียงของคุณหนูตนเองอยู่ดี

นางรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคุณหนูของนางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้

ตอนนี้เซี่ยฟางเฟยกำลังจมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง อันที่จริงแล้วนางเองก็ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเว่ยฉิง เขาเป็นเพียงชาวป่าชาวเขา แต่นางเป็นถึงคุณหนูสกุลเซี่ย บุรุษเช่นนั้นจะมาคู่ควรกับนางได้อย่างไร?

เซี่ยฟางเฟยทำเพราะอยากเอาชนะเท่านั้น

ในตอนแรกนั้นเมื่อเห็นว่าเว่ยฉิงไม่ได้ชายตาแลมาที่นาง เซี่ยฟางเฟยจึงอยากเอาชนะเขา จุดประสงค์คือเซี่ยฟางเฟยเกลียดถังหลี่ ความเกลียดชังจึงเป็นชนวนให้นางต้องการชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ยามนี้ชื่อเสียงของนางก็ได้พลีให้กับแผนการนี้ไปแล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะวางมือปล่อยให้เว่ยฉิงและถังหลี่ได้อยู่อย่างสงบ

“ตงเสวี่ยมานี่” เซี่ยฟางเฟยพูดขึ้น

เมื่อสาวใช้เข้าไปใกล้ คุณหนูเซี่ยกระซิบบางอย่างที่หูของนางทันที

“จำได้ไหม?”

“บ่าวจำได้เจ้าค่ะคุณหนู”

จากนั้นเซี่ยฟางเฟยจึงขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมพบใคร และเมื่อนายท่านเซี่ยทราบเรื่องเข้า ชายชรากังวลใจมาก เขามาเยี่ยมหลานสาวหลายต่อหลายครั้ง แต่เซี่ยฟางเฟยก็ไม่ยอมพบเขา

“คุณหนูของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” นายท่านเซี่ยทำได้แค่ถามสาวใช้อย่างตงเสวี่ยเท่านั้น

“คุณหนู…” ตงเสวี่ยพึมพำเบา ๆ แต่ไม่พูดอะไรต่อ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล

“ฟางเฟยรู้เรื่องข่าวลือข้างนอกหรือยัง?” นายท่านเซี่ยถาม

เมื่อตงเสวี่ยพยักหน้า หัวใจของชายชราหนักอึ้ง ยามที่เขาได้ยินข่าวลือพวกนั้นเนื้อตัวของนายท่านเซี่ยสั่นไปด้วยความโกรธ ยากที่จะจินตนาการว่าเซี่ยฟางเฟยจะเป็นเช่นไรเมื่อได้รับรู้ข่าวลือพวกนี้ เขาจึงออกคำสั่งให้คนในจวนห้ามพูด แต่สุดท้ายแล้วมันก็เล็ดรอดไปถึงหูนางอยู่ดี

หลานสาวผู้น่าสงสารของข้า…

“ฟางเฟยเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนูเอาแต่เหม่อลอย พูดว่าชีวิตตนไร้ค่าเจ้าค่ะ”

“เจ้าดูแลคุณหนูของเจ้าให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาบอกข้า” ตอนนี้นายท่านเซี่ยรู้สึกปวดใจมาก

สาวใช้คนเดิมพยักหน้ารับ

แต่นายท่านเซี่ยยังคงกังวลใจ เขาให้ภรรยาสองคนของตนและผู้คุ้มกันคอยสอดส่องรอบ ๆ เรือนพักผ่อนของเซี่ยฟางเฟย หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้รีบเข้าไปทันที

เหลยหมิงและเหลยเป้าเฝ้าระวังอยู่นอกประตู

ในยามนี้บรรยากาศภายในสกุลเซี่ยชวนอึมครึมอย่างมาก ทำให้สองพี่น้องรู้สึกหดหู่ไปด้วย

“พี่ เหตุใดหัวหน้าเว่ยจึงลาออกเล่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับแม่นางเซี่ยหรือ?” เหลยเป้ากล่าว

“เจ้าดูไม่ออกหรือ? คุณหนูเซี่ยมีใจให้หัวหน้าเว่ย แต่ว่าหัวหน้าเว่ยภักดีต่อภรรยาเขาเพียงพูดเดียว” เหลยหมิงกล่าว

“คุณหนูเซี่ยน่าสงสารจริง” เหลยเป้ารู้สึกมีความห่วงเล็กน้อย “เหตุใดจึงเป็นพวกโจรนะ แล้วข่าวลือพวกนี้อีก”

เหลยหมิงไม่พูดอะไร ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ แต่ว่าน้องชายของตนนั้นเป็นคนซื่อ จิตใจของเขาดูออกไม่ยาก ทำให้เหลยเป้ามีความเวทนาคุณหนูเซี่ยไม่น้อย

“คุณหนู! คุณหนู! ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านในห้อง

เหลยหมิงและเหลยเป้ารีบผลักประตูเข้าไปทันที คุณหนูเซี่ยใส่เสื้อผ้าบาง ๆ นางกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ เอาศีรษะมุดเข้าไปในห่วงเชือกที่แขวนไว้กับขื่อ

ตงเสวี่ยกรีดร้องด้วยความตกใจ

เหลยเป้าไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เข้าไปรวบตัวนางไว้ก่อนจะอุ้มเซี่ยฟางเฟยลงมาจากเก้าอี้

“คุณหนูเซี่ยอย่า…คิดสั้นเลยขอรับ” เหลยเป้าพูดจาตะกุกตะกัก เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยฟางเฟยเขารู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูก

“พาคุณหนูมานอนบนเตียงสิ” ตงเสวี่ยพูด เหลยเป้าอุ้มเซี่ยฟางเฟยไปนอนบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนชายหนุ่มจะผละออกไป นางดึงเสื้อผ้าของเหลยเป้าเอาไว้

“พี่ใหญ่…อยู่คุยกับข้าก่อนได้หรือไม่” เซี่ยฟางเฟยพูดอย่างอ่อนระโหย กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากเรือนร่างของนาง ทำให้เหลยเป้าหน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ตงเสวี่ยออกไปก่อน” เซี่ยฟางเฟยกล่าว

เหลยหมิงยืนอยู่ตรงนั้น เขาขมวดคิ้วกับใบหน้าที่แดงก่ำของน้องชายตนเอง เหลยเป้าเป็นคนขี้อาย

“เร็วสิ ออกไปซะ” ตงเสวี่ยเร่งเร้า ทำให้เหลยหมิงต้องตามตงเสวี่ยออกไปด้านนอก

เหลยเป้าไม่เคยเข้าใกล้สตรีขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะเอามือเอาไม้ไปวางไว้ที่ไหน แต่เพราะถูกดึงรั้งเสื้อผ้าเอาไว้อย่างแน่น เขาจึงได้แต่อยู่หมอบตัวอยู่ใกล้ชิดกับนาง

“เจ้าชื่ออะไร?” เซี่ยฟางเฟยถาม

“ เป้า…เหลยเป้าขอรับ”

“พี่เป้า ท่านกับพี่เว่ยสนิทกันมากหรือ ข้าเคยเห็นท่านพูดคุยหยอกล้อกับเขา”

“ใช่แล้ว พี่น้องสกุลเหลยและหัวหน้าเว่ยเป็นพี่น้องกัน!” เหลยเป้าพูดอย่างรวดเร็ว เมื่อเซี่ยฟางเฟยครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

“พี่เป้า พี่รำคาญข้าหรือไม่?”

“ไม่ ไม่ขอรับ คุณหนูเซี่ยเป็นคนดี จะน่ารำคาญได้อย่างไร”

“ไม่เกลียดข้าหรือ?”

เหลยเป้าส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็ว

“แล้วชอบข้าหรือไม่?” เซี่ยฟางเฟยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

ใบหน้าของเหลยเป้าแดงมากกว่าเดิม ดูราวกับแทบจะหยดออกมาเป็นเลือดได้เลยทีเดียว ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดว่าควรตอบนางเช่นไร หญิงสาวก็พึมพำขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่เป้า ข้าคิดถึงพี่เว่ยมาก…แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”

เหลยเป้าไม่สบายใจ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า

“หัวหน้าเว่ยเขารักฮูหยินมาก…”

“ไม่! พี่เว่ยบอกว่าเขาชอบข้า พี่เป้า ท่านคิดว่าคนเราจะตีสองหน้าได้หรือไม่? พี่เว่ยอ่อนโยนกับข้ามาก เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับข้า แต่เมื่อมีคนอื่นอยู่ เขาก็ไม่สนใจข้า ข้าไม่เข้าใจหัวใจของเขาเลย” เซี่ยฟางเฟยกล่าวอย่างทุกข์ใจ

เหลยเป้านิ่งค้างไปทันที

เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?

เหตุใดเขารู้สึกว่าหัวหน้าเว่ยไม่ใช่คนแบบนั้น

หัวหน้าเว่ยรักภรรยาของเขามาก เขาจะทำแบบนั้นกับคุณหนูเซี่ยได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาชอบคุณหนูเซี่ยจริง หัวหน้าเว่ยต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอน

“พี่เว่ยบอกข้าว่าให้เก็บเป็นความลับ ดังนั้นพี่เป้าช่วยลืมเรื่องที่ได้ยินไปได้หรือไม่” เซี่ยฟางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

ชายหนุ่มรีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

“พี่เป้า ท่านเป็นคนดียิ่ง”

ใบหน้าของเหลยเป้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่คงเหนื่อยแล้ว ออกไปเถิด ขอบคุณท่านมาก”

เหลยเป้าพยักหน้ารับออกจากห้องไป เขาปิดประตูเบา ๆ ทันทีที่ออกมาก็พบว่าพี่ชายกำลังยืนจ้องเขม็งมาที่เขา

“พี่มีอะไรหรือ เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้?” เหลยเป้ากล่าวขึ้น

“คุณหนูเซี่ยพูดอะไรกับเจ้า” เหลยหมิงถาม

“เปล่า…ไม่มีอะไร ข้าแค่ปลอบใจนาง” เหลยเป้าพูดกับพี่ชาย แต่หลังจากนั้นเหลยเป้าก็มีทีท่าเหม่อลอย บางครั้งก็ยิ้มออกมาอย่างไร้สาเหตุ ทำให้เหลยหมิงที่คอยสังเกตดูรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

————————–

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท