บทที่ 170 แร่เหล็ก
ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูซีดเซียว เบ้าตาลึกทำให้เห็นโครงหน้าชัดเจนมากขึ้น แต่ทว่าก็ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ นัยน์ตาของเขาฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาราวกับลูกสัตว์ที่ต้องดิ้นรนให้มีชีวิตรอด มองแล้วเหมือนมีคำว่าข้าอยากมีชีวิตรอดอยู่เต็มไปหมด
“ช่วยด้วย…ข้า…” เสียงของเขาดูอิดโรย
“เจ้ารอดแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร อีกสักครู่ หมอจะมาที่นี่” ถังหลี่พูดกับเขาอย่างนุ่มนวล
“ท่านช่วยข้าไว้…”
เขายังคงกำมือแน่นมองถังหลี่อย่างจริงจัง ราวกับจะจดจำใบหน้าของนางเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไปอีกครั้ง
เถ้าแก่เนี้ยฮวาเข้ามาในห้องพร้อมกับหมอ หลังจากที่หมอตรวจอาการ เขาก็พันแผลให้อีกครั้ง ให้ยาไว้และจากไป ทุกอย่างฮวาเหนียงจื่อเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด โดยที่ถังหลี่ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงกลับไปที่ห้องพร้อมกับเว่ยฉิง
ถังหลี่อาบน้ำพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน ต่อมาไม่นานเว่ยฉิงก็ตามเข้ามา ร่างกายของเขายังเปียกชื้นอยู่ แต่เพราะความร้อนในร่างกายไม่นานตัวเขาก็แห้งสนิท เว่ยฉิงกระชับกอดถังหลี่ไว้ในอ้อมแขน ทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นมาก
“นอนเถิด” เว่ยฉิงจูบที่หน้าผากของนางเบา ๆ หญิงสาวผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของสามี
วันรุ่งขึ้น
ถังหลี่ตื่นแต่เช้า ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ที่ห้องถัดไปเด็กหนุ่มผู้นั้นยังคงไม่ได้สติ มีเถ้าแก่เนี้ยฮวาดูแลอยู่ภายในห้อง ป้อนน้ำ วัดไข้ จัดแจงผ้าห่มให้กับเขา
ในตอนแรกจางเฉียนต้องนอนอยู่ร่วมกันกับเด็กหนุ่มที่บาดเจ็บ แต่ฮวาเหนียงจื่อกลัวว่าจะเป็นการรบกวนคนป่วย นางจึงไปหาห้องอื่นให้เขาอยู่ ทำให้เด็กหนุ่มได้พักฟื้นอย่างเป็นส่วนตัว
ครั้งแรกที่ถังหลี่ได้พบกับฮวาเหนียงจื่อ นางรู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยฮวามีใจให้ไป๋มู่หยางมาก แต่น่าเสียดายที่บุปผาโปรยปรายล้วนมีใจ สายธารไหลไร้ไมตรี[1]
ถังหลี่จึงรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ฮวาเหนียงจื่อดูจะถูกใจเด็กหนุ่มผู้นี้เข้าให้แล้วสินะ
ถังหลี่ยังมีบางอย่างที่ต้องทำ นางหยุดยืนที่ประตูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินลงไปที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมพร้อมกับเว่ยฉิง ที่คอกม้าด้านนอกโรงเตี๊ยม จางเฉียนกำลังให้อาหารม้าของเข้าอยู่
รถม้าที่เว่ยฉิงเช่ามานั้นเสียค่าเช่าเป็นรายวัน ดังนั้นจางเฉียนจึงอยู่กับพวกเขาเป็นเวลาสองสามวัน คอยอำนวยความสะดวกให้คนทั้งคู่
“จางเฉียนเตรียมรถเลย เราจะออกเดินทางกัน” เว่ยฉิงพูดเสียงดังขึ้นมา
“ได้เลยพี่เว่ย!” จางเฉียนตอบ
ที่ด้านนอกโรงเตี๊ยมเป็นถนนพลุกพล่านจอแจ แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเช้า แต่ยังมีคนสัญจรผ่านไปมาให้เห็น พ่อค้าแม่ค้าพากันตั้งแผงลอยขายของ มีหลายร้านที่เป็นคู่สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากิน หนึ่งในนั้นมีบุตร เป็นเด็กเล็กอายุประมาณสี่ถึงห้าขวบกำลังช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะเก้าอี้
ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงซานเป่า ตอนนี้เด็กหญิงคงกำลังหลับอุตุอย่างเกียจคร้าน เมื่อคิดเช่นนั้นมุมปากของหญิงสาวก็โค้งเป็นรอยยิ้มขึ้นมา
ทว่ารอยยิ้มของนางกลับเจื่อนจางลงเมื่อนึกถึงความฝัน
เพราะภาพความสงบสุขของเมืองนี้จะถูกทำลายโดยคมดาบของพวกซยงหนู โลหิตไหลนองราวกับแม่น้ำ เหล่าผู้คนที่มีชีวิตชีวา สุดท้ายต้องจากไปภายใต้ความอำมหิตโหดเหี้ยม เมื่อหญิงสาวมองกวาดสายตาไปนางรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจมาก
“ฮูหยิน”
เว่ยฉิงส่งเสียงเรียกทำให้นางได้สติอีกครั้ง
“หือ?”
“กินข้าวเช้ากันเถอะ”
เว่ยฉิงยืนถุงกระดาษที่มีของกินอยู่ข้างในให้นาง ถังหลี่รับไว้ก่อนจะได้กลิ่นหอมฟุ้งพวยพุ่งออกมา หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปหาไป๋มู่หยางทันที
พวกเขาเดินทางไปตามที่ลุงฝูบอกเอาไว้ แต่เป็นเพราะจางเฉียนไม่คุ้นเคยเส้นทางในเมืองฉินโจวทำให้ต้องคอยสอบถามคนในพื้นที่ไปตลอดทาง จนในที่สุดรถม้าจึงได้แล่นออกมาถึงบริเวณชานเมือง
ถังหลี่นั่งอยู่ในรถม้า นางมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพื้นที่รกร้างด้านนอกก็นึกสงสัย นี่พวกนางมาผิดทางหรือเปล่า? แต่ถ้าไม่ผิด พี่ชายของนางมาทำอะไรที่ชานเมืองห่างไกลเช่นนี้?
หลังจากเดินทางไปสักพักก็ต้องจอด เพราะหนทางข้างหน้าไม่มีถนนสำหรับให้รถม้าแล่น เว่ยฉิงกับถังหลี่จึงต้องลงเดินเท่านั้น เส้นทางข้างหน้าเดินยากเพราะทั้งสูงและชัน ขาของถังหลี่ไม่ได้ยาวเท่าเว่ยฉิงทำให้เดินลำบาก
เว่ยฉิงที่เดินอยู่ข้างหน้าของนาง ย่อตัวลง
“ฮูหยิน ขึ้นมาสิ”
เว่ยฉิงเป็นบุรุษที่แผ่นหลังกว้างแข็งแรงมาก ถังหลี่จึงไม่รักษามารยาท นางปีนขึ้นไปบนหลังเขากอดคอของเขาเอาไว้
เว่ยชิงกะน้ำหนักภรรยาของเขาอยู่ในใจ ถังหลี่ตัวเบามากราวกับไม่มีน้ำหนักเลย ดูเหมือนว่าจะต้องขุนนางให้อ้วนกว่านี้เสียหน่อยแล้ว
เว่ยฉิงเดินเหินราวกับติดปีก เขาใช้เส้นทางลัดเลาะไปตามไหล่เขา เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จึงได้พบบ้านที่ทำจากดินเหนียวหลังหนึ่งอยู่เบื้องหน้า
“มีหมู่บ้านอยู่ในนี้ด้วยหรือ?” ถังหลี่พูดอย่างประหลาดใจ
หลังจากที่พูดจบ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ไม่ใช่หมู่บ้าน” เว่ยฉิงพูดออกมา
“ใช่ หมู่บ้านจะไม่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและมีหน้าตาเหมือนกันเช่นนี้”
“ดูไปแล้วเพิ่งจะสร้างไม่นาน ไม่น่าจะเกินหนึ่งปีได้” เว่ยฉิงตั้งข้อสังเกต
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ประตูบ้านดินก็เปิดออก ชายผู้หนึ่งสวมชุดผ้าฝ้ายเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น
“พี่ชาย ท่านรู้จักจางเจียโปหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
“ที่นี่แหละ” ชายคนนั้นตอบ
เว่ยฉิงและถังหลี่มองหน้ากัน ที่นี่คือจางเจียโปจริง ๆ
“ไป๋มู่หยางอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ถังหลี่ถาม
“นายท่านไป๋หรือ? ท่านเป็นใคร?”
“ข้าเป็นน้องสาวของไป๋มู่หยาง ข้ามาหาเขา”
“น้องสาวนายท่านไป๋?” ชายคนนั้นมองถังหลี่ท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ข้าจะพาพวกท่านไปหานายท่านไป๋เอง”
ถังหลี่ที่กำลังอยู่บนหลังเว่ยฉิง เมื่อเห็นมีผู้อื่นอยู่ นางจึงเขินอาย นางตบหลังเว่ยฉิงเบา ๆ ชายหนุ่มวางนางลงกับพื้นก่อนจะจับมือนางเดินตามไป
ถังหลี่เริ่มพูดคุยกับชายผู้นั้น
“พวกเราเคยอาศัยบนภูเขา แต่ดินที่เราอยู่ไม่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์เป็นหลัก แต่เมื่อฤดูหนาวมาเยือนก็ไม่มีอาหาร พวกเราหลายคนต้องกินรากไม้ประทังชีวิต อยู่ด้วยความยากลำบากหลายคนทนไม่ไหวต้องตายจากไปก็มี ต่อมานายท่านมู่จึงได้มอบหมายงานให้พวกเราทำ”
ชายผู้นำทางรู้สึกขอบคุณไป๋มู่หยาง
“พี่ชายข้า…เขาทำอะไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้จะทำกิจการอะไรได้?
ชายคนนั้นดูลังเล …หัวหน้าหมู่บ้านบอกเขาว่าอย่าพูดเรื่องนี้กับคนแปลกหน้า แม้ว่าคนตรงหน้าของเขาจะเป็นน้องสาวของนายท่านไป๋ เขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านจึงเลือกที่จะส่ายหัว
“ข้าบอกไม่ได้ เรื่องนี้ท่านต้องถามนายท่านไป๋เอง”
พอได้ฟังถังหลี่ก็ยิ่งอยากรู้ว่าพี่ชายของนางมาทำอะไรที่นี่ เหตุใดจึงได้มีท่าทีลึกลับเช่นนี้?
หลังจากเดินไปสักพัก ทั้งสามคนก็พบกับไป๋มู่หยาง เมื่อเห็นไป๋มู่หยาง ถังหลี่จำเขาแทบไม่ได้เลย ตามปกติแล้วรูปลักษณ์ของไป๋มู่หยางคือคุณชายที่อ่อนโยน สง่างาม กิริยามายาทดี ตอนนี้ชายหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเทา สวมกางเกงขายาวที่ม้วนหน้าขึ้น ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน แต่อย่างไรก็ไม่อาจจะลบล้างใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนโยนของเขาได้
“พี่ใหญ่” ถังหลี่เรียก
ไป๋มู่หยางประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นถังหลี่ เขาเช็ดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าตัวเอง
“ถังถัง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ถังหลี่ไม่สามารถพูดถึงความฝันของนางได้ หญิงสาวยิ้ม
“ข้าแค่คิดถึงท่านพี่ใหญ่ เลยเดินทางมาหาท่านที่ฉินโจว”
มาหาเขาในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้?
ไป๋มู่หยางรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เขามีความสุขเมื่อได้เห็นใบหน้าน้อย ๆ ที่สดใสของน้องสาวตน
“มาเถอะ มาที่พักของข้าก่อน”
พวกเขาเดินกลับไปอีกครั้ง
“พี่ใหญ่กำลังทำอะไรอยู่หรือ?” ถังหลี่ถาม
“มีแร่เหล็กอยู่บนนั้น ” ไป๋มู่หยางกล่าว
แร่เหล็ก….
ในที่แบบนี้มีแร่เหล็ก! ตอนนี้เขาคงกำลังสร้างเตาหลอม เขาจะสร้างเหมืองถลุงเหล็กหรือ?
“พี่ใหญ่จะหลอมเหล็กหรือ?” ถังหลี่ถาม
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
ถังหลี่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ในหลายราชวงศ์ที่ผ่านมา การถลุงเหล็กเป็นความรับผิดชอบของราชสำนัก เนื่องจากเกลือและเหล็กถือได้ว่าเป็นของล้ำค่าที่กุมชะตาของแว่นแคว้นเอาไว้ได้
สำหรับต้าโจวแล้ว แม้พ่อค้าจะหลอมเหล็กเองได้ แต่พวกเขาก็ต้องถูกควบคุมโดยตระกูลที่มีอำนาจสองสามตระกูล
พี่ชายของนางทำมันจริงหรือ?!
[1] บุปผาโปรยปรายล้วนมีใจ สายธารไหลไร้ไมตรี มีความหมายว่าหลงรักเขาข้างเดียว ทอดสะพานให้ก็แล้ว ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อเขาก็แล้ว แต่เขายังไม่เหลียวแลไม่เห็นคุณค่า