บทที่ 171 ถังหลี่คือดาวนำโชค
ในนวนิยายต้นฉบับ ตระกูลไป๋เป็นพ่อค้าอันดับหนึ่งของแคว้นภายใต้การปกครองของไป๋ซวี่หยาง แต่เบื้องหลังนั้นไป๋ซวี่หยางและกู้อิ๋นต่างสนับสนุนกันและกัน ชายหนุ่มให้ความมั่งคั่งแก่หญิงสาว ส่วนนางก็เป็นอำนาจหนุนหลังไป๋ซวี่หยาง
ไป๋ซวี่หยางได้รับมอบอำนาจในการผลิตเหล็กกล้า ตอนนี้สกุลไป๋แห่งซ่างจิงยังไม่ได้รับสิทธิ์ที่ว่านั่น แต่กลายเป็นไป๋มู่หยางพี่ชายของนางที่คว้าสิทธิ์นั้นมาได้ ทำให้ถังหลี่ทั้งแปลกใจและประหลาดใจเป็นอันมาก
นี่หมายความว่าหากพี่ชายของนางไม่ได้เป็นผีอายุสั้น เขาจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นหรือ!?
ยิ่งถังหลี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเท่าใด นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
นี่คือกิจการของพี่ชายนางหรือ? แต่ท่าทีลังเลของชายผู้นั้น หรือว่าการถลุงเหล็กนี้เป็นความลับ
พี่ชายของนางคงไม่ได้แอบถลุงเหล็กใช่หรือ?
แบบนี้มันผิดกฎหมาย
กฎหมายของต้าโจวกล่าวว่าอย่างไรนะสำหรับคนที่แอบถลุงเหล็ก?
หัวใจของถังหลี่เต็มไปด้วยความว้าวุ่น นางคิดไม่ตก ตอนนี้พวกเขาเดินไปยังบ้านดินที่เป็นที่พักของไป๋มู่หยาง ก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตา
สภาพความเป็นอยู่ที่นี่เทียบไม่ได้เลยกับจวนไป๋ในเมืองเหยาสุ่ย แต่ดูเหมือนว่าไป๋มู่หยางนั้นจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี กลายเป็นว่าคุณชายเจ้าสำอางก็สมบุกสมบันได้เช่นกัน
หลังจากที่ไป๋มู่หยางทำความสะอาดตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็เอาเก้าอี้มานั่งข้างถังหลี่หยิบน้ำที่นางส่งให้ดื่มจนหมดในคราวเดียว
“พี่ใหญ่ เหมืองเหล็กของท่านได้รับคำอนุญาตจากทางการหรือไม่? ท่านไม่ได้แอบทำใช่หรือไม่? ท่านจะทำผิดกฎหมายไม่ได้นะ” ถังหลี่ถามเขาด้วยความเป็นห่วง
แน่นอนว่าชายหนุ่มเห็นความกังวลในสายตาของน้องสาว เขารู้ดีว่าถังหลี่เป็นห่วงเขาจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันมานาน แต่ทุกครั้งที่ได้รับความห่วงใยจากนาง หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นทุกครั้ง
“เจ้ากำลังคิดเหลวไหลอะไรอยู่! แต่ความสำเร็จครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้านะถังถัง” ไป๋มู่หยางพูดเบา ๆ
“เพราะข้าหรือ?” ถังหลี่ตกใจ
ชายหนุ่มพยักหน้า ความจริงแล้วไป๋มู่หยางตั้งใจลงทุนกับเหมืองเหล็กแห่งนี้อยู่แล้ว ในอดีตนั้นสุขภาพของเขาไม่ค่อยดี ทำให้แม่เลี้ยงและน้องชายต่างมารดาเป็นคนดูแลมาตลอด กิจการสกุลไป๋มีแต่ซบเซาลงเรื่อย ๆ เหมือนอูฐที่ผอมแห้งเพียงแต่ตัวใหญ่กว่าม้า ตระกูลไป๋คือการทำงานอย่างหนักของมารดาและตาของเขา ชายหนุ่มไม่สามารถทนเห็นมันล่มไปต่อหน้าได้ เมื่อเขากลับมาแข็งแรง ไป๋มู่หยางก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูตระกูลไป๋
ตระกูลไป๋มีกิจการมากมายก็จริง แต่มีความซับซ้อนมาก ไม่มีกิจการหลักที่เฟื่องฟูจนเลี้ยงดูครอบครัวได้ เพราะพวกเขามีงานจนล้นมือทำให้ไม่สามารถทุ่มเทกับกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งได้มากนัก
นั่นคือเหตุผลที่ไป๋มู่หยางนึกถึงอุตสาหกรรมการถลุงเหล็ก เพราะว่าเหล็กเป็นแร่ที่มีมูลค่า ทว่าในขั้นตอนของการขออนุญาตจากทางการของเมืองฉินโจวนั้นยากมาก
แม้ว่าเมืองนี้จะเป็นเขตการปกครองเล็ก ๆ แต่เบื้องหลังนั้นก็มีความซับซ้อนมากมาย พ่อค้ารายใหญ่ที่นี่บางรายก็มีพื้นเพเป็นคนเมืองหลวง ในขณะที่พ่อค้ารายย่อยเองก็เกี่ยวข้องกับการปกครองท้องถิ่น เหมือนมังกรกับงูท้องถิ่นต่อสู้กัน แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้สิทธิ์ครอบครองการถลุงเหล็กนี้ไปได้
ไป๋มู่หยางติดต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เคยเป็นผล ราวกับเป็นตัวดักแด้ถูกขังไว้ในรังไหมไร้ทางออก นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มกังวลมานาน แต่เพราะน้องสาวของเขาจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา!
แต่เดิมที่เขาทำตามคำขอของนางให้พาลุงหลี่มาช่วยหลานเขยที่นี่ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าลุงหลี่กับแม่ทัพเฉาจะมีสายสัมพันธ์กันเช่นนี้ เปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดที่ดีย่อมได้ผลที่ดี แม่ทัพเฉาต้องการตอบแทนน้ำใจของไป๋มู่หยาง
เมื่อแม่ทัพหนุ่มรู้ว่าเขาต้องการอะไร จึงสนับสนุนเต็มที่
แม่ทัพเฉาเหมือนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ต่อให้จะเป็นมังกรที่แข็งแกร่งหรืออสรพิษท้องถิ่นล้วนเกรงกลัวเขา เมื่อได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพเฉา การทำเหมืองถลุงเหล็กของไป๋มู่หยางจึงเริ่มต้นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อถังหลี่ได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่พี่ชายพูด ถ้าไม่ได้ขัดต่อกฎหมายต้าโจว ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
พี่ชายของนางคือคุณชายที่อายุน้อยและสง่างาม
“พี่ใหญ่นั่นก็เป็นเพราะความใจดีของท่านที่ได้ช่วยลุงหลี่ไว้ จึงทำให้การเดินทางในครั้งนั้นได้เกิดสัมพันธภาพที่ดีขึ้น” ถังหลี่กล่าว
ไป่มู๋หยางพยักหน้า แต่ในใจเขาย่อมรู้ว่าเป็นเพราะน้องสาวคนนี้ที่ชักนำโชคชะตามาให้
ถังหลี่คือดาวนำโชคที่แท้จริง ต้องขอบคุณนาง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้
ตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับถังหลี่ชีวิตของไป๋มู่หยางก็มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา เขาจึงคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือการได้รู้จักกับนาง ไป๋มู่หยางมองไปที่ถังหลี่ด้วยแววตาอ่อนโยน
ตอนนี้ถังหลี่มาดูการสร้างเตาหลอมเหล็กที่ชาวบ้านในพื้นที่กำลังช่วยกันทำ นางเดินไปมองรอบ ๆ แต่ไม่สามารถอยู่ได้นานนักก่อนจะกลับออกไปพร้อมกับเว่ยฉิง เพราะที่ด้านนอก จางเฉียนกำลังรอพวกเขาอยู่
ก่อนจะขอตัวกลับถังหลี่บอกกับไป๋มู่หยางว่าในช่วงนี้อย่าเข้าไปที่เมืองฉินโจวเด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นถังหลี่ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี ไป๋มู่หยางกำลังสร้างโรงถลุงเหล็ก ดังนั้นเขาจึงมีหลายอย่างต้องทำในเมืองฉินโจว ถังหลี่อยากให้เขาฟังนางสักครั้ง แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะอยู่ที่นี่ตลอด ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือพาชายหนุ่มกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ยแต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นหากเมืองฉินโจวเกิดจาลจลขึ้นมาจริง ๆ โรงถลุงเหล็กของไป๋มู่หยางก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ การลงทุนของพี่ชายนางจะสูญเปล่า ถ้าดีที่สุดคือแม่ทัพเฉาสามารถเอาชนะในสงครามและป้องกันเมืองเอาไว้ได้ …ทว่า ถังหลี่เป็นเพียงคนธรรมดา นางจะทำอย่างไรดี?
เมื่อถังหลี่จากไป นางยังมีความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม
เว่ยฉิงที่กำลังแบกถังหลี่อยู่ก็รู้สึกถึงอารมณ์ของภรรยาได้
“ฮูหยิน…ตราบใดที่เรื่องยังไม่เกิด มันย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้” เว่ยฉิงกล่าว
ใช่…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ก็เหมือนกับทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บางทีนางอาจจะทำแบบนั้นได้เช่นกัน
ถ้ายังไม่ลองทำ จะรู้ได้อย่างไร?
อารมณ์ที่หนักอึ้งของถังหลี่ค่อย ๆ จางหายไป นางแนบใบหน้าไปกับแผ่นหลังของสามี
เมื่อพวกเขากลับมายังเมืองฉินโจวก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว จึงได้มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมทันที เมื่อไปถึงก็พบกับเถ้าแก่เนี้ยฮวานั่งอยู่ที่ประตู นางกำลังถือไหสุราเล็ก ๆ อยู่ในมือ ท่าทางไม่มีความสุข
หญิงสาวชำเลืองมองมาทางถังหลี่ด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย ทำเพียงทักทายถังหลี่เบา ๆ เท่านั้น เสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ในร้านมองมาที่นางด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถังหลี่เดินไปหาเสี่ยวลิ่ว คนงานของโรงเตี๊ยมทันที
“เถ้าแก่เนี้ยของเจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” ถังหลี่ถาม
“คนที่ท่านพามาเมื่อวาน เด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นน่ะหนีไปแล้วขอรับ!” เสี่ยวลิ่วพูด
“หนีไปหรือ?” ถังหลี่รู้สึกประหลาดใจ
ในตอนเช้าเขายังนอนไม่ได้สติอยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงหนีไปได้เล่า?
“ใช่ มันเลวมาก ทุบข้าจนสลบแล้วหายไปทันที” เสี่ยวเอ้อร์พูด “เถ้าแก่เนี้ยเสียใจมาก”
จู่ ๆ เด็กหนุ่มที่นางดูแลอย่างดีหนีหายไปเช่นนี้ การที่นางรู้สึกไม่ดีจึงเป็นเรื่องปกติ
ถังหลี่พบกับเด็กหนุ่มคนนี้โดยบังเอิญ ช่วยเขาเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจไม่หวังว่าจะขอสิ่งใดตอบแทน ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่รู้สึกอะไรเมื่อเขาหนีหายไป
ถังหลี่กับเว่ยฉิงขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมและขอให้เสี่ยวเอ้อร์ช่วยทำน้ำร้อนมาให้พวกเขา ทั้งสองชำระตัวก่อนจะนอนลงบนเตียง เตียงหลังนี้เป็นเตียงคู่จึงกว้างพอสำหรับสองคน พวกเขาล้มตัวลงนอนเริ่มพูดคุยกัน
“เว่ยฉิง พรุ่งนี้เราไปหาแม่ทัพเฉากันดีหรือไม่?”
“เอาสิ” เว่ยฉิงตกลง
“สามี ท่านใจดีมาก” นางหันไปมองใบหน้าเคร่งขรึมของสามี ก่อนที่ชายหนุ่มจะประคองกอดนางไว้ในอ้อมแขน