บทที่ 179 ชะตากรรมของเฉินเสี่ยวชุ่ย
เฉาจีเข้าไปนั่งพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมสักพักก่อนจะขอตัวกลับ
ในคืนนั้นเฉาจีฝัน ในความฝันตัวเขาได้โอบกอดร่างนุ่มนิ่มของฮวาเหนียงจื่อ หญิงสาวยังดูดุดันเหมือนเช่นเคย
“เจ้าไม่มีแรงหรือ? ไม่ได้กินข้าวหรือไง?”
“เจ้าลูกหมาป่า รูปร่างดีถึงเพียงนี้ให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้ามีแรงมากเพียงใด?”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็วุ่นวายในการบรรเลงบทรักท่ามกลางเสียงดุด่าจากหญิงสาว เขาโอบกอดนางไว้ทั้งคืน แม้ว่านางจะดุมากจนทำให้เขาเสียแรงที่จะปราบพยศนางมากก็ตาม แต่เขาก็มีความสุขราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็พบว่ากางเกงตนเองสกปรกเปรอะเปื้อน
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวัง ที่เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
เฉาจีลุกจากที่นอนก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปหาเถ้าแก่เนี้ยฮวาที่โรงเตี๊ยม
…
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างในเมืองฉินโจวได้รับการแก้ไขแล้ว ดังนั้นเว่ยฉิงและถังหลี่ควรกลับบ้านเสียที รถม้าแล่นมาจอดที่หน้าโรงเตี๊ยม ในขณะที่ถังหลี่กำลังบอกลาเถ้าแก่เนี้ยฮวา
“เสี่ยวถังถัง หากเจ้ามีเวลามาหาข้าที่ฉินโจวอีกนะ อย่าลืมพาพี่ชายมาด้วยล่ะ” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดอย่างเขินอาย
“ใครคือพี่ชายเจ้าหรือ?” เฉาจีถามอย่างไม่ไว้ใจ ใคร? มาจากที่ใด?
“เจ้ามีธุระอะไร” เถ้าแก่เนี้ยฮวาเหลือบมองไปที่เขา
ทั้งสองก็เริ่มมีปากเสียงกันอีกครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยฮวาเป็นคนพูดเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่เฉาจีได้แต่ฟังไม่โต้เถียงอะไร
ถังหลี่อมยิ้มก่อนจะขึ้นรถม้าไปกับเว่ยฉิง เพื่อเดินทางกลับเมืองเหยาสุ่ย
ในการเดินทางครั้งนี้พวกเขาจากเมืองมาห้าหรือหกวัน ทำให้ถังหลี่คิดถึงลูกทั้งสองคนมาก และเด็ก ๆ ก็คิดถึงมารดาเช่นกัน
ทันทีที่พวกเขาเข้าประตูบ้านไป เด็กทั้งสองวิ่งเข้ามาหาทันที ถังหลี่กอดซานเป่าไว้ในอ้อมแขน
“เจ้าผอมลงหรือ?”
ใบหน้าของเด็กน้อยพองลมขึ้น นางถูไถใบหน้าไปกับแก้มของถังหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู
“ข้าคิดถึงท่านแม่”
ถังหลี่บีบจมูกของนางเบา ๆ “พรุ่งนี้แม่จะอยู่กับพวกเจ้าทั้งวันเลยดีหรือไม่?
ซานเป่ามีประกายวาววับในดวงตา นางกอดถังหลี่ไว้แน่น
“ท่านแม่พูดจริงหรือ?”
“แน่นอนสิ”
“สัญญา!”
“สัญญา!”
นิ้วก้อยทั้งสองเกี่ยวรัดกัน ก่อนที่นิ้วโป้งจะประทับลงไปเป็นอันเสร็จพิธี
ถังหลี่กับเว่ยฉิงเหนื่อยจากการเดินทางมาก เด็กทั้งสองคนรู้ว่าพ่อแม่ทำงานมาหนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวนทั้งสองอีกต่อไป รีบวิ่งกลับห้องของตัวเองไปเสีย หญิงสาวกับเว่ยฉิงอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเข้านอน ถังหลี่ที่เหนื่อยมากทั้งวันผล็อยหลับไปทันที
วันถัดมา
วันนี้ถังหลี่ตื่นสาย ขนาดพระอาทิตย์ขึ้นแล้วนางก็ยังคงหลับสนิท
เว่ยฉิงพาลูก ๆ ไปเล่นในสนามบ้าน ตอนนี้ชายหนุ่มราวกับราชาของเด็ก ๆ ตอนที่เขาเล่นกับลูก ๆ เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก
ถังหลี่ไปเป่าชิงเก๋อเมื่อตื่นขึ้น
เจิ้งติ่งนั้นสามารถจัดการดูแลเป่าชิงเก๋อได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ถังหลี่จึงได้กลับไป ในขณะที่กำลังเดินอยู่ ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงวุ่นวาย หญิงสาวมองไปยังต้นเสียงก็เห็นผู้คนพูดคุยชี้ไม้ชี้มือกัน
“หัวขโมยไร้ยางอายจริง ๆ”
“ร่วมมือกับชายชู้ฆ่าสามีได้อย่างไร ไร้ยางอาย สารเลว!”
“ใช่ หากสาวใช้ของนางไม่มีจิตสำนึกเอาเรื่องนี้ไปบอกนายท่านสามไป๋ เขาคงถูกวางยาพิษจนตายแล้ว”
นายท่านสามไป๋?
เมื่อถังหลี่ได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนางก็ฝ่าตัวเข้าไปกลางวงล้อมก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกจับเปลื้องผ้าขังไว้อยู่ในกรง นางนั่งกอดเข่าแน่นพยายามซ่อนความอับอาย ใบหน้าของนางฝังที่แขนของตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะปกปิดเพียงใดก็ยังเห็นได้ชัด
สายตาของเหล่าสตรีรอบ ๆ เต็มไปด้วยความรังเกียจ ในขณะที่สายตาของผู้ชายทั้งหลายนั้นมีความหยาบโลน
“ท่านพี่! จะมองจนตาหลุดเลยไหม กลับบ้านกับข้า!”
“อย่า…อย่าดึงหูข้า ไว้หน้าข้าบ้างสิ!”
ผู้ชายที่ภรรยามาด้วยก็ถูกลากตัวออกไป
ถังหลี่เพ่งมองไปที่อีกฝ่ายเมื่อเห็นผิวที่ขาวเนียนของนางก็จำได้ทันที
เป็นเฉินเสี่ยวชุ่ยจริง ๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างถังหลี่และเฉินเสี่ยวชุ่ยไม่ค่อยดีนัก หญิงสาวตกหลุมรักเว่ยฉิง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่พอใจเขา หลังจากที่ถังหลี่เป็นภรรยาของเว่ยฉิง เสี่ยวชุ่ยก็อิจฉานาง
ถังหลี่ไม่ชอบสตรีเช่นนี้เอามาก ๆ
หลังจากที่รู้ว่านายท่านไป๋ซานเป็นเพียงชายแก่ ถังหลี่ก็เตือนนางว่าถูกหลอกให้แต่งงาน แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยอมแต่งงานเพื่อรักษาหน้าตาตัวเองไว้ นางภูมิใจกับการแต่งงานในครั้งนี้จนถึงกับโอ้อวดผู้คนทั่วไป
สำหรับถังหลี่แล้ว สตรีผู้นี้ดูโง่งมมาก นางเป็นคนหัวสูง หยิ่งผยอง มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อเฉินเสี่ยวชุ่ยแต่งงานกับนายท่านไป๋ซาน นางก็เหมือนกับนกน้อยในกรง คนลื่นไหลอย่างไป๋ซานไม่มีทางที่เฉินเสี่ยวชุ่ยจะเอาเขาอยู่ได้
แม้แต่จะวางยาพิษ คนที่โดนจับก็ยังเป็นนาง ตอนนี้เฉินเสี่ยวชุ่ยถูกเปลื้องผ้าอยู่ในกรง ต้องทนทุกข์ทรมาน ยุคนี้การลงโทษเช่นนี้น่าอดสูเสียยิ่งกว่าโทษประหารเสียอีก
แต่ถังหลี่ไม่เห็นใจนางเพราะนี่คือเส้นทางที่นางได้เลือกเอง
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินหยางน้องชายของนางมุ่งร้ายกับต้าเป่าอีกด้วย
นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์มาจากไหน… เมื่อเห็นสภาพของเฉินเสี่ยวชุ่ยน่าสมเพช ถังหลี่ก็ยังไม่ลืมเรื่องราวในอดีตที่อีกฝ่ายเคยทำไว้ได้ นางแค้นฝังใจ
ถังหลี่มองด้วยสายตาเย็นชา
“เถ้าแก่เนี้ยถัง อย่าดูเลย มีแต่จะทำให้ลูกตาท่านสกปรก” มีชาวบ้านพูดขึ้นมา
ถังหลี่พยักหน้าก่อนจะหันหลังจากไป
ในขณะนั้นเองสตรีที่อยู่ในกรงขังก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของถังหลี่ ดวงตาของเฉินเสี่ยวชุ่ยแดงก่ำ
ย้อนกลับไปในตอนที่นางได้แต่งงานกับนายท่านสามไป๋ ตอนนั้นถังหลี่ดูแลสามีง่อยพิการอย่างเว่ยฉิง เฉินเสี่ยวชุ่ยมั่นใจแล้วว่า
ตอนนั้นถังหลี่กับนางมันคนละชั้นกัน!
ใครจะคิดว่าอีกสองปีต่อมาขาของเว่ยฉิงจะหายเป็นปกติ ชีวิตของเว่ยฉิงและถังหลี่สงบสุขและสวยงาม แต่เฉินเสี่ยวชุ่ยต้องมารตกอยู่ในสภาพนี้!
ไป๋ซานไม่ใช่มนุษย์!
การทรมานทุกรูปแบบทำให้นางตายเสียดีกว่าอยู่ อีกทั้งเขายังมีผู้หญิงใหม่ ๆ รอบตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน
ไป๋ซานมีผู้หญิงอื่นได้ นางก็มีบุรุษอื่นได้เช่นกัน!”
เฉินเสี่ยวชุ่ยพบกับบุรุษที่ชอบพอ เขาต้องการช่วยนางสังหารนายท่านสามไป๋ หลังจากนั้นทรัพย์สินทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของนางแต่ผู้เดียว
เฉินเสี่ยวฉุ่ยไม่คิดมาก่อนเลยว่า สาวใช้ที่นางไว้ใจมากที่สุดจะเอาเรื่องของนางไปบอกกับนายท่านสามไป๋เกี่ยวกับแผนทุกอย่างที่นางได้วางเอาไว้
…..
นางถูกไป๋ซานจับมาทำให้อับอายถึงเพียงนี้ ผู้ชายที่นางหวังพึ่งพาก็หายตัวไปในทันทีที่รู้ข่าว
ตอนนี้เฉินเสียวชุ่ยเสียใจจริง ๆ
หากในตอนนั้นเว่ยฉิงปฏิเสธที่จะทิ้งลูกทั้งสามคน นางก็ยังสมควรที่จะแต่งงานกับเขา ถังหลี่คือคนที่ขโมยชีวิตของนางไป!
ตั้งแต่ที่ได้พบกับถังหลี่ ชีวิตของเฉินเสี่ยวชุ่ยก็ทุกข์มากขึ้น
ถังหลี่คือตัวซวยของนาง!
“ถังหลี่ข้าเกลียดเจ้า ทั้งหมดมันคือความผิดของเจ้า!”
“ถ้าข้าตายข้าจะเป็นผีมาหักคอเจ้า”
เฉินเสี่ยวชุ่ยพึมพำ ความเกลียดชังในน้ำเสียงราวกับเคลือบไว้ด้วยยาพิษ
นายท่านสามไป๋ไม่มีทางปล่อยเฉินเสี่ยวชุ่ยไปได้ง่าย ๆ การเปลื้องผ้านางบนถนนนั้นเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เขาเอานางกลับบ้านไปทรมานด้วยรูปแบบต่าง ๆ อย่างโหดร้าย
นางถูกทุบตีด่าทอ และขังไว้ที่คอกม้าที่มีสภาพแย่มาก
เฉินเสี่ยวชุ่ยกลายเป็นบ้าเสียสติไป วันหนึ่งนางแทงเข้าที่หัวใจของไป๋ซานด้วยปิ่นสีเงินที่แอบซ่อนเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะเสียชีวิตไปพร้อมกัน
เฉินเสี่ยวชุ่ยคือสตรีที่มีพิษ ส่วนไป๋ซานก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ไม่มีชาวบ้านคนใดเห็นอกเห็นใจยามที่ทั้งสองตายจากไปเลย เรื่องราวจึงได้กลายเป็นที่โจษจันหลังอาหารเย็นอย่างสนุกสนานไปเท่านั้นเอง