บทที่ 186 พ่อจะไปกับเจ้า
ฮูหยินมู่มองดูถังหลี่ที่เร่งรีบมาหานาง
“เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้ ข้าไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย
“พี่หลัน ท่านได้เรื่องเกี่ยวกับสกุลฟางหรือไม่?” ถังหลี่ถาม
“ถ้าไม่ใช่เรื่องของสกุลฟางเจ้าจึงไม่รีบร้อนมาพบข้าหรือ ข้าเสียใจนะ” ฮูหยินมู่ทำท่าเศร้าสร้อย
ถังหลี่รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“พี่สาว เพราะเรื่องของสกุลฟางเกี่ยวข้องกับเอ้อร์เป่า ข้าจึงกังวลมาก”
ฮูหยินมู่แค่แกล้งนางเท่านั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้อนใจจริง ๆ นางจึงหัวเราะ
“ข้าไปสืบเรื่องของพวกเขามาแล้ว นั่งลงก่อนค่อยคุย”
ถังหลี่นั่งลงตรงข้ามกับฮูหยินมู่ ส่วนเว่ยฉิงอุ้มซานเป่านั่งลงข้างภรรยา
“กิจการของสกุลฟางนั้นค่อนข้างใหญ่ พวกเขาเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่ขายข้าวและธัญพืชหลายแห่งในเมืองฉินโจว ตระกูลฟางทำการค้าอย่างตรงไปตรงมา เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีภัยแล้ง สกุลฟางได้บริจาคอาหารจำนวนมาก ฟางเจี๋ยเป็นบุตรชายคนโตของสกุลฟาง เขาเสียลูกชายไปเมื่อหลายปีก่อน และกำลังตามหาเขาอยู่”
“ตอนนี้สกุลฟางอยู่ในความดูแลของนายท่านฟาง ซึ่งเป็นบิดาของฟางเจี๋ย ฟางเจี๋ยมีน้องชายคนหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก” ฮูหยินมู่กล่าว
“ฟางเจี๋ยมีบุตรคนอื่นอีกหรือไม่?” ถังหลี่ถาม
“เขามีลูกสาวอายุมากกว่าเอ้อร์เป่าสองคน” ฮูหยินมู่กล่าว “พี่ชายของข้าติดต่อซื้อขายกับฟางเจี๋ย บอกว่าเขามีนิสัยไม่เลวเลย พี่สะใภ้ของข้าก็พบกับนางถังสองสามครั้ง แม้ไม่ค่อยสนิทสนม แต่นางถังเป็นคนมีกิริยามารยาทดี ปฏิบัติต่อลูกสาวทั้งสองดีมาก อีกอย่างหนึ่งคือ ลูกสาวของห้องรองกับเอ้อร์เป่าเกิดวันเดียวกัน ”
สถานการณ์ของบ้านตระกูลฟางจัดได้ว่าไม่เลวเลย
ท่าทางของครอบครัวสกุลฟางก็ซื่อตรง นางถังก็อ่อนโยนไม่จู้จี้จุกจิก เดิมทีถังหลี่คิดว่าหากสกุลถังนั้นไม่ดี นางก็มีเหตุผลที่จะไม่คืนเอ้อร์เป่าให้พวกเขา
แต่ข้ออ้างนี้หายไปแล้ว
ต้องดูว่าเอ้อร์เป่าจะคิดเช่นไร
ทั้งสามคนออกจากจวนสกุลมู่ไปสำนักศึกษาเพื่อรับเอ้อร์เป่ากลับบ้าน
เป็นเพราะต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยคอยดูแลเด็กชาย เอ้อร์เป่าจึงค่อนข้างปรับตัวให้เข้ากับสำนักศึกษาได้อย่างรวดเร็ว ถึงการเรียนในทุกวันจะน่าเบื่อเพราะสิ่งที่อาจารย์พูดนั้นไม่น่าสนใจ แต่เอ้อร์เป่าก็จะพยายามเป็นจอมยุทธ์ผู้มีความรู้ต่อไป
ฟางเจี๋ยเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่ง เขามีงานหลายอย่างต้องทำที่เมืองฉินโจว ตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองเหยาสุ่ยมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ต่อได้ เขาจึงเดินทางกลับไปยังเมืองฉินโจว ทันทีที่ฟางเจี๋ยและนางถังกลับไป ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในตอนนี้ก็ไม่มีใครมาพาเอ้อร์เป่าไปจากนางได้แล้ว
….
วันถัดมา
เว่ยฉิงเดินทางไปยังมณฑลเหอตงเพื่อหาทำเลในการทำเงิน
ถังหลี่และซานเป่าส่งเอ้อร์เป่าที่สำนักศึกษา จากนั้นจึงไปที่ตลาด ถังหลี่ซื้อของบางอย่างก่อนจะไปหาเว่ยเสี่ยวเถา เมื่อถังหลี่มาถึงเว่ยเสี่ยวเถาก็กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัว ถังหลี่ได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยมาจากด้านใน
“พี่สาว” ถังหลี่เรียก
เมื่อเว่ยเสี่ยวเถาได้ยินเสียงเรียก นางหันกลับมามองและรีบเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
“น้องสะใภ้!”
ในตอนนี้เว่ยเสี่ยวเถามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวพรรณของนางดีขึ้นกว่าเดิมมาก หลังจากที่ออกจากบ้านสกุลขงก็ดูเหมือนว่านางได้รับชีวิตใหม่ หญิงสาวที่เคยทำงานอย่างไร้วิญญาณ ตอนนี้นางมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ชีวิตของเว่ยเสี่ยวเถาก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง
“มานี่ ๆ เอาของอะไรมามากมาย ไปนั่งในห้องก่อน” เว่ยเสี่ยวเถาพูดอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินไปรินน้ำชาให้แก่ถังหลี่
“จ้าวตี้ ไปหาอะไรมาให้ซานเป่ากินหน่อยลูก” เว่ยเสี่ยวเถาพูดขึ้น
จ้าวตี้รื้อขนมที่เก็บไว้ออกมา นางหยิบขนมที่มีราคาออกมาหลายถุง มารดาของนางซื้อให้ต้าเป่า เอ้อร์เป่า และซานเป่า โดยที่นางกับเนียนตี้ไม่ได้กินมันเลย
จ้าวตี้หยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่งส่งให้กับซานเป่า
เด็กหญิงยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปรับขนม “ขอบคุณพี่สาว”
ซานเป่าวางขนมไว้บนตักตัวเอง ก่อนจะเปิดกระดาษห่อหยิบขนมด้านในออกมาชิ้นหนึ่งยื่นให้กับจ้าวตี้ “พี่สาวกินด้วยกัน”
เจ้าตัวเล็กนี่น่ารัก!
จ้าวตี้รับมันมาก่อนจะลูบหัวนางเบา ๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ
“ท่านพี่กำลังทำอะไรหรือ” ถังหลี่ถาม
“ข้ากำลังเรียนรู้การทำเซาปิ่งน่ะ” เว่ยเสี่ยวเถากล่าว
ตอนนี้ขาของนางไม่สามารถเดินเหินได้อย่างสะดวกอีกแล้ว เว่ยเสี่ยวเถาจึงรับงานประดิษฐ์จากโรงงานที่สามารถทำได้ที่บ้าน แม้งานพวกนั้นจะเพียงพอในการดำรงชีวิตของพวกนางทั้งสามคนแต่ก็ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อนัก แน่นอนว่าเว่ยเสี่ยวเถาต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม นางได้รุู้จักกับหยุนเหนียงผ่านถังหลี่
หยุนเหนียงนั้นทำเซาปิ่งอร่อยมากและยินดีที่จะสอนสูตรแก่เว่ยเสี่ยวเถา นางพยายามเก็บหอมรอบริบจนได้เงินมาซื้ออุปกรณ์สำหรับทำเซาปิ่ง ตอนนี้นางพยายามที่จะหัดทำอยู่
เว่ยเสี่ยวเถาเล่าถึงแผนของนางให้ถังหลี่ฟัง
“หากข้ามีรายได้มากขึ้น เด็กสองคนนี้ก็จะมีชีวิตดีขึ้น” เว่ยเสี่ยวเถาชำเลืองมองไปยังจ้าวตี้
“ใช่แล้วพี่สาว ทำกิจการแบบนี้หาเงินได้มากกว่าการทำงานประดิษฐ์มากนัก” ถังหลี่กล่าว
“จริง ข้าก็คิดเช่นนั้น พี่หยุนเหนียงหาเงินได้หลายร้อยอีแปะต่อวัน แผงลอยของข้าอยู่ไกลจากนาง ข้าไม่ได้ต้องการเงินถึงสองสามร้อยอีแปะหรอก แค่ได้หนึ่งร้อยอีแปะต่อวันข้าก็พอใจแล้ว” หนึ่งวันหนึ่งร้อยอีแปะ หรือสามตำลึงต่อเดือน เมื่อเว่ยเสี่ยวเถาคำนวนก็มีแรงจูงใจเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้ว! พี่สาว ถ้าท่านเริ่มขายเมื่อใดข้าจะไปอุดหนุนแน่นอน!” ถังหลี่กล่าว
“เจ้าต้องมาให้ได้นะ!”
ถังหลี่อยู่ที่บ้านของเว่ยเสี่ยวเถาครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปที่บ้านของหลู่ชิง อาชิงไม่ได้อยู่ที่บ้านมีแต่เพียงมารดาของนางเท่านั้น หญิงสาวพูดคุยกับฮูหยินหลู่อยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับบ้านไปพร้อมกับซานเป่า
……
หลังจากที่ฟางเจี๋ยและนางถังจากไป ถังหลี่ก็ใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้สองถึงสามวัน แต่ไม่กี่วันต่อมาฟางเจี๋ยก็มาที่บ้านสกุลเว่ยอย่างกระทันหัน ตอนนั้นเป็นยามที่ฟ้ามืดแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เว่ยฉิงรีบไปเปิดทันที เห็นฟางเจี๋ยที่มีใบหน้าตื่นตระหนกยืนอยู่หน้าประตู
เว่ยฉิงหลีกทางให้ชายหนุ่มก่อนจะให้เขาเข้ามาในบ้าน
ป้าจ้าวรินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่ง เขารับไว้ก่อนจะดื่มมันหมดภายในอึกเดียว
“นายท่านฟางเกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนั้น?”
“เว่ยฉิง…น้องชายน้องสาว เรื่องนี้มันเร่งด่วนมาก อาการป่วยของพ่อข้าแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้เขารู้สึกไม่ดี เขาต้องการจะเจอเหยียนเอ๋อร์ ดังนั้นข้าจึงอยากจะพาเขากลับไปเยี่ยมปู่ให้เขาเจอหน้ากัน”
“ข้าขอร้องล่ะ ข้าจำเป็นมากจริง ๆ จะให้ข้าคุกเข่าขอร้องเจ้าก็ได้”
ฟางเจี๋ยขอร้อง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังหลี่ตกใจมาก นางอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเว่ยฉิง ชายหนุ่มรีบเรียกเอ้อร์เป่าทันที
“เอ้อร์เป่า เจ้าได้ยินเรื่องที่พูดแล้วใช่ไหม เจ้าอยากไปหรือไม่?”
เอ้อร์เป่าเม้มริมฝีปากของตัวเอง เด็กชายมองไปทางเว่ยฉิงและฟางเจี๋ยหลังจากนั้นจึงพยักหน้า เด็กชายดึงแขนเสื้อของเว่ยฉิงไว้แน่น
อาจารย์บอกว่าความกตัญญูนั้นเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ ส่วนท่านแม่ก็บอกว่าเราควรประพฤติตนอย่างมีเกียรติ แม้ว่าเด็กชายจะไม่อยากไป แต่เขาก็ไม่สามารถละเลยได้ ชายชราผู้นั้นเป็นท่านปู่ของเขา เขาสมควรไปพบท่านสักครั้ง
อย่างไรก็ตามเอ้อร์เป่ากำลังกลัว
เขาไม่อยากจากบ้านไป เขาไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนั้น
“ตกลง พ่อจะไปกับเจ้า” เว่ยฉิงพูด
ท่านพ่อจะไปกับเขาหรือ
เอ้อร์เป่าเงยหน้าขึ้นไปมองเว่ยฉิงด้วยดวงตาเปล่งประกาย