บทที่ 191 เอ้อร์เป่าหายไป
หลังจากฟางจวิ่นปลอบโยนคนอายุมากกว่าแล้ว เขาก็ผละไปปลอบโยนเด็กน้อยอีกครั้ง ฟางฉุนสะอื้นร่ำไห้
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อตกอยู่ในสายตาของบิดา นางจึงจำเป็นต้องขอโทษมารดาของนาง
นางไช่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเด็กคนนี้ก็เป็นเลือดเนื้อที่ออกมาจากร่างกายของนาง นางไม่ได้เกลียดบุตรสาวแต่นางไช่เกลียดนางถังมาก สตรีคนนี้เป็นคนน่ารำคาญจริง ๆ เหตุใดจึงชอบมาวุ่นวายกับครอบครัวนาง ตัวเองมีทั้งบุตรีสองคนและบุตรชายหนึ่งคนบนตักแล้ว ยังมีเวลามาวุ่นวายกับบุตรสาวของผู้อื่นอีกหรือ!
“ท่านพี่ หลานเป็นอย่างไรบ้างหรือ” นางไช่ถาม
นางไช่รู้สึกว่า หลานชายของพวกเขาคนนี้ไม่ชอบนางถังเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้นางไช่รู้สึกดีขึ้น ฟางจวิ่นเล่าถึงบทสนทนาของเขากับเอ้อร์เป่า
“ท่านพี่ นี่ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ? อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดาบุญธรรมของเด็ก การที่เขาโดนไล่ออกไปเช่นนี้ เอ้อร์เป่าก็ย่อมต้องคิดถึงพ่อบุญธรรมของเขา ทำเช่นนี้เด็กจะไม่เกลียดพี่ชายหรอกหรือ?” ฟางจวิ่นรู้สึกไม่ดี
“พี่ชายของท่านก็เป็นเช่นนี้ ถึงจะเป็นพี่น้องกันก็ตามที ท่านจำได้หรือไม่ว่าแต่ก่อนเขาทำกับท่านเช่นไร” นางไช่พึมพำ
ในตอนแรกนายท่านฟางได้แบ่งทรัพย์สินในตระกูลให้กับทายาทที่คู่ควรที่สุด ระหว่างบุตรชายทั้งสองคน เดิมทีเขาตั้งใจจะทดสอบว่าใครมีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตระกูลฟาง ฟางเจี๋ยนั้นไม่ได้มีความสามารถเท่ากับฟางจวิ่น สุดท้ายแล้วเขาก็ใช้กลอุบายสกปรกเพื่อเอาชนะน้องชาย
นางไช่จำเรื่องนี้ได้อย่างดี
“ตอนนี้ท่านพ่ออ่อนแอมาก เขาย่อมพาหลานเข้าไปเป็นเครื่องมือเพื่อให้ท่านพ่อเอียงเอนไปกับเขา ฉลาดเสียจริง ท่านไม่ทันเขาหรอก!” นางไช่ตะคอกสามีอย่างหงุดหงิด
“พอแล้ว พอ! เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”
“ตระกูลฟางจะถูกคนอื่นตะครุบไปแล้ว”
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของข้า..?”
นางไช่กรอกตาใส่สามีราวกับว่าไม่ต้องการคุยเรื่องนี้อีกต่อไป
“เอ้อร์เป่าอยากพบพ่อแม่บุญธรรม เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?” ฟางจวิ่นกล่าว
เขาอยากหาคำตอบให้เรื่องนี้
“ข้าคิดว่าท่านพี่อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เลย หากพาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวเกรงว่าเขาจะคิดว่าท่านมุ่งร้ายกับเขา” นางไช่กล่าว
ฟางเจี๋ยต้องการเก็บเด็กคนนี้ไว้เพื่อช่วงชิงมรดกทั้งหมดของครอบครัว ทั้ง ๆ ที่สามีของนางก็มีสิทธิ์นั้นเช่นเดียวกัน แต่ฟางเจี๋ยกลับไม่คิดเช่นนั้น ฟางจวิ่นเองก็รู้เรื่องนี้ดีแต่เมื่อนึกถึงแววตาที่น่าสงสารของเด็กชาย เขาก็รู้สึกผิด สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจจะลองเกลี้ยกล่อมพี่ชายดู ฟางจวิ่นจึงเดินไปหาฟางเจี๋ยทันที
“ท่านพี่ ข้ากำลังคิดว่าเหยียนเอ๋อร์คิดถึงพ่อบุญธรรมของเขานะ ท่านควรให้พวกเขาได้พบกันบ้าง? ฟางจวิ่นกล่าว
“ไม่ พ่อบุญธรรมของเขาทั้งหยาบคายแล้วก็ดุร้าย ถ้าข้าได้เจอเขาอีกครั้ง ข้าไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่!” ดวงตาของฟางเจี๋ยยังคงบวมปูด เขาไม่พอใจมากเมื่อเว่ยฉิงซัดหมัดใส่เขา
“เขาก้าวร้าวมาก ปล่อยไว้ไม่ได้หรอกวุ่นวายไปหมด”
“แต่การห้ามเกินไปใช่ว่าจะมีผลดี แม้ว่าเหยียนเอ๋อร์จะเป็นเด็กแต่เขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ท่านพี่ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“เขาเป็นแค่เด็กจะพลิกคว่ำผืนฟ้าได้หรือ? ข้าเป็นบิดาเขา ข้าดูแลเขาได้ดีกว่าอยู่แล้ว!”
ฟางจวิ่นเห็นว่าพี่ชายของเขานั้นหัวดื้อมากคงเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้เป็นแน่ เขาจึงยอมแพ้ในที่สุด
……
ตระกูลฟางนั้นมีกำลังคนมากทำให้เว่ยฉิงไม่สามารถที่จะเอาชนะได้ ชายหนุ่มถูกไล่ออกจากจวนสกุลฟางทันที
แต่เขายังไม่ได้กลับไปยังเมืองเหยาสุ่ย
เขาจะอธิบายกับภรรยาอย่างไรหากกลับไปแบบนี้
ตอนที่เขามาที่นี่ เขามากับเอ้อร์เป่า แต่ยามกลับบ้านไปมีเพียงเขาแต่ผู้เดียว?
เว่ยฉิงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่ไม่ไกลจากจวนสกุลฟางมากนัก ชายหนุ่มลอบแอบมองไปรอบ ๆ จวนอยู่บ่อยครั้ง ในยามที่เข้าไปด้อม ๆ มอง ๆ บ่าวรับใช้ของจวนก็มองเขาอย่างระแวดระวัง
เว่ยฉิงโกรธมาก เขาเป็นห่วงเอ้อร์เป่า เพราะไม่รู้สถานการณ์ในจวนตระกูลฟางเลย ในนั้นมีบ่าวรับใช้มากเกินไป
พวกเขามีจำนวนประมาณสี่สิบหรือห้าสิบคนได้ ยากเกินกว่าที่เขาจะฝ่าเข้าไป
เว่ยฉิงเดินไปรอบ ๆ จวนครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจได้ เขาเพียงแค่ต้องใช้ประโยชน์จากความมืดแอบเข้าไปในจวนและขโมยตัวเอ้อร์เป่าออกมา!
เว่ยฉิงหันหลังกลับโรงเตี๊ยมทันที
แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้หรือ ตอนนี้ที่จวนสกุลฟางมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจเกิดขึ้น นั่นคือหลานชายคนโตของสกุลฟางหายตัวไปแล้ว!
ทันทีที่นายท่านฟางตื่นขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังเรียกหาหลานชายก็พบว่าเด็กชายหายตัวไป คนทั้งตระกูลฟางตื่นตระหนกมาก
ฟางเจี๋ยรีบเรียกบ่าวรับใช้มา
“ข้าบอกให้เจ้าไปตามเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เหยียนเอ๋อร์อยู่ไหน?”
“นายท่านขอรับ ช่วงที่ข้ากำลังพักผ่อนนายน้อยหายตัวไปขอรับ!”
“ค้นให้ทั่ว! หาตัวเขาให้เจอ!” ฟางเจี๋ยพูดเสียงดัง
จวนสกุลฟางมีผู้คุ้มกัน เขาสั่งเอาไว้ว่าห้ามให้เหยียนเอ๋อร์ออกไป อย่างไรเสียเด็กชายย่อมยังคงอยู่ในจวน ฟางเจี๋ยเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายใจ
“ท่านพี่ไม่ต้องกังวลหรอก อีกไม่นานต้องพบเหยียนเอ๋อร์แน่” นางถังพูด ก่อนที่นางจะได้รับสายตาที่หงุดหงิดจากสามี
“เจ้าไม่ร้อนอกร้อนใจ จนข้าสงสัยว่าเหยียนเอ๋อร์เป็นลูกของเจ้าหรือไม่!”
สีหน้าของนางถังชะงักงันไปครู่หนึ่ง ในไม่ช้าน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา
“ท่านพี่ ใช่ว่าข้าไม่ร้อนใจ แต่เกรงว่าหากข้าร้อนใจไปมากท่านย่อมร้อนใจเช่นกัน ข้าทำเพียงแค่อดทนไว้เท่านั้น”
ฟางเจี๋ยเริ่มใจอ่อนเมื่อเห็นภรรยาร้องไห้
“อืม ข้าคงใจร้อนเกินไป เลยพูดอะไรไม่คิด เจ้าอย่าเสียใจเลย”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามบ่าวรับใช้ก็ค้นหาทั่วจวนสกุลฟางทั้งหมด ก่อนจะวิ่งมาหาฟางเจี๋ยอย่างรีบร้อน
ฟางเจี๋ยเรียกบ่าวรับใช้ของเหยียนเอ๋อร์มาพบ
“สถานที่สุดท้ายที่เจ้าเห็นเหยียนเอ๋อร์คือที่ไหนหรือ?” ฟางเจี๋ยถาม
บ่าวรับใช้พาฟางเจี๋ยไปที่นั่น
ชายหนุ่มเรียกบ่าวรับใช้สองคนมา และเริ่มค้นหาในบริเวณที่ใกล้เคียงกับแถวนั้น และในไม่ช้าเขาก็พบเข้ากับโพรงสุนัขลอด!
เป็นทางลอดของสุนัขที่มีขนาดเล็กมากจนผู้ใหญ่ไม่สามารถลอดผ่านได้ แต่สำหรับเด็กอายุหกเจ็บขวบนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เมื่อคิดแบบนี้แสดงว่าเหยียนเอ๋อร์ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาแน่นอน เขาไม่รู้ว่าเด็กชายวางแผนเอาไว้ในใจมานานแค่ไหนแล้ว ก่อนจะฉวยโอกาสหนีไป!
“เหยียนเอ๋อร์…เจ้าอยู่ไหนกันแน่” ฟางเจี๋ยเดินวนไปมาหน้าทางลอดสุนัข
“พ่อบ้าน!” ฟางเจี๋ยเรียก
“ขอรับนายท่าน!” พ่อบ้านรีบขานรับทันที
“หากท่านพ่อตื่นแล้วถามหาเหยียนเอ๋อร์ ให้บอกท่านว่าเหยียนเอ๋อร์กำลังเรียนหนังสืออยู่กับข้า” ฟางเจี๋ยสั่ง หัวหน้าบ่าวรับใช้พยักหน้ารับทันที
“ท่านพี่ แบบนี้ท่านพ่อจะต้องสงสัยแน่นอน” ฟางจวิ่นกล่าว
“สุขภาพของท่านพ่อย่ำแย่มาก ท่านไม่มีทางรู้หรอก”
เหตุใดเหยียนเอ๋อร์จึงหนีไปแบบนี้ สาเหตุคงไม่ต้องเดาให้ยากมากมายนัก
หากพี่ชายของฟางจวิ่นให้เด็กชายได้พบกับพ่อบุญธรรมของเขาบ้าง เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะพูดออกมาได้
พี่ชายของเขาผู้นี้เป็นคนดื้อรั้น ต่อให้มีเหตุผลเพียงใดเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของตนเอง
เขาเชื่อว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ย่อมเป็นความผิดของผู้อื่น
นี่คือเรื่องจริง…
“ข้ารู้ว่าเขาจะไปไหน? เว่ยฉิงคงไม่ยอมแพ้ เขาคงพยายามล่อลวงให้เหยียนเอ๋อร์หนีออกไปแน่นอน” ฟางเจี๋ยกล่าว
เมื่อฟางเจี๋ยสอบถามบ่าวที่เฝ้าหน้าจวนก็รู้ว่า เว่ยฉิงนั้นเทียวมาที่จวนทุกวันในยามเช้า เห็นได้ชัดว่าเขายังคงอยู่ที่เมืองฉินโจว
ที่เหยียนเอ๋อร์หนีไปแบบนี้ต้องเกี่ยวกับเขาด้วยอย่างแน่นอน!
ฟางเจี๋ยลูบคลำบาดแผลที่อยู่บนใบหน้าของตนด้วยความโกรธ
“ไปตามหาตามโรงเตี๊ยม หาให้เจอว่าเขาอยู่ที่ไหน!”
“ขอรับนายท่าน!”
บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินออกไปตามท้องถนนเพื่อสอบถามโรงเตี๊ยมแต่ละแห่ง