บทที่ 194 ถังหลี่เกลียดผู้คน
ถังหลี่พาซานเป่ากลับมาที่โรงเตี๊ยม
หลังจากที่วิ่งและเดินไปมานางก็รู้สึกเจ็บเอวและหลังเป็นอย่างมาก นางรู้สึกเหนื่อยจึงรีบพาบุตรสาวอาบน้ำแล้วเข้านอน สองแม่ลูกหลับสนิททันที ในครึ่งคืนแรกนั้นถังหลี่หลับสนิทดี แต่เมื่อใกล้รุ่งสาง นางก็ฝันร้ายอีกครั้ง
ถังหลี่ฝันว่ามีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในห้องของเว่ยฉิง พวกเขาค้นพบข้าวของมากมายจากห้องของชายหนุ่ม เว่ยฉิงถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยและถูกพาตัวส่งทางการ เจ้าหน้าที่เร่งสอบคดีนี้โดยเร็ว ไม่เพียงแต่คำกล่าวหาเท่านั้น ยังมีหลักฐานแน่นหนาอีกด้วย ดังนั้นเว่ยฉิงจึงถูกตัดสินทันทีว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์
จากนั้นเขาจึงถูกตัดสินให้หักขาและใช้แรงงานหนัก
ถังหลี่ตื่นจากฝันร้าย
นางหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง ฝันร้ายนี้คือลางบอกเหตุ ตอนนี้สามีของนางกำลังตกอยู่ในอันตราย! ถังหลี่นอนไม่หลับอีกต่อไป ตอนนี้หญิงสาวต้องการหาตัวเว่ยฉิงอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะที่เกิดขึ้น
ซานเป่าอยู่ในอ้อมแขนของนาง เด็กหญิงหลับสนิท
ถังหลี่ลุกขึ้นจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะปลุกซานเป่าขึ้นมา
“ท่านแม่ เช้าแล้วหรือ? ขอนอนต่ออีกหน่อยได้ไหม?” ซานเป่ายังตื่นไม่เต็มตาน้ำเสียงของนางออดอ้อนงัวเงีย
“แม่จะพาเจ้าไปหาเอ้อร์เป่านะ” ถังหลี่กล่าว
เมื่อได้ยินว่านางกำลังจะได้เจอกับพี่รอง ซานเป่าก็หายงัวเงียทันที เจ้าเกี๊ยวน้อยรีบลุกจากเตียงก่อนจะเริ่มสวมเสื้อผ้าให้ตนเอง หลังจากที่สองแม่ลูกแต่งตัวกินข้าวเช้าเรียบร้อยดีแล้ว พวกนางก็เดินทางไปที่จวนสกุลฟาง
“ท่านแม่ บ้านหลังนี้ใหญ่มากเลย” ซานเป่าเงยหน้าพูด
“ใช่ พี่รองของเจ้าอยู่ในนั้น”
ถังหลี่พาซานเป่าเดินไปที่ประตู บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูถามขึ้นมาทันทีว่า
“แม่นางกำลังมองหาใครหรือ?”
“ข้าต้องการพบกับนายท่านฟาง” ถังหลี่กล่าว
“แม่นางคือใคร?”
“ข้ามาจากเมืองเหยาสุ่ย สามีของข้าเว่ยฉิงอยู่ในจวนแห่งนี้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม
หลังจากที่ถังหลี่บอกจุดประสงค์ของนางไป สายตาของบ่าวเฝ้าประตูก็เปลี่ยนไปทันที แววตามีความดูถูกเจือปนอยู่ในนั้น
“ขอโทษด้วย แต่วันนี้นายท่านไม่อยู่บ้าน” บ่าวรับใช้กล่าว
“แล้วสามีข้าเล่า?” ถังหลี่ถาม
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อคนผู้นี้” เขาตอบอีกครั้ง
บ่าวรับใช้ตอบอย่างรีบร้อนโดยไม่สนใจถังหลี่เลย
ชื่อ ‘เว่ยฉิง’ เปรียบเสมือนโรคระบาดในจวนสกุลฟาง ว่ากันว่านายน้อยเป็นบุตรบุญธรรมของเขาในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อนายท่านฟางได้ตามหาตัวนายน้อยแล้วรับกลับมายังจวนสกุลฟาง ชายที่ชื่อเว่ยฉิงก็ตามกลับมาเหมือนสิงโตล่าเนื้อ เขาอาศัยอยู่ในจวนสกุลฟางอย่างพวกอันธพาล!
ในจวนก็มีอยู่หนึ่งตัวแล้ว โผล่มาอีกสอง…หากนายท่านรู้เข้าล่ะก็ต้องโกรธมากแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดคุยกับถังหลี่มากนัก
ถังหลี่ขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
วันนั้นที่ฟางเจี๋ยรีบเร่งไปยังเมืองเหยาสุ่ยและขอร้องให้พาตัวเอ้อร์เป่ากลับมาบ้านเพื่อพบกับท่านปู่ พวกเขาเห็นด้วยโดยให้เว่ยฉิงนั้นตามบุตรชายมา ฟางเจี๋ยกล่าวขอบคุณอย่างใหญ่โต สมควรที่คนสกุลฟางจะต้อนรับพวกเขาสองแม่ลูกเป็นอย่างดีไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดท่าทีของบ่าวรับใช้จึงแปลกไป?
“อย่ามายื่นตรงนี้ ขวางทาง!” บ่าวรับใช้ไล่นางออกไปให้พ้นประตูด้านหน้า ด้วยกิริยาท่าทางก้าวร้าวหยาบคาย
แต่ถังหลี่ไม่ได้จากไปไหน เมื่อคืนฝันร้ายบอกเหตุว่าสามีของนางกำลังตกอยู่ในอันตราย นางต้องรีบหาตัวเว่ยฉิงให้เจอโดยเร็ว ถังหลี่ไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ไหน? เบาะแสล่าสุดของนางคือสกุลฟาง นางต้องการพบกับฟางเจี๋ย
“ข้าไม่ไป ข้าอยากพบนายท่านฟาง หากข้าเจอเขาแล้วข้าจะกลับไปเอง” ถังหลี่พูดอย่างเย็นเฉียบ
“เจ้าจะมาอยู่ด้วยหรือ? เหตุใดครอบครัวเจ้าเป็นเช่นนี้นะ”
“ครอบครัว? สามีของข้าอยู่ในนั้นใช่ไหม?” ถังหลี่จับข้อความบางอย่างที่เขาพูดได้ นางถามอย่างร้อนใจ
เมื่อบ่าวรับใช้รู้ว่าตัวเองพลั้งปากออกไป เขารีบหุบปากลง แสร้งไม่สนใจนางอีก
ตอนนี้ถังหลี่รู้ว่าแล้วสามีของนางยังอยู่ในจวนสกุลฟาง นางต้องเข้าไปในนั้นให้ได้ ถังหลี่พาซานเป่าออกมาหาที่สะอาดและนั่งลงคอย
“ท่านแม่ เหตุใดพวกเขาถึงไม่ให้เราเข้าไปพบกับพี่รอง” ซานเป่ารู้สึกน้อยใจ
“พวกมันเป็นคนเลว ไม่ต้องห่วงนะ แม่อยู่นี่ แม่แน่ใจว่าเจ้าจะต้องได้พบกับพี่รองแน่นอน”
เวลานี้ถังหลี่คับข้องใจและไม่พอใจมาก นางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่กล้าต่อกรหาเรื่องกับนาง
ก่อนหน้านี้ทัศนคติของถังหลี่ที่มีต่อนายท่านฟางนั้นดีมาก นางคำนึงอยู่เสมอว่าพวกเขาคือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเอ้อร์เป่า นางย่อมให้เกียรติพวกเขา
ตอนนี้สกุลฟางทำกับนางเช่นนี้ ที่จริงแล้วนางไม่ได้คิดอยากจะฉีกหน้าพวกเขาแต่อย่างใด หากทว่าใครก็ตามที่ทำให้ถังหลี่ไม่มีความสุข นางจะตอบแทนอีกฝ่ายให้สาสม…
ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะไม่กล่าวหาว่านางเป็นพวกหลอกลวงหรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถังหลี่จะปักหลักรออยู่ตรงนี้ให้รู้เรื่อง…
ทำเลที่ตั้งของจวนสกุลฟางนั้นดีมาก อยู่ใกล้ตลาดทำให้มีคนมากมายเดินเข้าออกประตูจวนอยู่ตลอด บางคนมองถังหลี่อย่างอยากรู้อยากเห็น ในเมื่อถังหลี่มีเวลา นางจึงอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างใจเย็นว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่
ไม่นานนักกลุ่มสตรีก็เข้ามารวมตัวซุบซิบกัน
“ตระกูลฟางไร้ศีลธรรมเกินไปหรือเปล่า? พอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง[1]เช่นนี้?”
“ความจริงแล้วเขาเป็นคนดีนะ ตอนที่มีภัยแล้งเขาก็เปิดคลังบริจาคข้าวเลย”
“นายท่านฟางคนนี้ ไม่ได้นิสัยเหมือนบิดาเลยสักนิด”
“ใช่ ลืมผู้มีพระคุณเช่นนี้ได้อย่างไร”
บ่าวรับใช้ที่เห็นกลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายเลวร้ายมากยิ่งขึ้น จึงรีบไปรายงานในจวนทันที วันนี้ฟางเจี๋ยไม่อยู่ที่จวนจริง ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงรายงานเรื่องนี้แก่นางถัง เมื่อได้ยินนางก็ขมวดคิ้ว
ความคิดของนางก็เหมือนกับบ่าวหน้าประตู คนหนึ่งยังอยู่จะมีอีกสองคนตามมาอีกหรือ? พวกเขาคิดว่าเงินของสกุลฟางจะปลิวไปตามลมอย่างง่าย ๆ หรือ?
“ไล่พวกมันไป อย่าให้เข้ามา” นางถังกล่าว
ปกติแล้วนางถังจะมีท่าทีอ่อนโยน แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยโทสะ
“ฮูหยินใหญ่ ตอนนี้นางเริ่มป่าวประกาศแล้วว่านางจะไม่ยอมไปไหน นางพูดให้ทุกคนฟังว่านางเป็นมารดาบุญธรรมของนายน้อย นางต้องการพบบุตรชายของนาง”
ใบหน้าของนางถังไม่น่าดูมากยิ่งขึ้น
นางเคยเจอถังหลี่สองครั้ง นางคิดว่าสตรีผู้นี้เป็นคนดี แต่ดูเหมือนจะคิดผิดไป หญิงสาวบอกนางถังว่านางรักเหยียนเอ๋อร์ราวกับลูกในไส้
แต่นางกลับเลือกที่จะพูดจาไร้สาระทำลายชื่อเสียงของสกุลฟาง หากชื่อเสียงของสกุลฟางมัวหมอง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผลดีต่อเหยียนเอ๋อร์อย่างแน่นอน
ช่างเห็นแก่ตัวจริง ๆ
“ข้าจะไปดู” นางถังสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
นางเดินออกไปที่หน้าประตู เห็นว่าถังหลี่กำลังนั่งอยู่ที่บันไดกับบุตรสาว
“ฮูหยินเว่ย” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
เมื่อถังหลี่ได้ยินเสียง นางก็หันศีรษะมองและลุกขึ้นทันที
“ฮูหยินฟาง บ่าวรับใช้ของท่านปล่อยให้แขกรอข้างนอกเป็นเวลานานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดี แม้ตัวข้าจะไม่ใส่ใจ แต่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่คิด เขาอาจจะพูดกันในแง่ไม่ดีนัก” ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีใด ๆ
รอยยิ้มของนางถังค้างชะงัก
ช่างมีวาทศิลป์จริง ๆ
นี่หมายความว่าจวนฟางละเลยนางสินะ
ใบหน้าของนางถังยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ฮูหยินเว่ย อย่าคิดมากเลย พวกเขาอาจจะสังเกตจากเสื้อผ้าของท่านสองคนแม่ลูก คิดว่าท่านมาที่นี่เพื่อขอทาน เพราะนายท่านฟางของเราเป็นคนใจบุญ ที่ฉินโจวแห่งนี้สกุลฟางเป็นตระกูลร่ำรวยที่ทุกคนรู้จักดี”
ถังหลี่ตระหนักได้ว่า นางประเมินคนสกุลฟางผิดไปจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ถังหลี่คิดว่าลักษณะท่าทางของนางถังนั้น เป็นสตรีที่ขี้ขลาดและขี้อาย แต่มีจิตใจที่อ่อนโยนและใจดี แต่เมื่อเห็นท่าทีร้ายกาจเช่นนี้ ถังหลี่รู้สึกเสียใจกับเอ้อร์เป่ามาก ที่มารดาผู้ให้กำเนิดเป็นสตรีเจ้าเล่ห์เช่นนี้
[1] ข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง เป็นสำนวนการเปรียบเทียบ หมายถึง การกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็กำจัดผู้ช่วยเหลือทิ้ง