บทที่ 195 เขาเป็นแค่เด็กเล็กๆ
“ฮูหยินฟางกล่าวมาช่างน่าสนใจเสียจริง ดูเหมือนว่าบ่าวรับใช้ของท่านนอกจากจะตาบอดแล้ว ยังหูหนวกอีกด้วย ขนาดข้าบอกว่าข้ามาทำอะไรเขายังไม่สนใจเลย” ถังหลี่กล่าว
ในเมื่อนางถังดูถูกนางเช่นนี้ ถังหลี่ก็จะไม่รักษามารยาทอีกต่อไป
เดิมทีนางแค่ต้องการเห็นหน้าเอ้อร์เป่าเท่านั้น แต่ตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าไม่สมควรจะเป็นมารดาของเอ้อร์เป่าเลยด้วยซ้ำ
นางถังยังไม่ยอมเลิกรา
“บ่าวรับใช้มีความผิดก็จริง แต่เพราะฮูหยินเว่ยพูดว่าเหยียนเอ๋อร์เนรคุณ นั่นไม่ใช่เรื่องดี ข้าคิดว่าท่านรักเหยียนเอ๋อร์มากกว่านี้เสียอีก”
“คนที่เนรคุณไม่ใช่เอ้อร์เป่า เขาเป็นแค่เด็กเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเท่านั้นเขาจะมาตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างไร? คนที่เนรคุณคือสกุลฟางของพวกท่านต่างหาก”
ถังหลี่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“พวกเจ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมมากมาย ยามที่เขาอยู่กับข้า พวกเจ้าก็เล่นบทขมขื่นอ้อนวอนขอเขาจากข้า พอได้เขาไปแล้วก็ทำเช่นข้ามแม่น้ำรื้อสะพานทิ้ง ไม่ให้ข้าได้เจอลูกชาย ว่ากันว่าเป็นพ่อค้าอยู่ได้ต้องมีความซื่อสัตย์ แต่สามีและตัวเจ้าเป็นพวกอกกตัญญูไร้ความซื่อสัตย์ หน้าหนาเหมือนหนังหมู จะบอกว่าท่านเหมือนหมูยังเป็นการดูถูกหมูเลย เพราะอย่างน้อยหมูมันก็ไม่ดูถูกคนเลี้ยง!”
นางถังกำลังจะอกแตกตายเพราะความโกรธ!
กล้าดีอย่างไรถึงเอาข้าไปเทียบกับหมู!
นางสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
นางต้องไม่ลดตัวเองลงไปเทียบกับผู้หญิงบ้านนอกไร้การศึกษาเช่นนี้
นางถังแทบจะรักษามารยาทของสตรีจากตระกูลใหญ่อเอาไว้ไม่ได้
“ฮูหยินเว่ย เราซาบซึ้งในความเมตตาของท่านมาตลอด แล้วเราก็มอบของตอบแทนน้ำใจท่าน แต่ท่านก็ไม่ลดละ พวกข้าสัญญาว่าจะให้เงินท่านสามพันตำลึง ท่านยังต้องการอะไรอีก? เลี้ยงเด็กคนเดียวจะใช้เงินสักเท่าไหร่กันสำหรับสามปี เงินสามพันตำลึงนี้สำหรับบางคนทั้งชีวิตยังหาไม่ได้เลย!”
ในขณะที่พูดนั้น นางจงใจชี้ให้ถังหลี่ได้สำนึกอีกทั้งเยาะเย้ยดูถูกนางและเว่ยฉิง
หญิงสาวได้ฟังก็เค้นหัวเราะออกมา
เงินเป็นสิ่งสุดท้ายที่นางอยากได้!
“กลายเป็นว่าในสายตาของพวกเจ้าแล้ว ความรู้สึกสามารถตีค่าได้ด้วยเงินหรือ? หากเช่นนั้นข้าจะให้เงินเจ้าสามพันตำลึง แล้วซื้อพระคุณของการให้กำเนิดของเจ้าบ้างเล่า? หากเจ้าอุ้มท้องให้ข้าสักสิบเดือน เจ้าก็ไม่ต้องเสียเงินสามพันตำลึงให้ข้า อีกทั้งยังได้เงินจากข้าไปสามพันตำลึงด้วย!” ถังหลี่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“เจ้า! ข้าอุ้มท้องลูกมาถึงสิบเดือนย่อมมีความผูกพัน เจ้าจะเอาเงินมาซื้อเช่นนี้ได้อย่างไร!” นางถังโกรธมากจนไม่สามารถรักษาท่าทีเอาไว้ได้
“ดูเหมือนว่าฮูหยินฟางเองก็รู้เช่นกันว่าความรู้สึกนั้นไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ขอบคุณที่เข้าใจ ข้าอยากพบเอ้อร์เป่า” ถังหลี่กล่าว
“เหยียนเอ๋อร์ยุ่งมาก เขาต้องดูแลท่านปู่กับเรียนหนังสือกับบิดา เขาไม่ว่าง!” นางถังพูดอย่างโมโห
“ดูเหมือนฮูหยินฟางจะไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ดังนั้นข้าจะรออยู่ตรงนี้!” ถังหลี่กอดอกท่านเคร่งขรึม
นางถังโมโหแทบกระอักเลือด
“จับนาง!” นางถังสั่ง
ไม่ว่าอย่างไร นางถังจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นอย่ามาเรียกนางว่านางถังเลย!
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“แม่นางน้อย เจ้านั่นเอง!”
ถังหลี่หันหน้าไปตามเสียงเรียก พบว่าคนที่พูดคือหญิงสาวที่ถังหลี่ช่วยไว้ที่ตลาดเมื่อวานนี้! หญิงสาวผู้นี้เป็นคนตระกูลฟางแน่ ถังหลี่เดาถูก เพราะสตรีคนนี้ไม่ใช่ใคร คือนางไช่นั่นเอง
“สตรีผู้นี้เป็นสหายของข้า หลีกไป!” นางไช่พูดอย่างดุดันกับบ่าวรับใช้ที่เข้ามาจะจับถังหลี่
บ่าวรับใช้ทำตัวไม่ถูก ฮูหยินใหญ่สั่งให้หยุดนาง แต่ฮูหยินรองบอกว่านางเป็นสหาย เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้มองไปทางนางถัง นางไช่ก็พูดขึ้นว่า
“พี่สะใภ้ นางเป็นสหายของข้า มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือ?”
ใบหน้าของนางถังบิดเบี้ยวอย่างอารมณ์เสีย
นิสัยใจคอของนางไช่นั้นเป็นคนฉุนเฉียว หากยังดึงดันไม่ยอมแพ้ ทุกคนจะรู้เรื่องนี้แน่นอน หากรู้ไปถึงหูของพ่อสามีแล้วละก็…
“นางเป็นมารดาบุญธรรมของเหยียนเอ๋อร์ นางต้องการพบเขาแต่เหยียนเอ๋อร์ไม่ว่าง ดังนั้นข้าอยากจะขอให้นางกลับมาใหม่อีกสองสามวัน” นางถังกล่าว
นางไช่มองพี่สะใภ้ของตน ก่อนจะมองไปทางถังหลี่
“เหยียนเอ๋อร์ยุ่งมาก แต่ข้าว่าง พี่สะใภ้ คน ๆ นี้เป็นสหายของข้า นางมาพบข้า ท่านไม่ต้องกังวลไป”
เมื่อนางไช่พูดจบนางก็ลากถังหลี่เข้าไปในจวนทันที ทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุขขณะกำลังเดิน
“น้องสาว เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“ถังหลี่ พี่สาวล่ะ”
“สกุลเดิมของข้าคือไช่”
“งั้นข้าขอเรียกท่านว่าพี่ไช่นะ”
“ว่าอย่างไร สาวน้อยคนนี้ น่ารักจริง ๆ เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“ข้าชื่อซานเป่า สวัสดีเจ้าค่ะท่านป้า” ซานเป่ากล่าวอย่างมีมารยาทพร้อมกับเงยหน้าไปมองอีกฝ่าย
“เด็กดี ป้าจะซื้อขนมให้นะ”
เมื่อมองไปด้านหลังจึงได้เห็นว่านางถังหมดสติไปแล้ว เป็นเพราะนางโกรธมากจึงเดินไม่ดูทางชนประตูเข้าโครมใหญ่จนบาดเจ็บเวียนหัวล้มลงกับพื้นทันที!
นางไช่พาถังหลี่ไปที่เรือนพำนัก นางได้ยินเรื่องนี้มากมายในจวน นางไช่รู้ดีว่านิสัยพี่สามีและพี่สะใภ้เป็นคนเช่นไร
ฟางเจี๋ยและนางถังนั้นเป็นประเภทหน้าซื่อใจคด พวกเขาเสแสร้งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก แต่กับพี่น้องแล้วพวกเขาไม่เคยเสแสร้งเลย
ผู้คนภายนอกต่างบอกว่าฟางเจี๋ยเป็นคนกล้าหาญ
ส่วนนางถังนั้นเป็นคนฉลาดแต่ก้าวร้าวทำให้สามีไม่สนใจนาง เขาเกลียดนางมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
นางไช่จึงคิดว่าบิดาและมารดาบุญธรรมของเหยียนเอ๋อร์ไม่น่าจะเป็นแบบข่าวที่ร่ำลือกันในจวน พอได้เจอตัวจริงก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หากหญิงผู้นี้เป็นพวกคนโลภเห็นแก่เงินจริง ๆ นางจะช่วยจับโจรแล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ร้องขอรางวัลหรือ?
“ถังถัง เจ้าเป็นแขกของข้า หากคนรับใช้คนไหนปฏิบัติไม่ดีให้รีบมาบอกข้า” นางไช่กล่าว
หญิงสาวพยักหน้ารับ
ถังหลี่รู้ว่านางไช่คือฮูหยินรองของสกุลฟาง เป็นภรรยาของบุตรชายคนที่สองของนายผู้เฒ่าฟาง นางชอบคนที่มีท่าทีตรงไปตรงมาเช่นนี้
“พี่ไช่ สามีของข้าอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ถังหลี่ถาม
“ใช่แล้ว” นางไช่พยักหน้า
จริงด้วย!
“พี่สาวไช่ เมื่อไม่นานมานี้ฟางเจี๋ยมาที่บ้านของข้าอย่างกระทันหัน เขาบอกว่าบิดาของเขาป่วยหนักและต้องการจะเจอกับเอ้อร์เป่า” ถังหลี่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับอีกฝ่ายฟัง
“พี่ไช่ท่านช่วยข้าได้หรือไม่? บอกข้าหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่สามีของข้าพาเอ้อร์เป่ามาหาท่านปู่ของเขา”
“ฟางเจี๋ยกับถังซื่อทำเกินไปแล้ว!”
นางไช่ไม่ใช่คนเสแสร้งมีมารยาทดี ยามนี้นางไม่เคารพคนทั้งสองจนถึงกับเรียกพวกเขาอย่างไม่มีสัมมาคารวะ
เด็กชายคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี พ่อแม่ของเขาคงคิดมากไปเอง หากไม่ได้พวกเขาทั้งสองคนแล้วล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่ยังเล็กมากเช่นเขาบ้าง?
นี่คือน้ำใจที่ยิ่งใหญ่มาก
แต่สุดท้ายแล้วฟางเจี๋ยกับนางถังตอบแทนน้ำใจของผู้อื่นอย่างไร?
ไม่ควรจะเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป
“ฟางเจี๋ยไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นเจอกับสามีเจ้า เขาเลยหนีออกจากจวนไปคนเดียว เขาต้องการเดินทางกลับเหยาสุ่ยด้วยรถม้า สามีของเจ้าเป็นคนพบเขา ตอนนี้จึงได้อาศัยอยู่ในจวนกับเด็กคนนั้น” นางไช่เล่าให้ถังหลี่ฟัง
ถังหลี่ไม่คาดคิดว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดในสองสามวันที่ผ่านมา ทั้งสามีของนางและเอ้อร์เป่าต่างเจอปัญหาที่น่าหนักใจเช่นนี้
“พี่ไช่ ท่านพาข้าไปพบสามีของข้าได้หรือไม่?” ถังหลี่ถามนางขึ้นมาตรง ๆ
หากนางไช่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะทำให้นางถังขุ่นเคืองใจได้ แต่ในเมื่อนางถังกับฟางเจี๋ยกระทำกับผู้อื่นเช่นนี้ นางก็จะไม่ให้ความสนใจอีกแล้ว
“ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
“ขอบคุณพี่ไช่” ถังหลี่แสดงความขอบคุณนาง
ถังหลี่ไม่เข้าใจหรอกว่านางไช่ต้องออกหน้ามากเพียงใด ในการพาถังหลี่ไปหาเว่ยฉิง ครอบครัวที่ร่ำรวยมักจะมีอำนาจผูกพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แต่นางกลับทำให้พี่สะใภ้ของตนขุ่นเคืองด้วยตัวของนางเอง
ในตระกูลฟางแห่งนี้ก็ยังนับได้ว่ามีคนดี ๆ อยู่เช่นกัน
“ได้เวลาอาหารแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” นางไช่พูด
ถังหลี่พยักหน้า อันที่จริงแล้วถังหลี่กำลังกังวลมาก นางต้องการพบกับเว่ยฉิงทันที แต่อย่างไรก็ตามซานเป่ายังเด็ก นางไม่ควรปล่อยให้ท้องน้อย ๆ ว่างเปล่า คงจะไม่ทำให้เสียเวลามากเท่าใดนัก
หลังจากที่กินอาหารแล้ว นางไช่จึงพาถังหลี่ไปหาเว่ยฉิงทันที
ชายหนุ่มกำลังอยู่คนเดียวในสวนอย่างเบื่อหน่ายและเกียจคร้าน
เว่ยฉิงกำลังคิดถึงภรรยาของเขา แต่เขาไม่อาจทิ้งเอ้อร์เป่าไว้ที่นี่คนเดียวได้ ตอนนี้มีเรื่องขัดแย้งอยู่มากมาย หากเขาจากไปเมื่อใดสกุลฟางต้องไม่ยอมให้เจอเอ้อร์เป่าอีกเลย ดังนั้นเขาจึงออกไปไหนไม่ได้
เว่ยฉิงกำลังนั่งยอง ๆ แหย่รังมดเล่นอยู่มุมห้องอย่างเบื่อ ๆ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย
“สามี”
เสียงภรรยาของเขา!
เว่ยฉิงไม่ได้ฝันไปหรือ?
นี่เขาคิดถึงนางมากจนฝันกลางวันไปหรือ?!