บทที่ 198 ผิดแผน
ถังหลี่ยิ้มเล็กน้อย
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวกต้องรบกวนท่านแล้ว”
“ข้าจะขุ่นเคืองได้อย่างไร ฮูหยินเดินทางมาไกลเป็นเพราะท่านห่วงใยเหยียนเอ๋อร์ พวกข้าก็ดีใจที่เหยียนเอ๋อร์มีคนคอยรักและห่วงใยเขาเพิ่มขึ้น” ฟางเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองยังคงแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอย่างสุภาพ เมื่อฟังน้ำเสียงของถังหลี่แล้ว ฟางเจี๋ยก็ไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรทั้งสอง ดูเหมือนว่าทั้งเว่ยฉิงและถังหลี่คงยังไม่เจอของที่พวกเขาซุกซ่อนไว้
แต่ถ้าได้ลองคิดดูดี ๆ แล้ว สองคนนี้จะรู้ได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงคนที่มาจากเมืองเล็ก ๆ แบบนั้นได้เลย แม้แต่คนฉลาดยังคิดไม่ถึง ยกเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถในการเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เหยียนเอ๋อร์ เรือนรับรองนี้เล็กเกินไปหากเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยแขกจะรู้สึกอึดอัดได้นะ มาอยู่กับพ่อแม่เถิด” ฟางเจี๋ยมองไปที่เอ้อร์เป่าและพูดเบา ๆ
ถังหลี่มองไปที่เด็กชายก่อนจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อม
“เอ้อร์เป่า เจ้าไปอยู่กับนายท่านฟางและฮูหยินฟางนะ ตกลงไหม?”
น้ำเสียงของหญิงสาวนั้นจริงใจมาก แต่ถังหลี่แอบขยิบตาให้เอ้อร์เป่า ซึ่งฟางเจี๋ยและนางถังมองไม่เห็น
เอ้อร์เป่าที่ได้รับสัญญานนั้น เขารีบคว้าแขนเสื้อของแม่ทันที
“ข้าไม่ได้เจอท่านแม่มาหลายวันแล้ว ข้าคิดถึงท่านแม่ข้าอยากนอนกับท่านแม่!”
ช่างดูไร้เหตุผลและเอาแต่ใจมาก! แต่ก็ดูเป็นท่าทางของเด็กอายุเจ็ดขวบเช่นกัน!
ถังหลี่มองไปที่นายท่านฟางอย่างช่วยไม่ได้ นางพยายามเกลี้ยกล่อมแล้วแต่เด็กชายไม่ยอมฟัง ตอนนี้ฟางเจี๋ยรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อเขาเห็นบุตรชายของเขามีความใกล้ชิดกับคนอื่นมากกว่า แม้เขาจะรู้สึกสับสน แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเด็กชายเขาก็เลิกบังคับ
“ตกลงเจ้าอยู่ที่นี่นะเหยียนเอ๋อร์ ฮูหยินเว่ยเหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน”
พูดจบแล้วเขาก็เดินจากไป
ทันทีที่ชายคนนั้นเดินออกไป ถังหลี่ก็บีบจมูกเอ้อร์เป่าเบา
“ฉลาด”
แม้นางจะพูดเป็นนัยแต่เด็กชายรับรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร เอ้อร์เป่าเชิดปลายคางขึ้นอยากภาคภูมิใจ
แน่นอนว่าทั้งสองเข้าใจกันดี แค่เพียงมองตากันเท่านั้น
ถังหลี่นำขนมมาเป็นของรางวัลให้แก่เอ้อร์เป่า
ตอนนี้ความตั้งใจของถังหลี่คืออยากให้ฟางเจี๋ยคลายความระแวงในตัวพวกนางลง ตอนนี้นางอยู่ที่จวนสกุลฟาง สิ่งที่ฟางเจี๋ยลงมือทำมันมากเกินไป
หากถังหลี่ไม่ได้ฝันเล่า?
ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาตายใจไปก่อน หลังจากนั้นพวกเขาจะออกจากจวนตระกูลฟางเมื่อถึงเวลา
…..
นางถังเดินตามสามี นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในตอนกลางวันถังหลี่ไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้ทั้งก้าวร้าวและไม่ยอมใคร เหตุใดตกค่ำจึงมีทีท่าเปลี่ยนไป? นางพูดจาด้วยน้ำเสียงไพเราะ ทั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้เหยียนเอ๋อร์มานอนกับพวกเขาอีกด้วย?
นางถังรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ท่านพี่ ข้าว่าถังหลี่มีท่าทีผิดปกตินะ เป็นไปได้ไหมว่านางพบของที่ซ่อนอยู่ในห้อง” นางถังกล่า
“เจ้าคิดอะไรของเจ้า! นางเป็นมารดาที่ดี ไม่เหมือนเจ้า! หากไม่สนใจเหยียนเอ๋อร์ให้มากกว่านี้ ไม่เข้าใกล้เขา เขาก็จะไม่เข้าใกล้เรา ตอนนี้เขายิ่งใกล้ชิดกับพ่อแม่บุญธรรมมากขึ้นไปอีก!” ฟางเจี๋ยรู้สึกทุกข์มาก
“ท่านพี่ ข้าพยายามแล้วแต่เขาก็ปฏิเสธข้า เขาไม่ไว้หน้าข้าเลย ข้ารู้สึกผิดหวังมาก!” นางถังรีบแก้ตัว
หน้าตาของฟางเจี๋ยยิ่งถมึงทึงมากขึ้น
“แต่เขาเป็นลูกชายเจ้า! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเจ้าควรเป็นฝ่ายเข้าหาเขา”
นางรู้สึกเศร้าใจมากเมื่อถูกฟางเจี๋ยดุ
เดิมทีนางต้องการให้เว่ยฉิงและถังหลี่ถูกกำจัดไปซะ แต่ตอนนี้กลายเป็นนางที่ถูกสามีต่อว่าได้อย่างไร!
……….
หลังจากที่นางถังและฟางเจี๋ยกลับไป ความสงบสุขและอบอุ่นก็เข้ามาปกคลุมลานเล็ก ๆ นี้อีกครั้ง ในที่สุดครอบครัวก็กลับมารวมตัวกัน เด็กน้อยทั้งสองมีรอยยิ้มบนใบหน้า พวกเขานั่งอยู่บนตักของมารดาไม่ต้องการเอ่ยคำพูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นว่าบิดาของเขามองอย่างกระวนกระวายอยู่ด้านข้าง พวกเขาจึงลุกจากตักของถังหลี่อย่างว่าง่ายก่อนจะกลับไปที่ห้องส่วนตัว
เว่ยฉิงอุ้มภรรยาเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง
ทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายวัน แล้วตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ทำตัวเหมือนคู่สมรสใหม่ เว่ยฉิงมองใบหน้างดงามของภรรยา นัยน์ตาที่ฉ่ำน้ำ ริมฝีปากที่แดงสดของนาง ทำให้เขาต้องลอบกลืนน้ำลายตัวเอง
ริมฝีปากของเว่ยฉิงกดทาบลงไปทำให้บรรยากาศในห้องร้อนขึ้น รสจูบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกราวกับถูกครอบงำ ในขณะนั้นเองมือที่ซุกซนของเขาก็เริ่มลุกลามเข้ามาในเสื้อของนาง
“ฮูหยิน ข้าว่า…” เสียงของเว่ยฉิงแหบพร่า
“ไม่ ข้าไม่ต้องการอะไร”
ใบหน้าของถังหลี่แดงก่ำ นางรู้สึกหงุดหงิดเช่นกันแต่เมื่อคิดได้ว่ามีเด็กสองคนนอนอยู่ห้องข้าง ๆ ทำให้นางต้องหักห้ามใจตัวเองไว้
เว่ยฉิงควบคุมอารมณ์ของตนเองและปล่อยภรรยาของเขาไป
ตอนนี้ชายหนุ่มอยากจับภรรยาของเขากินซ้ำ ๆ จนกว่าจะพอใจ
ความคิดถึงกำลังกัดกินเขา
อดทน….
เว่ยฉิงสูดลมหายใจเขาลึก ๆ สองครั้งก่อนจะระงับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นในร่างกาย
เว่ยฉิงไม่สามารถระบายพลังงานที่ล้นเหลือของเขาได้ ในกลางดึกชายหนุ่มลุกออกไปจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แม้จะดูเหมือนเขาเดินสะเปะสะปะไปทั่ว แต่ความจริงแล้วเว่ยฉิงรับรู้แผนผังสกุลฟางเป็นอย่างดี
เขาพบห้องนอนของฟางเจี๋ยอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเหยียบกระเบื้องบนหลังคาก่อนจะกระโดดลงมา หลังจากมองดูสามีภรรยาที่หลับสนิทอยู่ทั้งคู่ เขาตลบผ้าห่มมาคลุมศีรษะพร้อมกับรัวหมัดใส่คนทั้งสองอย่างรุนแรง
กำปั้นของเว่ยฉิงสาดใส่ไม่ยั้งราวกับลูกเห็บตก คนทั้งคู่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ!
หลังจากการลอบประทุษร้ายจนหนำใจแล้ว เว่ยฉิงจึงได้เหนื่อยอ่อนหมดแรง ในที่สุดเขาจึงได้ยอมจากไปแต่โดยดี
วันถัดไป
เอ้อร์เป่าไปหาผู้อาวุโสฟาง
เว่ยฉิงเลยพาซานเป่าไปเล่นมดที่สนามในบ้าน
ถังหลี่นั่งอยู่ที่หน้ากระจก นางมองไปที่รอยแดงที่อยู่ตรงคอ หญิงสาวทำได้เพียงทาแป้งบาง ๆ กลบเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานนางไช่ก็เข้ามาหาพวกถังหลี่ นางนำสิ่งของมากมายมาให้ถังหลี่ มีทั้งขนมและของใช้ส่วนตัว เมื่อเทียบระหว่างนางไช่และนางถัง เห็นได้ว่านางไช่นั้นเป็นคนที่มีความจริงใจมากกว่าฟางเจี๋ยและนางถังหลายเท่านัก
“ท่านป้าเชิญนั่งเจ้าค่ะ” ซานเป่าเชื้อเชิญให้นางไช่นั่งลงทันที
นางไช่มองไปที่สาวน้อยมารยาทงามคนนี้ นางตัวกลมและน่ารัก หญิงสาวรู้สึกมีความสุขมาก
“ตกลง” นางไช่เดินเข้าไปพูดคุย ก่อนที่ถังหลี่จะตามเข้ามา
“เมื่อวานนางถังให้คนมาค้นเรือนนี้หรือ?” นางไช่ถามอย่างไม่อ้อมค้อม
นางได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้แล้ว นางกังวลว่าถังหลี่จะเป็นอย่างไร เพราะนางถังเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก
เมื่อเห็นว่าถังหลี่สบายดี นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เมื่อคืนมีคนบอกว่าของในจวนหายไป จวนฟางทั้งหมดจะต้องถูกรื้อค้น”
“ไร้สาระ! เจ้าเพิ่งมาถึงเอง นี่ไม่รู้เลยว่าจะมาไม้ไหนอีก?” นางไช่เย้ยหยัน “ถังถังระวังตัวด้วยนะ
“ขอบคุณพี่สาวที่เตือนข้า ข้าจะระวัง” ถังหลี่ยิ้มก่อนพูดว่า “พี่สาวไช่รู้จักฮูหยินใหญ่ดีหรือไม่?”
“แน่นอนว่าข้ารู้จักนางดี หลายปีมานี้มีทั้งเรื่องที่เสียเลือดเสียน้ำตาไป นางเสแสร้งเก่งมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นมักจะทำตัวมีศีลธรรม แต่ในใจมีแผนการนับร้อย เรื่องแบบนี้นางเก่งมาก ใคร ๆ ก็คิดว่านางเป็นหญิงที่อ่อนโยนและใจดี ไม่เหมือนกับข้า” นางไช่กล่าว
นางมาจากครอบครัวธรรมดา บิดามารดารักนางมากทำให้นางไช่เป็นคนตรงไปตรงมา จะเทียบเคียงสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่อย่างนางถังได้อย่างไร?
เมื่อใดก็ตามที่นางไช่พูดถึงนางถัง หญิงสาวก็ไม่สามารถยั้งปากตัวเองลงได้ ว่ากันว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรแท้ ทั้งถังหลี่และนางไช่ต่างก็เกลียดนางถัง ซึ่งเหตุผลนี้เองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกนางพัฒนาแบบก้าวกระโดด
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเรื่องน่าสนใจมาก วันนี้ข้าเจอนางถังมา จมูกของนางช้ำมากใบหน้าก็บวมปูดราวกับโดนใครทุบตีมา” นางไช่พูดอย่างมีความสุข
ตอนนี้นางดีใจแทบตาย อยากจะคว้านางถังกลับมาซ้ำเติมอีกครั้ง
ถังหลี่มีความสุขเช่นกันที่ได้ยินเรื่องนี้
พวกนางทั้งสองคนรู้สึกสมน้ำหน้านางถังเป็นอย่างมาก