บทที่ 199 ถุงหอมของฉุนเอ๋อร์
“ถังถังข้ากลับก่อนนะ ช่วงบ่ายข้าจะมาหาเจ้าอีกครั้ง ข้ามีอะไรบางอย่างอยากจะถามเจ้าสักหน่อย” นางไช่ขอตัวกลับอย่างไม่เต็มใจนัก
“ท่านแม่ดื่มชาก่อน” ซานเป่ารินน้ำชาให้แก่ถังหลี่
นางเห็นว่ามารดาพูดคุยกับนางไช่เป็นเวลานาน เด็กหญิงรู้ว่าถังหลี่กระหายน้ำ นางจึงรินน้ำชาให้แก่หญิงสาว
เด็กคนนี้น่ารักจริง
ในตอนบ่ายนางไช่กลับมาหาถังหลี่อีกครั้ง นางนำอุปกรณ์เย็บปักและผ้ามาด้วย
“พี่ไช่อยากให้ข้าช่วยอะไรหรือ?” ถังหลี่ถามด้วยความสงสัย
นางไช่พูดอย่างกระดากอายเล็กน้อย
“ข้าอยากทำถุงหอมให้ลูกสาวข้า แต่ฝีมือในการเย็บปักของข้าไม่ดีเลยสักนิด น้องสาวเจ้าช่วยสอนข้าได้หรือไม่?”
รองเท้าที่นางทำให้ลูกสาวเด็กน้อยปฏิเสธที่จะใส่ทำให้นางไช่รู้สึกเสียใจมาก แต่อย่างไรนางก็ยอมรับและลืมอารมณ์ตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ทว่านางไช่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอยากเข้าหาลูกสาวให้มากกว่านี้ นางอยากจะเป็นมารดาที่ลูกสาวรักใคร่ ถังหลี่ในสายตาของนางไช่นั้นทั้งเฉลียวฉลาดและมีฝีมือหลากหลาย นางไช่จึงอยากขอคำแนะนำจากนาง
ถังหลี่ทำสีหน้าปั้นยาก
“พี่ไช่ ท่านอยากให้ข้าสอนงานเย็บปักให้จริงหรือ?” ฮูหยินรองสกุลฟางพยักหน้าทันที
“พี่ไช่ดูสิ่งที่ข้าทำก่อนสิ” ถังหลี่พูด
ฝีมือด้านการตัดเย็บของถังหลี่นั้นไม่ได้ดีเหมือนความสามารถด้านอื่นของนาง หญิงสาวเคยปักถุงหอมให้แก่ซานเป่า แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดีนัก ถังหลี่ตั้งใจจะโยนทิ้งมันไป แต่ซานเป่าปฏิเสธ เด็กหญิงเลือกที่จะใช้ของมารดาแทนที่จะเป็นสินค้าสวยงามจากโรงงานถุงหอมของนาง
ถังหลี่เรียกซานเป่าเข้ามาหาก่อนจะปลดซองถุงหอมของเด็กหญิงและส่งให้นางไช่ดู
ฮูหยินรองสกุลฟางมองไปที่ถุงหอมใบนั้นอย่างตกตะลึง
เอ่อ…เศษด้าย ตะเข็บที่บิดเบี้ยวนี่…
มันดูคล้ายคลึงกับถุงหอมที่นางทำเลยไม่ใช่หรือ?
นางไช่รู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
แต่หลังจากที่ถังหลี่แสดงฝีมือการเย็บปักของตัวเอง หญิงสาวก็เชื่อนางหมดใจ
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างบอกว่าสตรีนั้นควรมีคุณธรรมและฝีมือในงานบ้านงานเรือน การเย็บปักถักร้อยแบบนี้คือพื้นฐานของคนที่เกิดมาเป็นหญิงสาว ยามที่นางอยู่บ้านเดิม พี่สาวน้องสาวของนางไช่ต่างหัวเราะเยาะในความเงอะงะของนาง หลังจากแต่งงานพี่สะใภ้ก็มักจะหัวเราะเยาะนางเช่นกัน แม้แต่สาวใช้ยังแอบนินทา
นางไม่สามารถมีฝีมือเย็บปักที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ได้
นั่นคือเหตุผลที่นางไช่ไม่ขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนอื่นในจวน แต่แอบมาขอความช่วยเหลือจากถังหลี่แทน แต่เมื่อเห็นฝีมืองานเย็บปักของหญิงสาวแล้ว นางไช่ก็ไม่รู้สึกผิดหวังเลยแม้แต่น้อย กลับกันนางรู้สึกราวกับว่าได้เจอคนที่สนิทใจด้วยอย่างแท้จริง
“ถังถัง เจ้าเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดมาก ข้าไม่ได้คิดว่าฝีมือในงานเย็บปักของเจ้าจะ….ข้าไม่ได้จะหัวเราะเยาะเจ้านะถังถัง ฝีมือของข้าน่าเกลียดกว่าเจ้าอีก” นางไช่รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนมีจุดแข็งของตัวเอง จะสำคัญอะไรหากท่านจะไม่เก่งด้านเย็บปักถักร้อย” ถังหลี่กล่าว
คำพูดของถังหลี่ซึมซับเข้าสู่หัวใจของฮูหยินรองอย่างรวดเร็ว และนางไช่เองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ผู้หญิงพวกนั้นเพียงแค่ทำงานเย็บปักเก่งเท่านั้น ก็ทำตัวราวกับว่าอยู่เหนือผู้อื่น
แล้วมันใช่ปัญหาใหญ่หรือ? นางร่ำรวยออกขนาดนี้ จะจ้างคนที่มีฝีมือเย็บปักเก่งที่สุดในฉินโจวก็ย่อมได้!
นั่นคือวิธีที่สามีปลอบโยนนางเสมอ
“ถังถัง เจ้าได้ใจข้าไปเต็ม ๆ เสียแล้ว” นางไช่พูดอย่างมีความสุข
“พี่ไช่ จริง ๆ แล้วความตั้งใจของท่านต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกฝีเข็มและเส้นด้ายคือความรักของท่านที่มีต่อบุตรสาว นางย่อมสัมผัสมันได้” ถังหลี่กล่าว
“แต่ถังหลี่ อย่างไรข้าก็อยากพัฒนาฝีมือข้าให้ดีมากกว่านี้” นางไช่พยักหน้า
ก่อนหน้านี้ของที่นางทำนั้นถูกลูกสาวปฏิเสธ นางจึงอยากทำให้สวยงามกว่าเดิม
“เช่นนั้นข้าจะอยู่ช่วยท่านเองพี่ไช่ เช่นที่เขากล่าวเอาไว้ว่าคนเขลาสามคนมีค่าเท่ากับหนึ่งจูกัดเหลียง[1]”
ถังหลี่และนางไช่ช่วยกันทำตลอดทั้งบ่าย ถุงหอมที่สำเร็จก็มีหน้าตาที่ดูดีกว่าของเดิมที่นางไช่ทำมาก ฮูหยินรองพึงพอใจ นางต้องการรีบทำให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
แบบนี้แล้วบุตรสาวของนางต้องมีความสุขมากแน่นอน!
เมื่อคิดได้ว่าลูกสาวจะต้องชอบมากเพียงใด นางไช่ก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เช้าตรู่วันต่อมา นางกลับมาหาถังหลี่อีกครั้ง พวกนางสองคนขลุกอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน
ในที่สุดถุงหอมก็เสร็จสมบูรณ์ ดูไปแล้วดีกว่าที่นางทำเองคนเดียวหลายเท่านัก
หญิงสาวพอใจมากตั้งใจว่าจะมอบมันให้แก่ลูกสาวทันที
“ฉุนเอ๋อร์ แม่เย็บถุงหอมมาให้เจ้า ในนี้บรรจุดอกกุ้ยฮวา[2]ด้วย กลิ่นหอมมากเลยนะ เจ้ารีบรับไปสิ” นางไช่พูดอย่างตื่นเต้น
“ท่านแม่ ข้ามีถุงหอมอยู่แล้ว” ฟางฉุนปฏิเสธที่จะรับมัน ทั้งที่ถุงหอมที่นางใช้อยู่นั้นดูบอบบางกว่าอันใหม่มาก
“จะเหมือนกันได้อย่างไร ใบนี้แม่ทำเองเลยนะ” ไช่พูด
ในขณะที่นางพูด ฮูหยินรองก็พยายามที่จะนำถุงหอมของตนไปแขวนให้บุตรสาว
“ท่านแม่ข้าไม่อยากได้! มันน่าเกลียดจะตายไป!” ฟางฉุนพูดขึ้นมาอย่างรังเกียจ
ราวกับว่ามีอ่างน้ำเย็นราดรดใส่หัวของนางไช่ นางได้แต่ยืนตะลึงงันอยู่แบบนั้นอย่างงุนงง
“ฉุนเอ๋อร์เจ้าพูดอะไร มันไม่น่าเกลียดหรอก แม่ว่ามันค่อนข้างจะดีเลยนะ”
“มันน่าเกลียด! ครั้งที่แล้วข้าถูกเยาะเย้ยเพราะชุดที่ท่านเย็บให้ข้า ข้าไม่อยากใช้ของที่ท่านแม่ทำแล้ว ท่านป้าทำได้งดงามกว่าท่านแม่เสียอีก!” ฟางฉุนบ่นอุบ
เจ็บแสบมาก!
“แม่พยายามอย่างมากที่จะทำมันให้กับเจ้า ถึงเจ้าไม่ต้องการก็ต้องรับมันไป!” นางไช่ระเบิดอารมณ์คุกรุ่นที่ประทุขึ้นทันที
“ข้าไม่อยากได้ ข้าก็ไม่เคยขอให้ท่านทำ!” บุตรสาวของนางไช่นั้นก็อารมณ์ร้ายไม่ต่างกับนาง
เดิมทีนางไช่คิดว่าแค่นางพยายามให้หนักขึ้น อย่างไรฉุนเอ๋อร์ก็ต้องชอบ แต่สุดท้ายนางกลับมีท่าที่รังเกียจกันแบบนี้!
หญิงสาวพยายามอย่างหนักตลอดสองวัน ที่มือของนางมีรูพรุนจากเข็มนับไม่ถ้วนแบบนี้เพื่ออะไร? ในฐานะของแม่ การที่นางถูกลูกเกลียดชังเช่นนี้ หัวใจของนางมีแต่ความเจ็บปวดปวดร้าว
นางไช่หน้ามืดด้วยความโกรธ นางอุ้มบุตรสาวขึ้นฟาดมือไปที่ก้นของนางอย่างแรง ไม่ว่าฟางฉุนจะร้องไห้มากแค่ไหน นางก็ไม่หยุดมือ จนกระทั่งฟางจวิ่นกลับมา เขาจับมือนางไว้ เด็กหญิงมองไปที่มารดาอย่างไม่พอใจ
“ท่านไม่ใช่แม่ข้า! แม่ของข้าจะไม่ทำกับข้าแบบนี้!”
พูดจบนางก็เดินโผเผออกไป
นางไช่รู้สึกปวดหัวมากขึ้นไปอีก
“โอ้ ข้าจะเป็นบ้า! เหตุใดข้าถึงให้กำเนิดลูกสาวที่เป็นหมาป่าตาขาวแบบนี้นะ!”
“เจ้าก็อย่าตีนางบ่อยนัก มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด นางจะได้ไม่แข็งข้อกับเจ้า”
ทันทีที่ฟางจวิ่นกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นภรรยากำลังตีบุตรสาวอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นชายหนุ่มจึงเลือกที่จะยืนเคียงข้างบุตรสาว
“ลูกสาวคนนี้เกิดมาเพื่อทำให้ข้าช้ำใจ ท่านก็ทำเช่นเดียวกัน ปวดหัวนัก! ข้าอยู่บ้านนี้ไม่ได้แล้ว!” นางไช่โมโหจนแทบจะระเบิด
ฟางจวิ่นโกรธมากเมื่อเห็นภรรยาของเขามีอารมณ์ร้ายขนาดนี้ หากนางโกรธมากกว่านี้ นางคงเลือกที่จะหนีออกจากบ้านพร้อมข้าวของของนางก็เป็นได้
พอคิดแบบนี้แล้ว….
“โอ๊ย…” ฟางจวิ่นร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ท่านเป็นอะไรไป” นางไช่เหลือบตามองมาที่เขา
“ข้าปวดหัว สงสัยจะเหนื่อยเกินไป” ฟางจวิ่นดูอ่อนล้า เขานั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพัก
“ดูสุขภาพท่านสิ มาเถอะข้าจะนวดให้!” นางไช่ขึ้นเสียงอย่างเย็นชา
“ฮูหยิน เจ้ามีฝีมือจริง ๆ เจ้านวดแล้วข้ารู้สึกสบายมาก” ฟางจวิ่นกล่าว
“แน่นอนสิ” นางไช่ฟังก็รู้สึกสบายใจ
“ฮูหยิน ข้าจะอยู่โดยไม่มีเจ้าได้อย่างไรกัน” ฟางจวิ่นจับมือนางไว้ พูดราวกับว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป
มุมปากของนางไช่ยกยิ้มขึ้น แรงกดจากฝ่ามือของนางก็นุ่มนวลขึ้นทีละนิด
….
หลังจากฟางฉุนวิ่งออกจากบ้านไป นางก็ตรงดิ่งไปที่เรือนใหญ่ของสกุลฟางทันที
“ท่านป้า…” ฟางฉุนร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
นางถังเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นฟางฉุนวิ่งร้องไห้หน้าแดงออกมา หญิงสาวรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อเห็น นางรีบโอบกอดเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนของนาง
“ฉุนเอ๋อร์ อย่าร้องสิ เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนของนางถัง ฟางฉุนยิ่งรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น
เหตุใดท่านป้าจึงไม่ใช่แม่ของนาง?
“ท่านป้า ท่านแม่ตีข้า” ฟางฉุนพูดพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ
“ตรงไหน?! มาให้ป้าดูหน่อยสิ” นางถังพูดอย่างร้อนรน
เด็กหญิงชี้ไปที่บั้นท้ายของนาง และเมื่อนางถังถอดกางเกงของเด็กหญิงออกก็พบว่ามันบวมแดงมาก!
ภายในแววตาของนางถังฉายแววของความเกลียดชัง นางไช่กล้าดีอย่างไรถึงทำเช่นนี้กับฉุนเอ๋อร์!
เมื่อคิดว่าเด็กหญิงต้องทุกข์ทรมานเพียงใดที่ต้องอยู่บ้านเดียวกับนางไช่ ฮูหยินใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกทุกข์มากขึ้น นางถังต้องการจับฟางเหยียนมาทุบตีอย่างหนักระบายความโกรธของนาง
“ฉุนเอ๋อร์ ป้าจะช่วยเจ้าทายานะ”
นางถังให้สาวใช้นำยามาให้ และค่อย ๆ ทาให้เด็กหญิงอย่างเบามือ
“ท่านป้า หากเพียงท่านเป็นแม่ของข้า”
“ฉุนเอ๋อร์ เจ้าก็คิดเสียว่าว่าป้าเป็นแม่ของเจ้า” นางถังพูดเบา ๆ
“ท่านป้า ข้าไม่อยากอยู่ที่เรือนหลังนั้นแล้ว ข้าอยากอยู่กับท่านป้า”
“เจ้ารออีกหน่อยนะฉุนเอ๋อร์ วันหน้าป้าจะรับเจ้ามาอยู่ด้วยแน่นอน”
ตอนนี้ชีวิตของผู้นำสกุลฟางแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทรัพย์สินของตระกุลฟางก็ยังไม่ถูกแบ่ง ตราบใดที่ฟางเหยียน[3]อยู่ใกล้ ๆ ปู่ เขาก็จะรักและเอ็นดูเด็กชายมาก แน่นอนว่าเขาต้องมอบทุกอย่างในตระกูลให้แก่ครอบครัวของบุตรชายคนโตแน่นอน
เมื่อสายหลักอย่างพวกนางควบคุมทุกอย่างภายในตระกุลฟาง คนสายรองอย่างครอบครัวของฟางจวิ่นย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียง พอถึงตอนนั้นนางจะรับตัวฉุนเอ๋อร์มาดูแล
นางถังลูบไปที่ท้องของตัวเอง ตอนนี้หญิงสาวเพียงพยายามให้หนักขึ้น แค่เพียงนางสามารถให้กำเนิดบุตรชายอีกคน ฟางเหยียนก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
นี่คือการแก้แค้นที่ดีที่สุดสำหรับนางไช่
[1] คนเขลาสามคนมีค่าเท่ากับหนึ่งจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) มีความหมายว่า แม้เป็นคนเขลาก็ตาม แต่หากร่วมแรงร่วมใจกันเปิดกว้างรับความคิดเห็นของกันและกัน ก็จะสามารถคิดวิธีดี ๆ ออกได้เช่นเดียวกับผู้มีปัญญา เฉกเช่นจูกัดเหลียงที่ใช้สติปัญญารังสรรค์เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเรื่องแล้วเรื่องเล่าทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์สมัยสามก๊กอันยิ่งใหญ่
[2] ดอกกุ้ยฮวา หรือดอกหอมหมื่นลี้
[3] หรือก็คือเหยียนเอ๋อร์