จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 356-360

ตอนที่ 356-360

บทที่ 356 : แก้แค้นแทน (2)
  ”ยิ่งกว่านั้น… ” ไป๋เซียวกล่าวต่อ “สิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่นี้ก็มิใช่เรื่องผิด ! ไป๋รั่วชดใช้หนี้ของนางไปแล้ว ทว่าหนานกงอี้ยังไม่ได้รับผลกรรมใดเลย ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือ ข้าต้องเอาชนะเขาท่ามกลางสาธารณะชน ! เพื่อที่ว่านับแต่นี้เขาจะมิอาจสู้หน้าผู้ใดได้อีก ! ”
  ครั้นได้ยินถ้อยคำที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารของไป๋เซียวเว่ยชิงก็เงียบ เขาเข้าใจตำแหน่งของไป๋หยานในหัวใจของไป๋เซียวดี เพื่อแก้แค้นให้ไป๋หยานแล้ว ไป๋เซียวจะไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจของตนเองเป็นแน่ !
  “ไป๋เซียวเราเป็นพี่น้องกัน หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้ายินดีช่วยเต็มที่” เว่ยชิงตบไหล่ไป๋เซียวเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
  ไป๋เซียวพยักหน้าเล็กน้อย”หากข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าจะไม่เกรงใจเป็นแน่ ทว่าครานี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยข้าได้ … ”
  *****
  บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ไป๋หยานเดินไปได้เพียงสองก้าว นางก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองนางอย่างเกลียดชัง ความเกลียดชังนั้นพุ่งใส่แผ่นหลังของนางราวกับเข็มนับพันเล่มตรงเข้าทิ่มแทง
  ไป๋หยานขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกวาดตามองหาอย่างช้า ๆ ที่สุดก็พบว่าบนห้องส่วนตัวชั้นสองมีเด็กสาวหัวล้านปรากฏกาย
  หญิงสาวหัวล้านเลี่ยนบนหน้าผากของนางถูกสลักคำพูดเหยียดหยาม เมื่อแสงแดดตกกระทบศีรษะของนาง ก็จะเกิดประกายแวววับ
  ยามนี้แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเกลียดชังหากแววตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าร่างของไป๋หยานคงจะถูกมีดหลายพันเล่มตัดออกเป็นชิ้น ๆ
  ”รอสักครู่พี่สะใภ้ ข้าจะสอนบทเรียนให้หญิงผู้นี้เอง”
  ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นแลเห็นหญิงสาวที่มีศีรษะล้านเลี่ยนนางก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นด้วยความโกรธ นางตั้งใจจะไปจัดการหญิงสาวผู้นั้นให้หนัก
  “ไม่ต้อง”ไป๋หยานมองตานาง ”ข้ารับปากว่าจะให้เวลาเซียวเอ๋อสักสองสามวัน ข้าไม่อยากให้เซียวเอ๋อต้องเหนื่อยหนักขึ้น พวกเราไปกันเถอะ”
  ”แต่… ” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยปาก ขณะมองไป๋หยานอย่างผิดหวัง
  ”พี่ชายของเจ้าใกล้จะกลับมาแล้วนะ”
  ประโยคนี้ของไป๋หยานทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นเงียบเสียงทันที
  นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา”พี่สะใภ้ ท่านช่วยไม่เอ่ยถึงพี่ชายของข้าจะได้หรือไม่ ? ข้ากลัว … ”
  ”พี่ชายของเจ้าน่ากลัวมากเลยกระนั้นหรือ?” ไป๋หยานเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
  แม้ว่าตี้คังจะชอบทำให้ผู้คนหวาดกลัวทว่าเขาก็ไม่เคยทำสิ่งใดรุนแรงเลย เช่นนั้นชายผู้นี้ย่อมไม่น่ากลัวอย่างที่เห็น
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่รู้ว่าไป๋หยานคิดสิ่งใดร่างของนางสั่นสะท้าน นางร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก
  ”คนเช่นเขาไม่น่ากลัวกระนั้นหรือ?”
  ”เขาตีเจ้างั้นรึ?”
  ”เขาไม่เคยตีข้า”ตี้เสี่ยวอวิ๋นพูดพร้อมกับบุ้ยปาก แต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดทันทีที่พี่ชายมายืนอยู่เบื้องหน้าข้า ข้ากลับรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งไป พี่สะใภ้ ท่านไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของเขางั้นหรือ ? ขนาดพี่ชายของข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกคนที่รู้จักพี่ชายของข้าต่างก็หวาดกลัวเขา เว้นแต่ท่านและเสี่ยวเฉินแล้ว ไม่มีผู้ใดที่ไม่กลัวเกรงเขา”
  นางยังจำได้ว่าเดิมที สตรีในแดนอสูรต่างก็ต้องการที่จะเป็นพี่สะใภ้ของนาง ทว่าเพียงเห็นสายตาของพี่ชายนาง สตรีเหล่านั้นต่างก็พากันหวาดกลัว กระทั่งไม่กล้าเข้าใกล้พี่ชายของนางแล้ว
  พี่ชายช่างน่ากลัวว่าหรือไม่?
  ใบหน้าของไป๋หยานแลดูสับสนเล็กน้อยรัศมีของตี้คังนั้นแข็งแกร่งเกินไปทั้งกลิ่นอายก็มืดมน หากแต่นางกลับไม่คิดว่ามันน่ากลัว
  ”พี่สะใภ้ก็ท่านกับเฉินเอ๋อเป็นคนพิเศษสำหรับเขาไง เขาเลยไม่ทำให้พี่กลัว เช่นนั้น … ”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยายามหาเหตุผลสนับสนุนหากแต่นางไม่ทันเห็นแววตาเย็นชาของไป๋หยานที่กวาดมองมา ทั้งริมฝีปากของไป๋หยานยังยกโค้งขึ้นยิ้มเยาะ
  ”พี่ชายของเจ้ามักคิดแต่จะหักมือไม่ก็หักขาของข้า เจ้าคิดว่าเขาไม่ทำให้ข้าหวาดกลัวเลยกระนั้นรึ ?”
  ***จบบทแก้แค้นแทน (2)***

บทที่ 357 : แก้แค้นแทน (3)
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นยังคงโง่งมนัยน์ตากลมโตอันงดงามของนางนั้นเบิกกว้างและงงงัน
  พี่ชายยังตามตื๊อพี่สะใภ้อยู่มิใช่หรือ? เขาจะโหดร้ายกับพี่สะใภ้เช่นนั้นได้อย่างไร ? ทั้งยังต้องการให้นางช่วยสนับสนุนเขาอีก เช่นนี้นางจะช่วยเขาได้อย่างไรล่ะ ?
  ครั้นฉู่อีอี้เห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นยังคงยืนงงอยู่นางก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ตี้เสี่ยวอวิ๋น พี่ชายของเจ้าดุร้ายมาก ต่างกับพี่ชายของข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่า พี่ชายของข้าอ่อนโยนกับไป๋หยานและเฉินเอ๋อมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือจันทรา หากนางปรารถนาเขาก็สามารถหามาให้นางได้ … ”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชิดหน้าขึ้น”หากพี่ชายของเจ้ามากความสามารถถึงเพียงนั้น เหตุใดพี่สะใภ้ถึงไม่แต่งให้เขาทั้งที่อยู่กันมาตั้งนมนานแล้วล่ะ ? ข้าคิดว่าแม้แต่จูบพี่สะใภ้เขาก็ยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ ทว่าข้าเคยเห็นพี่ชายข้าจูบพี่สะใภ้ด้วยตาตนเอง ”
  ฉู่อีอี้ตาค้างยายหน้าสวยแต่โง่นี่ จู่ ๆ ดันฉลาดขึ้นมาได้ เจ้าฉลาดขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
  “นี่ก็สายมากแล้วหากพวกเจ้าต้องการทะเลาะกันต่อ เฉินเอ๋อกับข้าก็จะกลับกันก่อน” ไป๋หยานกล่าวจากนั้นก็หันไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “นอกจากนี้ ข้าจะบอกอ๋องคังด้วยว่าเมื่อครู่พวกเจ้าพูดอะไรกัน”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นตัวแข็งขึ้นมาทันทีใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความคับข้องใจ นางจำต้องเดินเงียบ ๆ ตามหลังไป๋หยานที่เดินจูงมือไป๋เสี่ยวเฉินไปจนถึงคฤหาสน์โบราณ
  *****
  ในห้องพิเศษชั้นสอง
  ไป๋จื่อหันกลับมามือของนางกำแน่น ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความปวดร้าวใจ
  ”จื่อเอ๋อ?” ครั้นชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นสีหน้าดุร้ายของไป๋จื่อ เขาก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
  ครั้นไป๋จื่อได้ยินเสียงนั่นใบหน้าของนางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางหันไปมองบุรุษรูปงามพลางกล่าวว่า
  “พี่ลู่ข้าเพิ่งเห็นไป๋หยาน สตรีที่ข้าเคยเล่าให้พี่ฟังไง นางไม่เพียงแต่จะวางแผนให้ร้ายพี่สาวข้า นางยังคิดจะสังหารทุกคนในตระกูลไป๋อีกด้วย”
  ไป๋จื่อก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น
  ท่านแม่บอกว่าบุรุษชื่นชอบสตรีพูดจาดีมีเหตุมีผล เช่นนั้นหากต้องการพิชิตหัวใจของลู่จีเฟิง นางต้องเรียนรู้วิธีการรับมือผู้ชายจากไป๋รั่ว ตระกูลไป๋จำเป็นต้องใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อยึดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นหลักพึ่งพิงให้จงได้
  ”แต่…”ไป๋จื่อเงยหน้าขึ้นยิ้มเศร้า ๆ “ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกพี่ลู่ เป็นที่เข้าใจกันว่า พี่ไป๋หยานคิดว่าพี่ไป๋รั่วชิงตำแหน่งพระชายาของนางไป ! ทว่าต่อให้โลกทั้งโลกกล่าวหาว่าตระกูลไป๋ของข้าผิด ข้าก็เชื่อว่าพวกเรามีมโนธรรมพอนั่นก็เพียงพอแล้ว ”
  เป็นประโยคที่ดีแสดงถึงความมีมโนธรรมที่ชัดเจนยิ่ง
  ความโกรธของลู่จีเฟิงพุ่งจี๊ดเขาพยายามควบคุมอารมณ์ ขณะยกมือขึ้นลูบศีรษะไป๋จื่อ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าได้ให้ยาเม็ดกำเนิดใหม่เพื่อฟื้นฟูร่างกายแก่หนานกงอี้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาจะสามารถฟื้นคืนได้ภายในครึ่งเดือน และหลังจากนั้นข้าจะให้ยาเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งให้เขาก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก”
  ไป๋จื่อแปลกใจนางเงยหน้าขึ้นเอ่ยกล่าวว่า “จะดีหรือ ? ยาต้องห้ามนั่นจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?”
  “แล้วจะผิดที่ใดล่ะชายที่ไม่สามารถปกป้องหญิงที่รักได้ ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่ !” แววตาของลู่จีเฟิงยิ่งกว่าขยะแขยง “ข้า…ลู่จีเฟิง จะไม่มีวันปล่อยมือหญิงที่ข้ารักเป็นเด็ดขาด”
  เขาจับมือไป๋จื่อแน่นส่งผลให้นางหน้าแดง กระทั่งต้องก้มหน้าด้วยความเขินอาย
  ”พี่ลู่”นางเอ่ยอย่างอาย ๆ พลางกัดริมฝีปาก “ข้ารู้ว่า ท่านทำสิ่งนี้ก็เพื่อข้า ทว่าไป๋เซียวเป็นทายาทของตระกูลไป๋ แม้ไป๋หยานจะเป็นคนไร้คุณธรรม เราก็ไม่ควรไร้คุณธรรมเช่นนาง ข้าหวังว่าระหว่างการคัดสรรท่านจะไว้ชีวิตของหนานกงอี้”
  ลู่จีเฟิงถอนหายใจเขามองศีรษะล้านเลี่ยนวาววับของไป๋จื่อ นัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความอบอุ่น
  ***จบบทแก้แค้นแทน (3)***

บทที่ 358 : แก้แค้นแทน (4)
  ”ได้ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ”
  แม้จะมีข่าวลือที่ว่าไป๋จื่อนมโตแต่โง่นางเย่อหยิงทั้งชอบวางอำนาจ หากแต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า นางออกจะเป็นคนง่าย ๆ ตรงไปตรงมา เขาไม่รู้ว่าข่าวลือบ้า ๆ เหล่านั้นมาจากที่ใด ?
  ”พี่ลู่ขอบใจท่านมากที่เชื่อมั่นในตัวข้า”
  นัยน์ตาของไป๋จื่อเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ”ข้าคิดว่า พี่จะเชื่อคำชาวบ้านที่เขาลือกันทั่วตลาดเกี่ยวกับตัวข้า แท้จริงไป๋หยานเกลียดข้า เพราะข้าเกือบจะได้เป็นชายาของอ๋องคัง หากแต่ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับอ๋องคัง เป็นเพราะฮองเฮาทรงตัดสินพระทัยไปเอง ทั้งข้าก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะความหวาดกลัว”
  ลู่จีเฟิงเชิดริมฝีปากขึ้นเขาลูบหลังไป๋จื่อเพื่อปลอบใจ “ข้าเข้าใจ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองว่าเจ้าเป็นคนโหดร้าย นอกจากนี้นับเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว ที่ไม่ได้แต่งงานกับเขา ข้าได้ตรวจสอบประวัติของอ๋องคังแล้ว ว่ากันว่าเขาเป็นคนโหดร้ายทั้งใจหิน หากเจ้าแต่งงานกับชายผู้นั้นอาจถูกทำร้ายอีกก็เป็นได้ ไม่ช้าก็เร็วไป๋หยานก็คงจะเต็มไปด้วยรอยช้ำใน”
  ในความคิดของลู่จีเฟิงนั้นการใช้ข่าวลือพวกนั้นทำร้ายสตรีดี ๆ ที่แสนเรียบง่าย และไร้เดียงสาเช่นจื่อเอ๋อได้ หัวใจของไป๋หยาน ช่างเลวทรามนัก โชคดีที่จื่อเอ๋อมาพบเขา หากนางไปเจอคนอื่นที่เชื่อข่าวลือเหล่านั้น นางมิต้องเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอกหรือ ?
  ลู่จีเฟิงเชื่อว่าหากรักสตรีใด ย่อมสมควรให้ความไว้วางใจในสตรีผู้นั้น
  โดยส่วนตัวแล้วที่เขาชอบไป๋จื่อไม่เพียงแต่เพราะหัวโล้น ๆ ของนางเท่านั้น เขายังหลงรักความเรียบง่าย และตรงไปตรงมาของนางอย่างมากอีกด้วย
  ไป๋จื่อซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของลู่จีเฟิงแต่ครั้นเขาไม่เห็น นางก็เผยรอยยิ้มที่น่ากลัว
  ไป๋หยาน…ต่อให้เจ้ามีพรรคสัตว์อสูรหนุนหลังก็แล้วยังไงล่ะต่อให้พรรคสัตว์อสูรแข็งแกร่งเพียงใด ก็สู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หรอก !
  ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรับรู้ถึงความพ่ายแพ้ทั้งยังต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับอีกด้วย !
  *****
  ข่าวที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดรับสมัครผู้คนนั้นเล่าลือไปทั่วอาณาจักรหลิวฮั่วเป็นเวลานานแล้วข่าวนี้ดึงดูดผู้คนมากมายจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้เดินทางมาที่นี่เพื่อการนี้
  เช่นนั้นในวันคัดสรรจึงมีผู้คนแห่มาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
  ภายหลังการแข่งขันรอบคัดออกผู้คนนับไม่ถ้วนก็ถูกคัดทิ้ง เหลือเพียงแต่พวกยอดฝีมือ
  ไป๋หยานไม่ได้ให้ความสนใจในการแข่งขันสักเท่าใดนัก นางลูบไล้แมวขาวตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนตลอดเวลา บางครานางถึงจะมองผู้เข้าแข่งขันบ้าง บางครานางก็จิกมุมปากเล็กน้อย
  ”การแข่งขันระดับนี้มีอะไรน่าสนใจนักหรือ?”
  น้ำเสียงสบายๆ ของไป๋หยาน ทำให้ฉู่อีอี้กลับมารู้สึกตัวพร้อมกับกระพริบตา
  ”ข้าก็เพียงอยากเห็นว่าการคัดสรรในครั้งนี้มียอดฝีมือระดับไหนบ้างเพราะนี่เป็นงานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ต้องการให้คนไร้ความสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า”
  เสียงของฉู่อีอี้ลดลงจนคล้ายกระซิบเหลือเพียงไม่กี่คนที่สามารถได้ยิน
  ไป๋หยานยักไหล่จากนั้นก็ไม่กล่าวคำใดอีก
  ทันใดนั้นเองตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “พี่สะใภ้ดูสิ ถึงตาของไป๋เซียวแล้ว”
  ”หืม?” ที่สุดไป๋หยานก็หันมาให้ความสนใจเวทีการแข่งขันอีกครั้ง
  ไป๋หยานเห็นไป๋เซียวผู้ซึ่งสวมชุดสีเงินยวงเดินนำหน้ามาเขาขึ้นมายืนบนเวทีประลองอย่างท้าทาย
  และคู่ต่อสู้ของเขาก็คือหนานกงอี้
  ข้าไม่ได้เห็นหน้าเขามาสองสามวันแล้วไป๋หยานรู้สึกว่าร่างกายของหนานกงอี้มีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายของเขาดูเหมือนถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าครอบงำ นัยน์ตาของเขามีสีดำเหลือบฟ้า ดูไร้แววไม่ต่างจากผีดิบ
  “นี่มัน”ไป๋หยานขมวดคิ้วพลันนางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนานกงอี้สามารถออกมาต่อสู้ได้ ทั้งที่ถูกทำลายวรยุทธไปแล้ว นี่เป็นเพราะเขาได้กินยาเม็ดกำเนิดใหม่”
  ”หม่ามี้ยาเม็ดกำเนิดใหม่คืออะไร ?” ไป๋เสี่ยวเฉิน กระพริบตาพลางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
  ไป๋หยานเชิดริมฝีปาก”ยาเม็ดกำเนิดใหม่นี้เป็นยาเม็ดต้องห้ามที่อันตรายมาก แม้ว่าเจ้าจะถูกตัดมือตัดเท้า มันก็สามารถงอกออกมาได้อีกทันทีหลังจากที่เจ้ากินยาเม็ดต้องห้ามนี้ ทว่ายาเม็ดนี้จะส่งผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก”
  ***จบบทแก้แค้นแทน (4)***

บทที่ 359 : ไป๋เซียว vs หนานกงอี้ (1)
  นางโชคดีที่เคยได้เห็นยาเม็ดกำเนิดใหม่ในชาติก่อนหน้านี้ทว่ามันถูกทำลายไปแล้วหลังจากที่นางได้เห็น ยาเม็ดอันตรายชนิดนี้ นางไม่อาจเก็บไว้กับตัวได้
  “พี่สะใภ้ผลข้างเคียงของยาเม็ดกำเนิดใหม่คืออะไร ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเหลือบตามองพร้อมกับเอ่ยถาม
  ไป๋หยานยิ้มก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน พลางกล่าวอย่างเบื่อ ๆ “หลังจากกินยาเม็ดกำเนิดใหม่ ! หากเขาเสียชีวิต วิญญาณจะสูญสลาย เขาจะไม่มีวันได้กลับชาติมาเกิดอีก !
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นสูดลมหายใจอย่างสยดสยองนางไม่คิดว่าผลข้างเคียงของยาเม็ดกำเนิดใหม่จะรุนแรงถึงเพียงนี้
  หากทว่าหนานกงอี้เพื่อจะให้ผ่านเข้าสู่ระดับขั้นที่สูงขึ้นถึงกับยอมกินยาอันตรายเพียงนี้เชียวหรือ ?
  มีแต่ฉู่อีอี้เท่านั้นที่สีหน้าของนางไม่แสดงออกใดๆ นางมองหนานกงอี้ผู้ซึ่งกำลังยืนอย่างท้าทายอยู่บนเวที
  “หนานกงอี้กลัวตายถึงเพียงนั้น หากรู้ความจริง เขาไม่มีทางกินยาเม็ดกำเนิดใหม่หรอก เขาต้องถูกหลอกให้กินมากกว่า” ไป๋หยานยิ้มเยาะขณะกล่าว “แต่ถึงอย่างไร เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความโลภในใจของเขาเอง หาไม่แล้วเขาคงไม่ถูกหลอกให้กินยานั่น”
  แน่นอนว่าความโลภของเขาก็คือการหาทางแก้แค้นนางโชคไม่ดี ที่นางย่อมไม่เปิดโอกาสให้เขาทำได้
  “หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยานด้วยทีท่าน่าสงสาร “ท่านน้าจะเป็นอันตรายหรือไม่ ?”
  ไป๋หยานลูบไล้เสี่ยวมี่พลางยิ้มขณะเอ่ยกล่าวว่า “แม่เชื่อมั่นในตัวเขา”
  นั่นคือน้องชายของนาง! เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแพ้ให้กับหนานกงอี้ นางเชื่อมั่นในตัวเขา !
  *****
  บนเวทีประลอง
  หนานกงอี้มองไป๋เซียวเขาเม้มริมฝีปากอย่างเย็นชา “ไป๋เซียว หากมิใช่เพราะไป๋หยาน ข้าคงไม่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ ! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อให้นางต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !”
  ไป๋เซียวอยู่ในชุดคลุมยาวอารมณ์ของเขาสงบนิ่ง แววตาของเขาเย็นชา ขณะมองหนานกงอี้ผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงข้าม
  ”ข้าจะไม่แพ้”
  น้ำเสียงของชายหนุ่มหนักแน่นแววตาของเขาเย็นชา
  เพื่อพี่สาวแล้วเขาต้องไม่แพ้ !
  ”ฮ่าฮ่า”หนานกงอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าเกรงว่า เจ้าคงจะทำไม่ได้ !”
  ชายหนุ่มไม่เอ่ยคำใดอีกเขาเริ่มดึงดาบเล่มยาวออกมา ภายใต้สายลมแผ่วเบา เสื้อผ้าของเขาพลิ้วสะบัด ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว
  บูม!
  หนานกงอี้กระแทกฝ่ามือข้างหนึ่งกระทั่งก่อเกิดสายลมแรงราวกับพายุ สายลมสังหารพุ่งเป็นแนวตรงเข้าสู่ร่างของเด็กหนุ่มคู่ต่อสู้ รอยยิ้มของเขาเย็นชา
  ตาย!
  วันนี้แหละไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับไป๋หยานต้องตาย!
  *****
  นอกเวทีการประลองมีเวทีสูง ไป๋จื่อยืนอยู่บนเวทีสูงมองเวทีประลองด้านล่าง ดวงตาของนางเปล่งประกาย ขณะมองจ้องสาวชุดสีแดงท่ามกลางฝูงชน
  “จื่อเอ๋อเจ้ามองอะไรอยู่ ?” ไม่รู้ว่าลู่จีเฟิงมายืนอยู่ข้างๆ ไป๋จื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาโอบไหล่นางเบา ๆ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
  ยามนี้ใบหน้าของไป๋จื่อแลดูไม่ได้เลยนางจับมือของลู่จีเฟิง น้ำเสียงของนางค่อนข้างตึงเครียด “พี่ลู่… ไป๋หยาน มาดูการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย”
  ”แล้วไง?” ลู่จีเฟิงเอ่ยถามอย่างงงงวย
  ”ไป๋หยานนางชอบคนมีอำนาจ ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าเกรงว่า… ”
  แม้ว่าไป๋จื่อจะพูดไม่จบประโยคทว่าลู่จีเฟิงก็เข้าใจในความหมายที่นางต้องการสื่อ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
  ”จื่อเอ๋อข้าชอบในความเรียบง่ายและตรงไปตรงมาของเจ้า ส่วนหญิงใจร้ายและดุร้ายเช่นนาง ต่อให้งดงามเพียงใด ข้าก็ไม่มีวันชอบนาง ไม่ต้องห่วง”
  ลู่จีเฟิงมองตามสายตาของไป๋จื่อจึงเห็นสตรีชุดแดงท่ามกลางฝูงชนด้านล่าง นัยน์ตาของเขาฉายประกายรังเกียจเล็กน้อย
  ***จบบทไป๋เซียว vs หนานกงอี้ (1)***

บทที่ 360 : ไป๋เซียว vs หนานกงอี้ (2)
  ไม่ว่าสตรีจะงดงามเพียงใดก็เป็นแค่รูปลักษณ์แต่ภายนอก นางเป็นหญิงใจร้ายมาก ต้องเป็นคนโชคร้ายจริง ๆ จึงจะได้แต่งงานกับนาง
  ”หือ?”
  ลู่จีเฟิงขมวดคิ้วขณะมองฉู่อีอี้ที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋หยาน ด้วยสายตางง ๆ
  ”จื่อเอ๋อรู้จักหญิงผู้นั้นหรือไม่ ? นางเป็นใคร ? ข้ารู้สึกคลับคล้ายเคยเห็นนางที่ไหนสักแห่ง … ”
  หัวใจไป๋จื่อตึงเครียดขึ้นทันทีนางมองฉู่อีอี้พลางกัดริมฝีปาก “หญิงผู้นั้นเป็นสาวใช้ของไป๋หยาน”
  หญิงผู้นั้นตามติดไป๋หยานตลอดทั้งวันหากมิใช่สาวใช้จะให้เรียกว่าอะไร ? นี่คงไม่ใช่ว่าพี่ลู่ชอบนางหรอกนะ ?
  ”สาวใช้งั้นหรือ?” ลู่จีเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาย่อมเชื่อไป๋จื่อเป็นธรรมดา “เมื่อเป็นเพียงหญิงรับใช้ ก็ช่างเถอะ เราไม่จำเป็นต้องสนใจนาง”
  ครั้นเขาพูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองฉู่อีอี้อีกครั้ง หากแต่ก็ยังจำไม่ได้ว่าเขาเคยเห็นนางที่ใด ?
  ลู่จีเฟิงเป็นศิษย์ในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแต่เขาไม่รู้จักฉู่อีอี้ แต่อาจเคยเห็นนางบ้างโดยบังเอิญ
  เนื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่ใหญ่โตมากทั้งศิษย์ชั้นนอกและศิษย์ชั้นในต่างก็พักอาศัยอยู่ห่างไกลจากใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงเฉพาะศิษย์เอกเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น และแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
  เป็นธรรมดาที่มีเพียงคนที่มีฐานะพิเศษจริงๆ จึงจะสามารถเข้าพื้นที่ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ !
  ยิ่งบริเวณที่เรียกว่าเกาะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเดิมทีเป็นที่อยู่ของประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปัจจุบันได้กลายเป็นเขตต้องห้ามนับตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน เนื่องจากประมุขของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มอบให้เป็นที่อยู่ของไป๋หยานแทน
  เช่นนั้นหากผู้ใดที่สามารถเข้าเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ย่อมไม่ธรรมดา!
  ข่าวลือภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามักจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มากกว่าเจ้าเกาะศักดิ์สิทธิ์ !
  ผลก็คือไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นนางต่างก็เพียงได้ยินเรื่องของนางเท่านั้น !
  หนานกงอี้นี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ ! ”
  ครั้นลู่จีเฟิงหันกลับไปมองบนเวทีการแข่งขันเขาก็เห็นหนานกงอี้ไม่สามารถต้านทานคู่ต่อสู้ได้ ปากของเขาเหยียดออกอย่างเยาะเย้ย นัยน์ตาของเขามืดมน อีกทั้งเย็นชา
  หากมิใช่เป็นเพราะจื่อเอ๋อเขาคงไม่ให้ยาเม็ดกำเนิดใหม่กับไอ้ขยะคนนี้หรอก
  อย่างไรก็ตามลู่จีเฟิงไม่รีบร้อน ศึกนี้ยังมีเวลาอีกนาน
  วันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไป๋เซียวจะไม่ตาย !
  *****
  ยามนี้ผู้คนโดยรอบเวทีการแข่งขันต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังฝ่ามือของไป๋เซียว พวกเขามองหนานกงอี้ด้วยสายตาดูถูก
  “นั่นไม่ใช่องค์รัชทายาทหรอกหรือ? คนที่เคยถูกเนรเทศผู้นั้นใช่หรือไม่ ? อย่าว่าแต่เอาชนะอ๋องคังเลย แค่ไป๋เซียวที่อายุน้อยกว่าเขาตั้งหกปี เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้เลยเห็นหรือไม่ ? ”
  ”ถุยคิดว่าจะเก่งกาจสักเพียงใด ไม่แปลกใจเลยที่เขาให้กำเนิดบุตรชายที่ไร้ประโยชน์เยี่ยงหนานกงหลิน !”
  ”ข้าคิดว่ายามนี้ตระกูลหลานดูดีกว่ามากเลย อันดับแรก พวกเขามีไป๋หยาน ทั้งตอนนี้พวกเขาก็มีไป๋เซียว พวกเขาไม่เคยพูดว่าพรสวรรค์ของพวกเขามาจากตระกูลไป๋ ก็ดูอย่างไป๋จื่อกับไป๋รั่วสิ … ”
  เนื่องจากพวกเขาหวาดกลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนเหล่านี้จึงจงใจลดเสียงลง ทว่าหนานกงอี้ผู้ซึ่งอยู่บนเวทีการแข่งขันกลับได้ยินข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน
  เขาเกือบจะกระอักเลือดขณะจ้องมองไป๋เซียวด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
  ”เจ้าบังคับข้าเองนะ! ข้าไม่เสียเวลากับเจ้าแล้ว !”
  หน้าผากของไป๋เซียวย่นลงเล็กน้อย
  ชั่วขณะนั้นหนานกงอี้ก็หยิบยาเม็ดออกจากมาจากสาบเสื้อของตนก่อนจะรีบก็กลืนมันลงไป ทันใดนั้นพลังอันยิ่งใหญ่ก็แผ่กระจายออกมาจากกายของเขา
  “ฮ่าฮ่าฮ่า!” หนานกงอี้หัวเราะเยาะ พลันแรงกดดันก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเสียงหัวเราะ “ไป๋หยาน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังดูละครฉากนี้อยู่ด้านล่าง ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายอมเป็นนางบำเรอของข้า ข้าจะปล่อยน้องชายเจ้าไป ! ”
  ***จบบทไป๋เซียว vs หนานกงอี้ (2)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท