บทที่ 200 คำขอของนายผู้เฒ่าฟาง
วันถัดมา
นางไช่มาตามหาถังหลี่ หญิงสาวสังเกตเห็นว่านางไช่อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
“พี่ไช่ ท่านเป็นอะไรหรือ?” นางไช่กอดถังหลี่ก่อนพูดว่า
“ถังถัง ลูกสาวข้าบอกว่าถุงหอมที่ข้าทำน่าเกลียด นางอายที่จะใส่มันออกไปข้างนอก”
ถังหลี่รู้ดีว่า หากลูกสาวพูดอย่างนี้กับตนเองแล้วคงเจ็บมากกว่ามีคนอื่นพูดมากมายหลายร้อยหลายพันเท่านัก ถังหลี่ปล่อยให้นางไช่กอดนางเอาไว้จนกว่านางจะสบายใจ จากนั้นนางจึงได้เล่าให้ฟังว่า
“สามีของข้ายังบอกอีกว่าเป็นเพราะข้าตีนาง อารมณ์เสียใส่นางบ่อย ๆ แต่ฉุนเอ๋อร์เป็นแบบนี้ทำให้บางครั้งข้าอดใจไม่ไหวจริง ๆ” นางไช่พูดอย่างขึ้งโกรธ
“ฉุนเอ๋อร์ชอบถังซื่อมากกว่าข้า” นางไช่ไว้ใจถังหลี่จึงเล่าให้นางฟัง ถังหลี่นั่งฟังเงียบ ๆ ในไม่ช้าก็เข้าใจเหตุผลที่ว่าเหตุใดลูกสาวนางไช่จึงไม่ชอบเข้าหานาง
จริง ๆ แล้วปัญหาเช่นนี้ก็พบเจอได้บ่อยในครอบครัวที่มารดาเข้มงวดกับลูกมาก สอนสั่งบุตรด้วยความเย็นชา ย่าของเด็กมักจะกระโดดออกมาปกป้องหลานและจะได้ใจเด็กไปทันที พวกเขาจะใกล้ชิดกับย่าที่รักเขามากกว่ามารดาที่เข้มงวดมากเกินไป พวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กเล็ก ๆ จึงไม่สามารถแยกออกได้ว่า สิ่งที่มารดาพร่ำสอนนั้นคือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเอง
“เมื่อลูกสาวของท่านโตขึ้นและมีเหตุผลมากขึ้น นางจะรู้ว่าท่านรักและหวังดีกับนางมากเพียงใด สุดท้ายแล้วลูกสาวของท่านก็ยังเป็นลูกของท่านอยู่ตลอดไป ไม่มีใครมาเทียบเคียงท่านได้หรอก” ถังหลี่ปลอบโยน
นางไช่เช็ดนำตาที่ร่วงหล่นลงมา “ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
……
ในอีกไม่กี่วันต่อมา
อาการของผู้นำสกุลฟางย่ำแย่ลงมาก และเอ้อร์เป่าอยู่เคียงข้างปู่ของตนเองทั้งกลางวันกลางคืน เด็กชายเฝ้าชายชราเงียบ ๆ ไม่ห่าง เอ้อร์เป่ามองไปยังร่างกายที่ผ่ายผอมของชายชราบนเตียงก็รู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกกลัวว่าท่านปู่จะทิ้งเขาไปเหมือนท่านยายจางผู้นั้น
“ท่านพ่อ เหยียนเอ๋อร์อยู่กับท่านทุกวันตั้งแต่กลับมาที่บ้าน เขาเป็นเด็กกตัญญูจริง ๆ ความรักที่ท่านที่มีต่อเหยียนเออร์จะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน” ฟางเจี๋ยพล่ามพูดอยู่ข้าง ๆ บิดาทุกวัน เขารู้ดีว่าเวลาของบิดานั้นใกล้หมดแล้ว
ตอนนี้ทรัพย์สินของสกุลฟางยังไม่ได้แบ่ง ชายหนุ่มอยากให้บิดามอบสกุลฟางให้เขาเป็นผู้สืบทอดเพื่อตัวเองและลูก ๆ ของเขา
“เด็กคนนี้กตัญญูและใจเย็นมาก เขาเหมือนท่านพ่อจริง ๆ”
“ท่านปู่!” ทันใดนั้น เอ้อร์เป่าก็ส่งเสียงเรียกขึ้น
เด็กชายเห็นว่านายท่านผู้เฒ่าฟางลืมตาขึ้นจริง ๆ
“ท่านพ่อ ท่านได้สติแล้ว เร็วรีบเรียกท่านหมอมา!” ฟางเจี๋ยพูดอย่างตื่นเต้น
“หยุดพูดพล่ามได้แล้ว ข้าสบายดี มาคุยกับข้าหน่อย” ชายชราพูด
ฟางเจี๋ยหุบปากลงพยักหน้ารับ
สายตาของนายท่านฟางจับจ้องไปที่เอ้อร์เป่าราวกับว่าเขาต้องการจะจดจำภาพเด็กชายเอาไว้ เอ้อร์เป่าเองก็ดีใจที่ท่านปู่ฟื้นขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความสุข
“เหยียนเอ๋อร์โตขึ้น” ชายชราถอนหายใจ “เขาสูงขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ เท่านั้น”
นายท่านฟางเป็นห่วงหลานชายคนโตมาก เรียกได้ว่าแทบจะถนอมไว้ในฝ่ามือกันเลยทีเดียว
นายผู้เฒ่าฟางไม่รู้ว่าหลานชายของเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดตอนที่อยู่นอกจวนฟางแห่งนี้ พอนึกถึงภาพที่เขาทรมาน หัวใจของชายแก่ก็สั่นสะท้าน
โชคดีเหลือเกินที่พบตัวแล้ว
เห็นเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเขาก็โล่งใจ
“หลานรักของข้า ข้าได้ยินมาว่าคู่สามีภรรยาที่รับเลี้ยงเจ้าอยู่ในจวนหรือ?” นายท่านฟางถาม
“ขอรับ ท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่นี่” เอ้อร์เป่าพยักหน้า
“ดียิ่ง ข้าอยากพบพวกเขา พวกเขาคือผู้มีพระคุณสำหรับคนสกุลฟาง” ชายชรากล่าวอย่างตื่นเต้น
ฟางเจี๋ยต้องการจะหยุดบิดาไว้จริง ๆ แต่เมื่อคิดถึงนิสัยที่มุ่งมั่นแน่วแน่ของบิดาแล้ว อย่างไรเสียเขาก็คงต้องพบให้ได้
ในไม่ช้าถังหลี่และเว่ยฉิงก็มาถึง
ชายชราขอให้เอ้อร์เป่าและฟางเจี๋ยออกไปด้านนอก เพราะเขาอยากพูดคุยกับทั้งสองเพียงลำพัง ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือแต่พวกเขาเพียงสามคนเท่านั้น
สายตาของชายชราปราดมองไปที่คู่หนุ่มสาว เขาเองก็อายุปูนนี้แล้วได้เห็นโลกมามากมาย เพียงแค่มองหน้าเขาก็สามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนเช่นไร เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ชายตรงหน้านั้นมีสีหน้าที่แน่วแน่ เขาไม่ใช่เป็นเพียงปลาตัวเล็กที่อยู่ในสระ เพราะเมื่อเจอพายุบุรุษผู้นี้พร้อมจะกลายร่างเป็นมังกรได้ทุกเมื่อ ส่วนหญิงสาวคนนี้แม้จะดูอ่อนโยนและบอบบาง แต่นางมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ต่างจากสตรีทั่วไป
ไม่น่าแปลกใจที่สองคนนี้จะเลี้ยงดูเหยียนเอ๋อร์ได้เป็นอย่างดี
“ตอนนี้ข้าขยับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงโขกหัวให้พวกเจ้าสองสามครั้ง” ชายชรากล่าว
“หากเป็นเพราะเรื่องเอ้อร์เป่า ท่านอย่าได้เกรงใจเลย” ถังหลี่กล่าว
“ไม่ได้ ! ภายนอกอันตรายถึงเพียงนี้ หากเขาไม่ได้พบพวกเจ้า เขาคงไม่ได้เติบโตมาดีเช่นนี้” นายท่านฟางกล่าว
ชายชรารู้ว่าเวลาของเขานั้นกำลังจะหมด จึงตัดสินใจพูดออกไปตรง ๆ ว่า
“พ่อหนุ่ม เจ้าช่วยเอากล่องใต้เตียงข้าออกมาหน่อยเถอะ”
เว่ยฉิงก้มมองไปใต้เตียง เห็นกล่องใบเล็ก ๆ เขาหยิบมันออกมาก่อนจะยื่นให้นายท่านฟาง
ชายชรารับกล่องใบไป เขาหยิบพวงกุญแจที่ห้อยอยู่ที่คอออกมา ใช้มันเปิดกล่องอย่างรวดเร็วจนเจอกระดาษปึกหนึ่งในนั้น เขาหยิบมันออกมายื่นไปให้เว่ยฉิง
“พ่อหนุ่ม เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้”
เว่ยฉิงไม่สนใจ
ฟางเจี๋ยนั้นต้องการจะตัดสัมพันธ์พ่อลูกของเอ้อร์เป่ากับเว่ยฉิง ชายชรากำลังจะทำแบบเดียวกันหรือไม่?
“ท่านผู้เฒ่าอยากให้เราทิ้งเอ้อร์เป่าไว้ที่จวนสกุลฟางหรือ?”
ชายชราส่ายศีรษะ
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าพาเขาไป”
ทั้งถังหลี่และเว่ยฉิงตกใจมาก พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล่าวแบบนี้
“ช่วงที่ข้าไม่รู้สึกตัวนั้น เด็กคนนี้พูดกับข้าเยอะแยะมาก เขาพูดถึงพวกเจ้าทั้งสองคนจนหูข้าชาไปหมดแล้ว เขามีความสุขเวลาอยู่กับพวกเจ้า แต่ไม่มีความสุขกับการที่อยู่ในจวนสกุลฟาง ที่ผ่านมาข้าคิดเสมอว่าเมื่อเด็กคนนี้เติบโตขึ้น เขาจะทำให้สกุลฟางเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมายามที่เขาหายไป ข้าเพียงหวังให้เขาปลอดภัย แข็งแรง และมีความสุขเท่านั้น” นายท่านฟางกล่าว
“เขามีความสุขเวลาอยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าคือครอบครัวของเขา ข้าวางใจได้ว่าหากเป็นเจ้าทั้งสองเขาจะปลอดภัย นี่เป็นสัญญาของร้านค้าไม่กี่แห่ง หากวันใดที่เหยียนเอ๋อร์ต้องการเริ่มต้นกิจการของตัวเองในเมืองหลวง หากเขาไม่ต้องการทำการค้า ของพวกนี้ก็สามารถทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องไปตลอดชีวิตของเขา”
ถังหลี่รู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้
นางมองชายชราตรงหน้า คน ๆ นี้คือคนที่รักและหวังดีกับเอ้อร์เป่าของนางจริงๆ
หญิงสาวเคารพคนที่ดีกับเอ้อร์เป่าเสมอ
“ตกลง ข้าจะรับของพวกนี้ไว้” ความคิดของถังหลี่นั้นตรงไปตรงมามาก
“ข้าขอรับรองว่า พวกเราจะดูแลเอ้อร์เป่าอย่างดี ปฏิบัติต่อเขาเหมือนว่าเขาเป็นลูกแท้ ๆ ของพวกเราเอง จะไม่ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจใด ๆ ก็ตาม”
ชายชราพยักหน้า
“ขอบคุณเจ้ามาก ในนี้มีจดหมายอยู่”
ถังหลี่มองเห็นจดหมายที่อยู่ด้านล่างของกล่อง
“เจ้าทั้งสองคน สัญญากับข้าได้หรือไม่ อย่าเปิดจดหมายนี้เด็ดขาด…เว้นเสียแต่ว่า วันใดที่คนในสกุลฟางทำให้เจ้าลำบากใจ จดหมายฉบับนี้จะสามารถช่วยพวกเจ้าได้”
ชายชรากล่าวอย่างมีความนัยที่ลึกซึ้งในทุกคำที่เขาพูดออกมา
“ข้าให้สัญญากับท่าน”
ถังหลี่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
ในขณะที่พูดนางก็เก็บของที่อีกฝ่ายมอบให้ หลังจากที่พูดคุยเรื่องต่าง ๆ จบ เขาก็ปล่อยทั้งสองกลับไป