บทที่ 205 ความจริง
เมื่อออกมาจากห้องขัง ฟางจวิ่นก็ทราบข่าว เขาเวทนาสามีภรรยาคู่นี้ พี่ชายของเขานั้นมีเจตนาร้าย ฟางเจี๋ยไม่ต้องการให้มีการพิจารณาคดีเกิดขึ้น แต่เขาอยากเนรเทศครอบครัวเว่ยไปเลยต่างหาก!
………………
ณ จวนสกุลฟาง
เมื่อฟางเจี๋ยได้รับข่าวว่าการพิจารณาคดีกำลังจะเกิดขึ้น ทางการขอให้พวกเขาเดินทางไปที่ศาลาว่าการทันที สองสามีภรรยาได้ยินก็ตกใจมาก
“เหตุใดการพิจารณาคดีจึงเริ่มแบบกระทันหันเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าฟางจวิ่นเป็นคนไปวิ่งเต้นเปิดคดีให้เร็วขึ้น?” นางถังกล่าว
“เขากับข้าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เขาจะไปช่วยคนนอกได้อย่างไร” ฟางเจี๋ยขมวดคิ้ว
“ท่านเห็นเขาเป็นพี่น้อง แต่ใช่ว่าใจเขาจะคิดเช่นเดียวกับท่าน”
“ข้าไม่กลัวการพิจารณาคดี ฟางเหยียนเป็นลูกของข้า พวกเรามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน การที่ถังหลี่กับเว่ยฉิงพาตัวเขาไปโดยที่ข้าไม่ยินยอม เป็นการทำผิดต่อกฎหมายต้าโจว!” ฟางเจี๋ยกล่าว
ฟางเจี๋ยและนางถังรีบไปที่ศาลาว่าการทันที
…..
ณ ศาลาว่าการ
ตอนนี้ครอบครัวสกุลเว่ยอยู่ที่ลานพิจารณาคดีแล้ว ทันทีที่ฟางเจี๋ยและนางถังมาถึง การพิจารณาคดีก็เริ่มขึ้น ในครั้งนี้คนที่ตัดสินคดีคือเจ้าเมืองฉิน ข้างกายของเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ บรรยากาศรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยไอสังหาร
ฟางเจี๋ยไม่รู้จักชายคนนี้ แต่ถังหลี่และคนอื่น ๆ รู้ดีว่าชายผู้นี้คือเฉาจีนั่นเอง คุณชายใหญ่สกุลฟางชำเลืองตามองไปยังใต้เท้าจ้าว แต่เขากลับหันหน้าหนีอีกทั้งหลบตาชายหนุ่ม
ฟางเจี๋ยรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา
“นางถัง ฟางเจี๋ย เป็นความจริงหรือไม่ ที่ถังหลี่และเว่ยฉิงลักพาตัวบุตรชายของพวกเจ้า”
เจ้าเมืองฉินถามพร้อมกับทุบค้อนไม้ในมือ
“จริง! จริงอย่างแน่นอนขอรับ! เด็กคนนี้คือบุตรชายของข้า”
ฟางเจี๋ยรีบกล่าว
เขาชี้ไปที่เอ้อร์เป่าที่ยืนอยู่ข้างกายถังหลี่ เด็กชายหลบซ่อนตัวอยู่หลังมารดา เขาจ้องมองไปฟางเจี๋ยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเป็นบิดาแท้ ๆ…
ฟางเจี๋ยอธิบายอย่างรวดเร็ว
“บุตรชายของข้าคนนี้ถูกลักพาตัวไปเมื่อเขายังเล็ก ดังนั้นเขากับข้าจึงห่างเหินกัน แต่เขาเป็นบุตรชายของข้าจริง ๆ หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านสามารถหยดเลือดพิสูจน์ได้!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘หยดเลือดพิสูจน์’ สีหน้าของนางถังเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ความจริงไม่ต้องหยดเลือดพิสูจน์ก็ได้ อย่างไรเขาก็เป็นลูกของพวกข้า” นางถังกล่าวอย่างเร่งรีบ
“บุตรชายของข้าโดนลักพาตัวไป ตอนนี้มาเจอเขาแล้วก็ยังโดนสองคนนี้ลักพาตัวซ้ำอีก ลูกแม่ เหตุใดเจ้าช่างโชคร้ายเช่นนี้”
“แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นบุตรชายของพี่ชายข้า แต่ถังหลี่และเว่ยฉิงไม่ได้ลักพาตัวเด็ก ทุกอย่างได้รับความยินยอมจากท่านพ่อของข้า”
ฟางจวิ่นกล่าวเสริมขึ้น
“น้องชาย! ถึงเจ้าจะเกลียดข้า แต่ก็ไม่สมควรพูดจาไร้สาระทำให้ครอบครัวเราแตกแยก!”
การโต้เถียงไปมาทำให้ทุกคนลืมเรื่องการ “หยดเลือดพิสูจน์”
นางถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบ ๆ
“ถ้าเช่นกันก็หยดเลือดพิสูจน์สิ” จู่ ๆ ถังหลี่ก็พูดขึ้น
“เจ้าเอาแต่พูดว่า เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเอ้อร์เป่า แต่พวกเจ้าไม่ได้สนใจเขาสักนิด ไม่เหมือนพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเลย!”
ฟางเจี๋ยลำพองใจ
เขาเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดเด็กคนนี้ จะกลัวอะไรกับการตรวจเลือด เป็นเรื่องที่เขา…ฟางเจี๋ย เป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า
ใบหน้าของนางถังซีดเผือดลง
“อย่าเลย หากเหยียนเอ๋อร์ต้องเจ็บตัวเสียเลือดเช่นนี้ มารดาเช่นข้าย่อมปวดใจ”
นางถังรีบปฏิเสธทันควัน
“ข้าไม่กลัวความเจ็บปวด”
เอ้อร์เป่าพูดอย่างจริงจัง
ถึงแม้เขาจะเป็นเด็ก แต่เขาไม่กลัวความเจ็บปวด เอ้อร์เป่าเชื่อฟังมารดามาก ถ้ามารดาของเขาบอกว่าให้เขาหยดเลือดพิสูจน์เขาก็ยินดี
ถังหลี่จ้องมองนางถัง เห็นใบหน้าของนางเริ่มซีดเซียว ร่างกายสั่นสะท้าน ถังหลี่รู้สึกเย้ยหยันอยู่ในใจ
ในห้องขัง ถังหลี่ได้เปิดจดหมายของผู้อาวุโสฟาง เพราะชายชราเคยสั่งเสียไว้ว่าหากสกุลฟางทำผิดต่อนาง ให้เปิดจดหมายนี่ออกดู ราวกับว่าเขาคาดเดาว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
หลังจากที่ถังหลี่เปิดจดหมายอ่านก็รู้ว่า สิ่งที่ท่านผู้เฒ่าฟางคาดเดาเอาไว้เป็นจริงอย่างที่เขาเขียนเอาไว้ในจดหมาย
ในจดหมายมีการเขียนถึงกำเนิดของเอ้อร์เป่าเอาไว้ ความจริงแล้วเด็กชายเป็นบุตรของฟางจวิ่นและนางไช่ เขาถูกสลับตัวโดยนางถัง ชายชรารับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เขาไม่ต้องการให้บุตรชายทั้งสองคนฟาดฟันกันเองจึงได้แต่เก็บเด็กน้อยไว้ข้างกายและไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้
เมื่อชายชราเสียชีวิตลง เขารู้ว่าหลานชายของเขาต้องจะอยู่ในจวนฟางอย่างไม่เป็นสุข เขาจึงเลือกให้เด็กชายอยู่กับครอบครัวเว่ยที่รักและห่วงใยหลานชายของเขาจริง ๆ
ตราบใดที่บุตรคนโตของเขาอย่างฟางเจี๋ยมีคุณธรรมที่ดี เรื่องราวฉาวโฉ่เรื่องนี้จะไม่ถูกเปิดเผย ครอบครัวจะเป็นปกติสุขเช่นเดิม แต่ถ้าหากฟางเจี๋ยเล่นกลกับเรื่องนี้ ความจริงในจดหมายฉบับนี้ จะเป็นไพ่ตายที่ชายชราใช้ปกป้องคนสกุลเว่ยและหลานชาย
นายท่านฟางเป็นชายชราที่ฉลาดและซื่อตรง น่าเสียดายนักที่มีบุตรชายอย่างฟางเจี๋ยมาเกิด
ฟางเจี๋ยและนางถังเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก
ถังหลี่วางแผนที่จะเปิดเผยเรื่องราวในชั้นศาลเพื่อทำลายนางถังและฟางเจี๋ย ว่ากันตามตรงแล้วการตรวจเลือดเช่นนี้ ถ้าเป็นญาติกันเลือดจะหลอมรวมกันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์นัก แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ถังหลี่มีแผนสำรอง…
แต่หลังจากที่หยดเลือดพิสูจน์ถังหลี่ไม่จำเป็นต้องใช้แผนสำรอง เนื่องจากเลือดของทั้งสองคนไม่หลอมรวมกัน ฟางเจี๋ยไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิดเอ้อร์เป่า!
คราวนี้เป็นฟางเจี๋ยเองที่ตกใจมาก
“เป็นไปได้อย่างไร เหยียนเอ๋อร์เป็นบุตรชายของข้า! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ฟางเหยียนไม่ใช่บุตรชายเขา ดังนั้นการที่เขาจะฟ้องถังหลี่และเว่ยฉิงนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก!
ถังหลี่มองไปที่นางถังอย่างมีเลศนัย
“ต้องถามฮูหยินของท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”
ฟางเจี๋ยก็หันไปมองที่ภรรยาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับว่าเขากำลังต้องการจะฆ่าใครสักคน
“ไอ้เด็กเวรนี่ไม่ใช่ลูกชายข้า! มันเป็นลูกของเจ้ากับชายชู้ใช่หรือไม่! หญิงแซ่ถัง เจ้ากล้าจะสวมหมวกเขียวให้ข้า!”
“ไม่ ๆ ท่านพี่ ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น เชื่อข้าเถิด”
นางถังส่ายหัวละล่ำละลักปฏิเสธ พร้อมกับพยายามจับแขนสามีของตัวเองไว้แต่ถูกเขาสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
“แล้วเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
นางถังปิดปากสนิท นางสิ้นหวังจนไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรออกมาได้
พูดออกไปไม่ได้…หากพูด.. ทุกอย่างคงจบลง
เรื่องนี้แต่เดิมนางคิดว่าไม่มีใครรู้แน่นอน
นางไม่เคยคบชู้สู่ชาย
เป็นไปได้อย่างไร?
นางถังยังปิดปากเงียบ ฟางเจี๋ยจึงบีบคอของนาง จนเริ่มหายใจไม่ออก นางดิ้นรนอย่างน่าเวทนา ในยามที่ตัวเองเกือบตายจึงได้สารภาพออกมาจนสิ้น
“ท่านพี่…ขะ เขาไม่ใช่ลูกเรา … ข้าเปลี่ยนตัว..”
เพื่อต้องการมีชีวิตรอด นางถังแค่นคำพูดออกมาแต่ละคำอย่างยากลำบาก ฟางเจี๋ยชะงักและปล่อยตัวนาง
“เจ้าพูดอะไร?”
“แค่ก แค่ก แค่ก…ฟางเหยียนไม่ใช่ลูกของเรา..”
“แล้วลูกของเราเล่า?”
“ลูกของเรา…คือฉุนเอ๋อร์!” นางถังกัดฟันพูด
“อะไรนะ ฉุนเอ๋อร์!”
คำพูดของนางถังทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง รวมถึงฟางเจี๋ย ฟางจวิ่นและนางไช่!
นางไช่รีบวิ่งไปหานางถังคว้าแขนนาง
“เจ้าพูดอะไร? ฉุนเอ๋อร์? อะไรคือเปลี่ยนตัวเด็ก!”
“เราสองคนคลอดลูกในวันเดียวกัน เหตุใดเจ้าถึงคลอดบุตรชายแต่ข้าเป็นบุตรสาวด้วย!”
นางถังกล่าวอย่างโกรธเคืองน้อยใจที่สวรรค์ไม่ยุติธรรม
นางไช่จำทุกอย่างได้ดี นางและนางถังคลอดบุตรในวันเดียวกัน เมื่อพวกเขาเกิดเด็กถูกย้ายไปอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ภายใต้ความดูแลของหมอตำแยหญิง ทำให้นางถังมีโอกาสที่จะสลับเด็ก!
ฉุนเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกของนาง แต่เป็นเหยียนเอ๋อร์!
นางไช่รับความจริงไม่ได้ นางตบตีนางถังอย่างบ้าคลั่ง
เพี้ยะ!!
เสียงฝ่ามือปะทะใบหน้าของหญิงสาวดังก้องลานพิจารณาคดี ไม่ช้าจมูกของนางถังก็ฟกช้ำ ใบหน้าบวมปูด นางอับอายมาก
ตอนนี้เกิดความวุ่นวายไปทั่วลานพิจารณาคดี
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้จึงไม่จำเป็นต้องสืบคดีต่อไป เจ้าหน้าที่ไล่ทุกคนออก
“รองแม่ทัพเฉา ขอบคุณมาก” ถังหลี่มองไปที่เฉาจี
“เอาล่ะๆ เจ้าก็ตอบแทนข้าด้วยการพูดเรื่องดี ๆ ของข้าต่อหน้าเซี่ยเซี่ยด้วยล่ะ”
เฉาจีเกาศีรษะตัวเอง
ชื่อเดิมที่แท้จริงของเถ้าแก่เนี้ยฮวา คือ ฮวา เฟิ่งเซี่ย
อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้ทำให้เซี่ยเซี่ยของเขามีความสุข เขาก็มีความสุขเช่นกัน
….
ในอีกด้านหนึ่ง ฟางเจี๋ยแอบไปขวางใต้เท้าจ้าวไว้
“ใต้เท้าจ้าว เรื่องทุกอย่างจบลงแล้วหรือ?”
ฟางเจี๋ยกล่าว
ฟางเหยียนไม่ใช่บุตรชายของเขา เขาตกใจมาก แต่ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมาย เขาเพียงไม่อยากให้ถังหลี่และเว่ยฉิงลอยหน้าลอยตาจากไปแบบนั้น เพื่อจัดการสองคนนี้ เขาทุ่มเงินไปถึงหลายหมื่นตำลึง!
“ข้าจะทำอะไรได้อีก! ฟางเจี๋ย ท่านเกือบส่งข้าไปตายแล้ว!”
ใต้เท้าจ้าวพูดอย่างหมดความอดทน “ท่านรู้หรือไม่ว่าคน ๆ นั้นคือใคร!”
เขาชี้ไปที่บุรุษที่กำลังยืนคุยอยู่กับถังหลี่
ฟางเจี๋ยจำได้ว่าในตอนพิจารณาคดี ชายคนนี้ยืนอยู่เคียงข้างเจ้าเมืองฉิน
“ใคร? เขามีตำแหน่งสูงกว่าท่านหรือ?”
“แน่นอน! คน ๆ นั้นคือรองแม่ทัพเฉา เบื้องหลังของเขามีท่านแม่ทัพเฉาอยู่! เจ้าคิดว่าระหว่างข้ากับเขาใครตำแหน่งสูงกว่ากัน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบจากไปราวกับต้องการหลีกหนีโรคระบาด
ฟางเจี๋ยถูกทิ้งในยืนงุนงงอยู่อย่างนั้น
ถังหลี่เป็นเพียงสตรีที่ทำกิจการเล็ก ๆ ไม่ใช่หรือ?
นางจะมีเส้นสายกับแม่ทัพเฉาได้อย่างไร!
ทันทีที่ฟางเจี๋ยหันกลับไปอีกครั้ง เขาก็เห็นเว่ยฉิง ชายหนุ่มยืนกอดอกมองมาทางเขาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฟางเจี๋ยกำลังรู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มและอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้….