บทที่ 212 คืนดี
เถ้าแก่เนี้ยฮวารีบเดินออกจากห้องห้องตรงไปยังประตูโรงเตี๊ยม เมื่อเปิดออกไปก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนตัวเปียกฝนอยู่ นางรีบวิ่งไปหาเขาทันที เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งมา เฉาจีก็รวบนางเข้ามากอดไว้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดเซี่ยเซี่ยก็ยอมพบเขาแล้ว!
“เจ้าโง่! เหตุใดถึงไม่ยอมหลบฝน!” ฮวาเฟิ่งเซี่ยทุบไปที่แผ่นอกแข็งแกร่งของเขา
เฉาจียิ้ม เขาวาดแขนข้างหนึ่งโอบรอบเอวของนาง พร้อมกับยืดแขนอีกข้างเพื่อบังสายฝนให้แก่คนในอ้อมกอด ก่อนจะรีบพาหญิงสาวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม ทั้งคู่ตัวเปียกโชก ในยามที่ฮวาเฟิ่งเซี่ยซบใบหน้าลงไปที่หน้าอกเขา เฉาจีรู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้น
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า” เถ้าแก่เนี่ยฮวาพูดกับเขา
“เซี่ยเซี่ย เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ข้าจะไปต้มน้ำร้อนให้เจ้าก่อน”
เฉาจีมองดูหญิงสาวอย่างทุกข์ใจ
รองแม่ทัพหนุ่มวิ่งเข้าไปในห้องครัวด้วยเนื้อตัวเปียกปอน ฮวาเฟิ่งเซี่ยไม่ทันแม้แต่จะห้ามเขาไว้ นางจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองและตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัว แสงไฟที่สะท้อนใบหน้าของเฉาจี ชายหนุ่มเป็นคนหน้าตาธรรมดา แต่สำหรับฮวาเฟิ่งเซี่ยแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาเลย
“เซี่ยเซี่ย ข้าไม่หนาวหรอกที่นี่มีไฟอยู่เห็นไหม?”
“ใครห่วงว่าเจ้าจะหนาวกัน ต่อให้หนาวตายก็ไม่ใช่เรื่องของข้า!” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดอย่างเย็นชา เฉาจีที่ได้ยินก็รู้สึกคันมือจนอยากจะหยิกแก้มของนางสักครั้ง แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบออกไป
“อย่าเพิ่งแตะตัวข้า ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”
เฉาจียอมละมืออก ชายหนุ่มจุดไฟเพื่อต้มน้ำ บรรยากาศภายในห้องครัวเงียบสงัด เมื่อน้ำร้อนเดือดเขาค่อยๆตักไปเทในอ่างอาบน้ำในห้อง ไม่ช้าอ่างก็เต็มไปด้วยน้ำร้อน
“เซี่ยเซี่ย เจ้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
“เจ้าอยู่ตรงนี้แล้วข้าจะอาบได้อย่างไร?”
เฉาจีเดินออกไปนอกห้องอย่างเชื่อฟัง เขาไม่โผล่เข้าไปในห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียวจนกระทั่งฮวาเฟิ่งเซี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
“เจ้าก็ไปอาบสิ” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว ก่อนจะพูดเสริมขึ้นว่า
“อย่าเข้าใจผิด พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ข้าไม่ได้ห่วงเจ้าแต่กลัวเจ้าจะมาตายที่โรงเตี๊ยมข้า”
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าอาบน้ำโดยไม่ปริปากบ่น ฮวาเฟิ่งเซี่ยรีบหันหนีทันที
เฉาจีชำระร่างกายในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่เขาไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เลยทำได้เพียงเอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวเพื่อปิดบังของสำคัญไว้เท่านั้น เมื่อหญิงสาวหันหน้าไป ก็เห็นร่างกายที่แข็งแรง อกหนาและเรียวขาที่ยาวของเขา
แม้ว่าเจ้าลูกหมาป่าตัวนี้จะหน้าตาธรรมดา แต่เขากลับมีรูปร่างที่ไร้ที่ติ
ทั้งกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ขา เอวสอบ และ….
เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าความคิดของตัวเองกำลังถลำลึกลงไป นางจึงรีบดึงสติตัวเองกลับมาทันที
“ข้าจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้”
เฉาจีเคยทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่
ฮวาเฟิ่งเซี่ยพบเสื้อผ้าของเขา จึงได้ยื่นส่งให้ เฉาจีปลดผ้าเช็ดตัวออกทันที
หญิงสาวถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
เจ้าลูกหมาป่าตัวนี้อย่าได้มองที่อายุอย่างเดียว แม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่เขาก็เป็นหมาป่าโตเต็มวัยแล้ว พอคิดอย่างนั้นฮวาเฟิ่งเซี่ยเลิกสงวนท่าที นางจ้องมองเฉาจีอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตามในอนาคตนางคงไม่สามารถเห็นมันได้อีก ตอนนี้ก็ควรกอบโกยไว้ก่อน ในไม่ช้าเฉาจีก็สวมเสื้อผ้าเสร็จ เขาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
“เซี่ยเซี่ย เจ้าอยากพูดอะไรหรือ? ข้ารอฟังอยู่”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะเปิดปากพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เฉาจีไม่ได้เร่งรัดนาง เขานั่งเงียบรอให้นางเปิดปากพูดขึ้นมา เถ้าแก่เนี้ยฮวาใช้เวลาตั้งสติอยู่นานก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของตน ในบางช่วงน้ำเสียงของนางก็สั่นเครือจนสังเกตได้
“เฉาจีพวกเราไม่เหมาะกันหรอก…เจ้ายังอายุน้อย แม่ทัพเฉาจะหาคู่ครองที่ดีให้เจ้าได้แน่นอน หาหญิงสาวที่สามารถดูแลเจ้าได้ เสริมบารมีให้กับเจ้า..”
หญิงสาวพูดไม่ทันจบชายหนุ่มก็พุ่งเข้ามากดจูบที่ริมฝีปากปิดกั้นคำพูดของนางทันที ชายหนุ่มแสดงให้หญิงสาวเห็นว่าเขาคิดอย่างไรโดยการรั้งต้นคอของนางขึ้นมาจูบอย่างเร่าร้อน เขาช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนจะวางเรือนร่างบอบบางของนางลงไปบนเตียง
แม้หญิงสาวต้องการประท้วงแต่ทว่าชายหนุ่มก็ทำให้นางอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้ง เขาโอบกอดนางจากด้านหลัง และขบเม้มที่ใบหูของหญิงสาวเบาๆ
“เซี่ยเซี่ย…ข้าต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น ชีวิตนี้ของข้า เฉาจี…จะมีเพียงเจ้าคนเดียวที่เป็นภรรยา และชาติหน้าก็ยังเป็นเพียงเจ้า…”
“เจ้าอายุเท่าไหร่กันเชียว จะมาพูดเรื่องตลอดชีวิตได้อย่างไร?”
แต่ว่าก่อนที่นางจะพูดจบ หญิงสาวก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมอีกครั้ง ในที่สุดคำพูดทุกอย่างอของฮวาเฟิ่งเซี่ยก็ถูกกลืนหายไป
เมื่อเสียเหงื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว ทุกอย่างก็ดีขึ้น…
ชายหนุ่มกอดนางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหลับไปอย่างมีความสุข
ดีจริง ๆ ตอนนี้เซี่ยเซี่ยของเขาก็กลับมาหาเขาแล้ว..
..
บริเวณชั้นบนของโรงเตี๊ยม
ถังหลี่และเว่ยฉิงมองสบตากัน เป็นเรื่องปกติที่กิจกรรมที่ร้อนแรงข้างล่างนั่นจะทำให้คนทั้งคู่ไม่อาจข่มตานอนหลับได้ ทั้งสองคนได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่จะมีเรื่องสนุก ๆ งัดออกมาเล่นกันทั้งคืน
ถังหลี่คิดว่าตอนนี้ทั้งสองคนน่าจะคืนดีกันเรียบร้อยแล้ว
ทางด้านเว่ยฉิงตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ชายหนุ่มอยากรู้เกี่ยวกับกลวิธีการเล่น ดูเหมือนเว่ยฉิงต้องหาโอกาสขอคำแนะนำจากเฉาจีเสียแล้ว
….
เช้าวันถัดไป
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนตื่นสาย
ถังหลี่และเว่ยฉิงลุกจากที่นอน หลังจากนั้นไม่นานเฉาจีและเถ้าแก่เนี้ยฮวาก็ออกมาจากห้อง พวกเขาจับมือกันไม่ปล่อย ดูเป็นความสัมพันธ์ที่ชื่นมื่นอย่างมาก
เว่ยฉิงรีบไปหาเฉาจีพร้อมกับกระซิบกระซาบบางอย่าง
ในตอนนั้นเองถังหลี่ก็กล่าวคำอำลาแก่ฮวาเฟิ่งเซี่ย พวกเขาอยู่ที่เมืองฉินโจมาเกือบเดือนแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านเสียที
“ถังถังขอบคุณเจ้ามากนะ” ฮวาเฟิ่งเซี่ยกล่าวขอบคุณออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
การได้มีสหายที่ดีแบบถังหลี่ทำให้นางไม่ต้องเดินไปในทางที่ผิดพลาด ตอนนี้หญิงสาวมีความสุขมาก
ในช่วงบ่ายของวันฟางจวิ่นและนางไช่ก็มาหาถังหลี่ที่โรงเตี๊ยม พวกเขากล่าวคำลากัน ทั้งสองคนไม่เต็มใจที่ต้องจากเอ้อร์เป่าไป พวกเขาจึงพูดคุยกันเป็นเวลานาน
“ช่วงนี้ฟางจวิ่นยุ่งมาก หากมีเวลาเราสองคนจะไปที่เมืองเหยาสุ่ยนะถังถัง อย่าลืมต้อนรับพวกข้าล่ะ!” นางไช่กล่าว
“แน่นอนสิพี่ไช่ ข้าจะเตรียมอาหารอร่อย ๆ และที่พักไว้ให้ท่านเอง”ถังหลี่กล่าว
“ดียิ่ง ตกลงตามนี้!” นางไช่พูดพร้อมกับบีบแก้มของเอ้อร์เป่าเบา ๆ
“เจ้าหนู เจ้าต้องรอพวกข้าล่ะ” เอ้อร์เป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ในเวลาเดียวกันเฉาจีไปยังแหล่งขอทานของเมืองฉินโจว ก่อนจะพบกับขอทานใบ้สี่คน ชายหนุ่มทุบตีพวกมันปางตายก่อนจะส่งตัวให้กับทางการ ทั้งสี่คนถูกตัดสินให้เนรเทศในข้อหาก่ออาชญากรรมและลักพาตัว
วันต่อมา
ถังหลี่และเว่ยฉิงพาบุตรทั้งสองเดินทางกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ย ทั้งครอบครัวเดินทางไปถึงในช่วงดึกแล้ว พวกเขาจึงรีบอาบน้ำเข้านอน
แม้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่ยวายมากมาย แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ครอบครัวยังได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
ในเช้าวันรุ่งขึ้นถังหลี่คิดว่าพวกเขาไม่ได้เจอต้าเป่ากับสวี่เจวี๋ยนานแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงชวนเว่ยฉิงไปรับเด็กทั้งสองกลับมาจากสำนักศึกษา
…..
เว่ยฉิงไปยังสำนักศึกษา
ไม่ช้าเขาก็เห็นเด็กทั้งสองเดินออกมาจากสำนัก ถังหลี่พบว่าตอนนี้เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก! ต้าเป่าไม่มีไขมันที่แก้มเหมือนเด็กน้อยแล้ว เพียงแต่คิ้วและตาเท่านั้นที่ยังดูเป็นเด็กอยู่
ส่วนสวี่เจวี๋ยเองก็ผอมลงและสูงขึ้นมาก ตอนนี้ทั้งคู่ไม่เพียงแต่ดูเป็นคนคงแก่เรียน แต่ยังดูเติบโตเป็นหนุ่มน้อยอีกด้วย
“ท่านแม่”
“ท่านพี่”
แต่…ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่บ้าง..
ถังหลี่ถามพวกเขาถึงเรื่องเรียนและทั้งสองก็ตอบนางอย่างกระตือรือร้น
“ท่านแม่ ท่านอาจารย์กัวบอกว่า จะให้ข้ากับสวี่เจวี๋ยสอบเซี่ยนชื่อในปีหน้า” ต้าเป่าบอก
เพราะเป็นต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยถังหลี่จึงผลักดันให้ทั้งสองเข้าในวงการศึกษา ในยุคนี้ราชสำนักแบ่งการสอบออกเป็น สามระดับ คือ เซี่ยนชื่อ ,ฝู่ชื่อ , ฮุ้ยชื่อ โดยที่พวกเขาต้องผ่านการทดสอบขั้นเซี่ยนชื่อก่อนถึงจะเลื่อนลำดับไปสอบในขั้นต่อไปได้ และเพื่อไปยังสำนึกศึกษาในเมืองหลวงพวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบขั้นเซี่ยนชื่อเสียก่อน
ดังนั้นการทดสอบครั้งนี้จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญมาก แต่ถังหลี่ก็ไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อยเมื่อคิดถึงความสามารถของเด็กหนุ่มทั้งสองคน
ถึงจะไม่เป็นห่วง แต่เรื่องสำคัญเช่นนี้ต้องได้รับการดูแลที่ดี
“การสอบเซี่ยนชื่อจะมีเริ่มในเดือนสองปีหน้าหรือเปล่า?” ถังหลี่ถาม
“ขอรับ” เด็กทั้งสองขานรับและพยักหน้าพร้อมกัน
“เวลาที่เหลือตอนนี้พวกเจ้าก็ตักตวงความรู้จากอาจารย์มาให้มาก ๆ หากมีอะไรไม่เข้าใจ เจ้าต้องถามท่าน เข้าใจหรือไม่?” ถังหลี่กล่าว
เด็กทั้งสองพยักหน้าด้วยความเชื่อฟัง
แต่สิ่งที่ถังหลี่ไม่รู้ ก็คือความหวาดกลัวของอาจารย์กัวในตอนนี้ เด็กหนุ่มสองคนนี้เริ่มตั้งคำถาม ทันทีที่คำถามออกมาจากปากพวกเขา อาจารย์กัวก็รู้สึกปวดหัวทันที เขาไม่สามารถตอบคำถามของศิษย์ได้ ราวกับว่าสิ่งที่ชายชราเรียนรู้มาตลอดสามสิบปีเป็นเรื่องที่สูญเปล่า!
สิ่งที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิต คือความว่างเปล่า!
อาจารย์กัวไม่กล้าเรียกตัวเองเป็นบัณฑิต ตอนนี้เขาอยากจะเกษียณตัวเองกลับบ้านนอกเพื่อตกปลาไปวัน ๆ เท่านั้น!