บทที่ 224 เว่ยฉิงฟื้นความทรงจำ
เมื่อเห็นว่าเรื่องในหมู่บ้านลี่เจียเรียบร้อยดีแล้วถังหลี่และเว่ยฉิงจึงกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ย หลังจากที่วิ่งวุ่นอยู่สองสามวัน ทั้งสองคนนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจตลอดทั้งคืน ตื่นอีกครั้งในตอนเที่ยงของวันถัดไป หลังจากที่ทั้งสองลุกขึ้นจากเตียงมากินอาหาร เว่ยฉิงก็ดึงภรรยาเข้าไปในห้องและถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจมาตลอดสองสามวัน
“ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้นหรือ ศพปลอมของฮูหยินซูและหมอซูมาจากไหน?” เว่ยฉิงถาม นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มสงสัยคาใจเป็นอย่างมาก
ภรรยาของเขาเป็นคนใจดี ไม่มีทางที่นางจะเอาคนมาตายแทนทั้งสองหรือจะเป็นศพของคนตาย? เป็นไปไม่ได้…ไม่มีเรื่องบังเอิญเช่นนั้น
หลังจากที่เว่ยฉิงถามออกไป ถังหลี่จ้องมองเขาเงียบ ๆ เว่ยฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจบอกนางว่า
“ฮูหยิน หากเจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร”
เขารู้ว่าภรรยาของตัวเองมีความลับบางอย่าง หากนางไม่อยากบอกเขาจะไม่ถามหรือคาดคั้น
ถังหลี่ได้ยินเช่นนั้นนางหัวเราะขึ้นมาทันที
“สามี เรามานั่งคุยกันก่อนเถอะ”
เว่ยฉิงนั่งลงตามคำพูดของนาง
“ฮูหยิน เจ้ามานั่งตรงนี้สิ”
เขาตบต้นขาของตัวเอง
ถังหลี่ชั่งใจก่อนจะหย่อนตัวนั่งไปบนตักกว้างของเขา โอบแขนคล้องรอบลำคอชองสามีไว้อย่างชิดใกล้ นางมองสบตากับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
ชายคนนี้คือสามีของนาง..ถังหลี่อยากมองเขาให้ถี่ถ้วน
สามีของนางเป็นคนหล่อเหลา ถึงจะเป็นคนหยาบกระด้างไม่พิถีพิถัน แต่เขาก็เป็นคนเรียบง่ายและน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งก็ฉลาดและมีไหวพริบมาก ยิ่งถังหลี่จ้องมองเขามากเท่าไหร่ นางยิ่งตกหลุมรักเขามากขึ้นเท่านั้น
ความจริงแล้วถังหลี่ได้ตัดสินใจบางอย่าง… นางจะบอกความลับของตัวเองแก่เว่ยฉิงหลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง ความผูกพันที่มีและช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา ทำให้ถังหลี่ต้องการซื่อสัตย์กับเขา
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร?”
“ภรรยาของข้า” เว่ยฉิงโอบวงแขนรั้งเอวของนางเขามาก่อนจะกดใบหน้าไปที่ซอกคอของหญิงสาว
“อย่ารุ่มรามนะ” ถังหลี่ดุ
เว่ยฉิงนั่งตัวตรงอย่างเชื่อฟัง
ถังหลี่บอกชายหนุ่มว่าเดิมทีนางเป็นคนสกุลหลี่อยู่ในยุคที่แตกต่างจากพวกเขาในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นนางได้เข้ามาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้
โลกใบนี้คือโลกที่อยู่ในหนังสือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ถังหลี่เป็นเพียงตัวประกอบหญิงที่ไร้ค่าในหนังสือเล่มนี้เท่านั้น หากวันนั้นเว่ยฉิงไม่ได้ช่วยนางไว้ นางคงตายอย่างอนาถไปแล้ว
ถังหลี่ไม่ได้บอกว่าเว่ยฉิงกับบุตรทั้งสามเป็นตัวร้ายในเรื่อง สามีและลูก ๆ ของนางควรจะมีชีวิตใหม่ไม่ต้องมีชะตากรรมเช่นเดียวกับในหนังสือ เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากของภรรยา เว่ยฉิงค่อนข้างเหลือเชื่อมาก ไม่ว่าเขาจะเชื่อใจในตัวภรรยามากเพียงใด ไม่ว่าความคิดของเว่ยฉิงจะเปิดกว้างเพียงใด แต่เรื่องราวทั้งหมดที่ภรรยาพูดทำให้เขานิ่งงันไปชั่วขณะ
ชายหนุ่มนิ่งหลับตาจมอยู่กับตัวเอง
ถังหลี่ไม่ปล่อยให้เขาใช้เวลากับตัวเองนานเกินไป หลังจากนั้นไม่นานเว่ยฉิงก็ลืมตาขึ้น
“ฮูหยิน.. แปลว่ากู้อิ๋นขโมยตัวตนและสถานะของเจ้าไปใช่หรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ปีศาจ หรือคนจากโลกไหนก็ตาม นางเป็นภรรยาของเขา ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่ากู้อิ๋นคือศัตรูของถังหลี่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบภรรยาของเขา ดังนั้น นางย่อมเป็นศัตรูเว่ยฉิงเช่นกัน!
ปัญหาในตอนนี้คือกู้อิ๋นอยู่ในฐานะบุตรสาวแม่ทัพ มีอิทธิพลอยู่นับไม่ถ้วน หากต้องเผชิญหน้ากับนางจริงๆ เขาไม่มีทางปกป้องภรรยาได้เลย เมื่อคิดว่าในยามที่ถังหลี่ตกอยู่ในอันตรายและตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขารู้สึกกังวลมาก
เว่ยฉิงไม่ชอบความรู้สึกย่ำแย่เช่นนี้ เขาต้องการที่จะแข็งแกร่ง… แข็งแกร่งให้มากพอที่จะปกป้องถังหลี่และครอบครัว…
ไม่ว่าจะเป็นกู้อิ๋นหรือจางอิ๋น ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายภรรยาของเว่ยฉิงได้! ชายหนุ่มหมายมาดในใจ
“ฮูหยิน.. ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะบอกเจ้าเช่นกัน” เว่ยฉิงพูด
“บอกมาสิ” ถังหลี่พิงศีรษะอิงกับแผ่นอกของเขา แนบหูฟังเสียงเต้นของหัวใจชายที่รัก
“ที่จริงแล้ว… ข้าได้ความทรงจำกลับมาเช่นกัน ความทรงจำก่อนที่ข้าจะอายุแปดขวบ” ชายหนุ่มกล่าว
ในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน เว่ยฉิงเห็นม้าไม้ที่ได้รับเป็นของขวัญ ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเขาอย่างเลือนรางเป็นระยะ ๆ ต่อมาวันหนึ่งเขาก็จำได้ทั้งหมด
“ข้าเกิดในราชวงศ์ ตระกูลฝั่งท่านตาของข้าเป็นสกุลเซียว มารดาข้าเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของตระกูล ตระกูลเซียวเป็นตระกูลทหารมีชื่อเสียงเก่าแก่ หลายปีก่อนมีอิทธิผลพอ ๆ กับแม่ทัพกู้ ท่านแม่เข้าวังและขึ้นเป็นฮองเฮา”
ในเวลานั้นไม่มีใครเทียบเกียรติยศและความโปรดปรานของสกุลเซียวได้ เว่ยฉิงเกิดมาพร้อมกับช้อนทองคำในปาก ชายหนุ่มได้รับการแต่งตั้งเป็นไท่จื่อหลังจากเกิดได้ไม่นาน
แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง ในศึกครั้งใหญ่ตระกูลเซียวพ่ายแพ้ในสงครามทำให้ศัตรูบุกโจมตีต้าโจว ถล่มเมืองทั้งสาม
ตระกูลเซียวกลายเป็นคนบาปหนา ต่อมาราชสำนักก็พบหลักฐานที่ตระกูลเซียวร่วมมือกับศัตรูทรยศต่อบ้านเมือง เป็นผลให้ตระกูลเซียวโดนสั่งตัดหัวประหารชีวิต ฮองเฮาถูกปลดลงจากตำแหน่งและโดนประหารชีวิตทันที
เว่ยฉิงได้รับการช่วยเหลือจากท่านลุงสามที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยเขาออกไป เพราะความตกใจในครั้งนั้นได้ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของเว่ยฉิงหายไป เด็กน้อยใช้ชีวิตอยู่บนภูเขา อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นเวลาสิบปีแล้ว
เมื่อเว่ยฉิงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่ถังหลี่ หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าเหตุใดชายป่าผู้นี้จึงบุกไปยังเมืองหลวงและเป็นวายร้ายที่ชั่วร้ายที่สุดในเรื่อง ตัวตนของเว่ยฉิงนั้นไม่ธรรมดาเลย เขาผ่านความเจ็บปวดและยากลำบากมามากมาย ความเกลียดชังฝังลึกลงไปในกระดูกของเขา
ถังหลี่สัมผัสได้ถึงตัวตนที่ทุกข์ระทมของเว่ยฉิง นางเอื้อมมือออกไปรั้งชายหนุ่มเข้ามากอดไว้ เว่ยฉิงวางศีรษะของตัวเองไว้บนไหล่ของถังหลี่ ในช่วงเวลานี้เขาคิดถึงมารดาที่แสนอ่อนโยน นางชอบปลูกดอกไม้และสมุนไพร นางรักเขามาก
ครอบครัวของมารดาทำงานอย่างหนักเพื่อต้าโจว แต่กลับถูกใส่ร้ายว่าทรยศต่อบ้านเมือง เมื่อเว่ยฉิงนึกถึงใบหน้าท่านแม่ ท่านตา และท่านลุง ความเกลียดชังในหัวใจของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
เว่ยฉิงต้องการแก้แค้นและทวงคืนความยุติธรรมให้แก่คนตระกูลเซียว
ความแค้นในใจบอกเขาว่าไม่ควรเดินหนี นับประสาอะไรกับลุงสามที่บาดเจ็บและป่วยเรื้อรังของเขา
แต่ทว่า หากเว่ยฉิงจากไป ชีวิตและความตายเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก
เขาทนไม่ได้ที่จะห่างจากภรรยาและลูก ๆ รวมถึงชีวิตที่สงบสุขที่นี่…เว่ยฉิงข่มใจอยู่นาน เขาเดินตามภรรยาติดเป็นเงาตามตัว ราวกับเป็นหางของถังหลี่ เขาอยากมองถังหลี่ อยากสัมผัสนางให้มากขึ้น แต่เมื่อเขารู้เรื่องของภรรยา เว่ยฉิงจึงตัดสินใจว่าเขาจะทำตัวแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก…
ศัตรูของถังหลี่แข็งแกร่งมาก
เขาต้องแข็งแกร่งเพื่อปกป้องภรรยาและคนสำคัญของเขา
“ฮูหยิน ข้าเคยพบท่านลุงสามมาก่อน… ม้าไม้ตัวนั้นก็ได้มาจากท่านลุงสาม” เว่ยฉิงพูด
“ฮูหยิน…ข้าอยากตามหาท่านลุงสามของข้า!”
ทำไมถังหลี่จะไม่รู้ว่าการตามหาท่านลุงสามของสามีจะไม่ใช่เป็นแค่การไปเยี่ยมเยียนญาติเท่านั้น แต่เป็นการรับภาระที่หนักอึ้งมาแบกเอาไว้บนบ่า นอกจากนี้ยังหมายความว่านางและเว่ยฉิงต้องห่างไกลกัน…
ยังไม่นับถึงอันตรายที่เว่ยฉิงต้องเผชิญหน้ากับมัน…
ถังหลี่กอดสามีไว้แน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าที่มีหนวดเคราของเขาตาไม่กะพริบ
ความรู้สึกที่ว่าสามีของนางจะจากไปทำให้ถังหลี่หดหู่ หากนางไม่มีเขาอยู่ข้างกาย นางย่อมคิดถึงและเป็นห่วงเขามากอย่างแน่นอน
เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมองเพดาน เขาไม่กล้ามองหน้าถังหลี่เพราะกลัวความหวั่นไหวในหัวใจของตัวเอง
“ฮูหยิน.. ไม่ต้องห่วงนะ ข้าสบายดี แล้วข้าจะกลับมาหาเจ้าทันทีถ้ามีโอกาส”
เว่ยฉิงยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์
“ถังหลี่…เจ้ารอข้านะ ตกลงไหม?”