เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 225 ไต้ซือชื่อดัง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 225 ไต้ซือชื่อดัง

ถังหลี่กอดเว่ยฉิงไว้แน่นไม่ปริปากอะไร ตอนนี้นางรู้สึกลังเลใจมาก

เว่ยฉิงโอบเอวของภรรยากอดนางไว้แน่น หากเป็นไปได้เขาย่อมไม่มีวันทิ้งอ้อมกอดที่อบอุ่นและกลิ่นกายที่หอมแบบนี้ไป เขาหวังว่าจะอยู่กับนางในทุกช่วงเวลาของชีวิต จะดีเพียงใดหากเขาไม่มีความแค้นและภาระที่อยู่บนบ่า

แต่ในเมื่อศัตรูของภรรยาคือคนที่ทรงพลัง มีอำนาจ เว่ยฉิงอยากใช้ชีวิตธรรมดา ๆ เช่นนี้กับภรรยาจริง ๆ เขาอยากลืมตาตื่นก็ได้เห็นนางเป็นคนแรกยามหลับตานอนก็ได้เห็นนางเป็นคนสุดท้าย

แต่…

ถังหลี่ปล่อยเว่ยฉิงออกจากอ้อมกอดของตนเอง เมื่อความรู้สึกอบอุ่นตรงอกหายไป เว่ยฉิงรู้สึกไหววูบ

“ฮูหยิน…”

“สามี ข้าขอเวลาคิดคนเดียวก่อนได้หรือไม่?”

พูดจบนางเดินออกจากห้องทันที

ซานเป่ากำลังนั่งเล่นอยู่ที่สนาม เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองมารดาและสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติกับมารดา นางรีบวิ่งไปจับที่ชายเสื้อของถังหลี่ไว้

“ท่านแม่… ท่านพ่อรังแกท่านหรือ? ซานเป่าจะตีท่านพ่อ!”

เด็กน้อยตัวเล็กโบกกำปั้นของตัวเองไปมา ถังหลี่เห็นก็คลี่ยิ้มออกมา

“ไม่ใช่หรอก… แม่สบายดีซานเป่า แม่แค่กำลังคิดอะไรบางอย่างเท่านั้น เราไปเดินเล่นกันไหม?”

ซานเป่าพยักหน้า อย่างว่า

ถังหลี่ออกไปที่ประตู ยืนพิงต้นไม้พร้อมกับครุ่นคิดบางอย่าง สิ่งที่เว่ยฉิงพูดมานั้นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคิดมาดีแล้ว เขาจำเป็นต้องทำ นั่นไม่ใช่เรื่องธรรมดา ความแค้นที่ฝังลึก…ตระกูลที่ภักดีมาตลอดถูกใส่ร้าย

นางรู้ดีว่าหากนางไม่ตอบตกลง เว่ยฉิงก็ยังคงอยู่ที่นี่

แต่ถังหลี่ทำไม่ได้…

ถังหลี่และเว่ยฉิงรักกันอย่างสุดหัวใจ พวกเขาเข้าใจและสนับสนุนซึ่งกันและกันมาตลอด

แม้ถังหลี่จะเข้าใจมากเพียงใด แต่ก็ยัง…ลังเล

เมื่อคิดถึงการจากไปของเว่ยฉิง หัวใจของถังหลี่ก็เต้นแรงจนแทบหายใจไม่ออก เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามกว่าที่ถังหลี่จะตัดสินใจกลับบ้าน ทันทีที่นางเข้าบ้านมา เว่ยฉิงนั่งยอง ๆ อยู่ที่สนาม เขามองใบหน้าของถังหลี่ ชายหนุ่มกำลังกังวลว่าภรรยาจะโกรธตัวเองไหม กลัวว่านางจะไม่ต้องการเขาแล้ว?

ถังหลี่คลี่ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า

“สามี… เจ้าไปเถิด”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องลูก ๆ ข้าจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี”

“แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่นอกลู่นอกทาง ไม่เช่นนั้นข้าจะหอบลูก ๆ ไปแต่งงานใหม่เสีย!”

…..

ถังหลี่พาเว่ยฉิงและซานเป่าไปยังสำนักศึกษาด้วยกัน สองแม่ลูกยืนอยู่ที่ประตูส่วนเว่ยฉิงเข้าไปในข้างใน ไม่นานนักก็พาเด็กทั้งสามคนออกมา

“ท่านแม่ พวกเราจะไปถวายเครื่องหอมที่วัดกันหรือ?”

เอ้อร์เป่าเง้ยหน้าขึ้นถาม

เด็กชายรู้สึกตื่นเต้น เขาเบื่อที่จะเรียนหนังสือเหลือเกิน ตอนนี้เอ้อร์เป่ารู้สึกมีความสุขที่จะได้ออกมาเล่นข้างนอกสำนักศึกษาได้

“ใช่ แม่จะขอให้พระโพธิสัตว์อวยพรให้เอ้อร์เป่าของเราสูงขึ้นเยอะ ๆ”

ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านแม่ ข้าสูงขึ้นแล้ว เด็กที่อายุเท่าข้าในสำนักยังไม่ตัวสูงเท่าข้าเลย” เอ้อร์เป่าโอ้อวดตัวเอง

“พี่รองสุดยอด!” ซานเป่าตบมือเล็ก ๆ ของนางทันที

เอ้อร์เป่าเชิดปลายคางขึ้น เขารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

“ขึ้นรถม้าเถอะ” ถังหลี่พึมพำ

วัดเทียนหัวอยู่ไม่ห่างจากเมืองเหยาสุ่ยนัก แต่ก็เป็นระยะทางพอสมควรทำให้ต้องเดินทางด้วยรถม้า ระหว่างทางเอ้อร์เป่าพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด รถม้ามีแต่เสียงจอแจของเด็ก ๆ โดยมีซานเป่าส่งเสียงร้องเป็นครั้งคราว พี่น้องทั้งสี่คนใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข สวี่เจวี๋ยกับต้าเป่าเงียบกว่าคนอื่น พวกเขาทำเพียงนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูเอ้อร์เป่ากับซานเป่าด้วยท่าทางสงบ

ถังหลี่มองดูต้าเป่าที่เติบใหญ่ขึ้น ครั้งแรกที่นางเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ เหมือนกับเอ้อร์เป่า ตอนนี้มองแค่ตาเปล่าก็รู้ว่าเขาโตขึ้นมาก ในตอนนี้สวี่เจวี๋ยอดีตขอทานตัวน้อยก็โตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว พวกเขาทั้งสองกำลังโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างาม จนทำให้สาว ๆ หลายคนใจสั่นไม่น้อยเลยทีเดียว ถังหลี่มองไปยังครอบครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

ในวันหน้าภาพของครอบครัวจะไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้ว

หลังจากเว่ยฉิงจากไป นางไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อใดพวกเขาจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ชายหนุ่มเหมือนจะสัมผัสความคิดของนางได้ เขาเอื้อมมือมากุมมือของภรรยาไว้ เขาเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน เขาและภรรยาตกลงกันไว้ว่าในอีกสิบวันข้างหน้า เว่ยฉิงจะออกตามหาลุงสาม ภายในสิบวันต่อจากนี้คือช่วงเวลาที่เขาหวงแหนทุกลมหายใจเข้าออก ยามกลางคืนเว่ยฉิงทำเพียงแสร้งหลับ เมื่อถังหลี่หลับแล้วเขาจะลืมตาขึ้นมองนางจวบจนรุ่งเช้า

แต่ไม่ว่าเขาจะทะนุถนอมมากเพียงไหน วันเวลาที่ผ่านไปทีละน้อยก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

พวกเขาจึงตกลงกันมาไหว้พระที่วัดเทียนหัว เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของเดือน ผู้คนในวัดเทียนหัวจึงมีไม่มากนัก ต้าเป่า สวี่เจวี๋ย เอ้อร์เป่าและซานเป่า ไหว้พระในโถงบูชา

“พระโพธิสัตว์เจ้าคะ ขอให้ท่านแม่สวยขึ้น ขอให้ท่านพ่อกินจนอ้วน ๆ พี่สวี๋เจวี๋ยกับพี่ใหญ่สอบได้ที่หนึ่ง พี่รองสูงขึ้น แล้วก็ขอให้ซานเป่ามีของอร่อยกินอย่างมากมาย!” ซานเป่าคุกเข่าขอพรบนเบาะที่นั่ง นางพูดคำขอออกมาอย่างไม่รู้ตัวทั้งที่ควรเอ่ยอยู่ในใจ สวี๋เจวี๋ยและต้าเป่าเฝ้ามองต่างรู้สึกขบขันในตัวน้องสาวคนนี้

แต่เอ้อร์เป่าไม่ใช่ เขาทำตัวราวกับเล่นกล เด็กชายแอบส่งองุ่นหวานให้ซานเป่า ดวงตาของเด็กหญิงเปล่งประกาย พรข้อหนึ่งของนางเป็นจริงแล้ว! ดังนั้นข้ออื่น ๆ ของนางก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน!

ทางด้านถังหลี่และเว่ยฉิง พวกเขาพากันเดินไปหาไต้ซือหนุ่มที่สวนด้านหลัง ถังหลี่ได้ยินมาว่าในวัดแห่งนี้มีพระรูปหนึ่งมีบุญญาธิการมาก นางอยากนำจี้หยกมาให้เขาช่วยเสกเป่าเพื่อความเป็นสิริมงคลให้เว่ยฉิงปลอดภัย สิ่งที่ถังหลี่คาดหวังมากที่สุดคือความปลอดภัยของสามีหาใช่เรื่องอื่นไม่

“ท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง โปรดหยุดก่อน… ไต้ซือของพวกข้าอยากพบพวกท่าน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่?”

ที่จริงแล้วความสะดวกย่อมขึ้นอยู่กับพระอาจารย์ชื่อดังมากกว่า ว่าจะเต็มใจให้พวกเขาได้พบหรือไม่? ไต้ซือชื่อดังเช่นนี้มีจำนวนไม่น้อย แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะให้พบ เมื่อได้ยินดังนั้นถังหลี่และเว่ยฉิงรีบพยักหน้าทันที

“ยินดีมากเจ้าค่ะ”

เณรน้อยพาทั้งสองคนเข้าไปยังห้องทำสมาธิ เขาขอตัวเข้าไปและออกมาในเวลาไม่นาน

“ท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง ท่านอาจารย์กล่าวว่าเขามีชะตาลิขิตไว้กับแม่นางท่านนี้ เขาอยากพบแม่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น”

ถังหลี่พยักหน้าก่อนจะหันไปมองสามี

สามี ข้าจะเข้าไปครู่เดียว เจ้ารออยู่ที่นี่นะ”

เว่ยฉิงพยักหน้ารับ

ถังหลี่เดินตามเณรน้อยเข้าไปด้านใน เมื่อประตูห้องเปิดออกถังหลี่เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งหลับตาอยู่ เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไป เขาลืมตาขึ้นมามองนางทันที

“ไต้ซือ”

“แม่นาง… เชิญนั่งเถิด” ไต้ซือที่อยู่เบื้องหน้าพูดขึ้น ถังหลี่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทันที

“เหตุใดท่านจึงนั่งไกลนัก มานั่งข้าง ๆ อาตมาเถิด”

ไต้ซือผู้นั้นชี้ไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

ถังหลี่ : ??

หญิงสาวเคยได้ยินจากมารดาของหลู่ชิงมาว่าไต้ซือรูปนี้เป็นไต้ซือที่มีชื่อเสียงมาก

เขาซ่อนตัวจากผู้คน บุคลิกของเขาเย็นชาคาดเดาไม่ได้ พูดน้อย แต่คำพูดทุกคำของเขามีค่ามาก

เมื่อครู่นี้ไต้ซือพูดหลายคำแสดงว่าเป็นมูลค่าหลายพันตำลึงหรือเปล่านะ?

อีกทั้งยังไม่เงียบขรึมเย็นชา หรือว่า จะเป็นพระปลอม…

ถังหลี่รู้สึกลังเลไม่กล้านั่งลงไปตามคำเชิญ

“อุบาสิกาผู้นี้มีแสงสีทองฉายส่องทั่วร่างกาย นับว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการเป็นอย่างมาก”

“บุรุษที่มากับท่านใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเครียดแค้น มีรัศมีฆ่าฟันเป็นลักษณะของคนอายุสั้น แต่หลังจากที่มีท่านเข้ามาในชีวิตของเขา แสงสีทองของท่านทำให้ชะตาชีวิตของเขาเปลี่ยนไป”

ไต้ซือเก่งมาก!

ถังหลี่รีบนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นทันที

“ไต้ซือ ท่านบอกข้ามากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”

ถังหลี่พูดด้วยความกระตือรือร้นอย่างไม่รู้ตัว

“สามีของข้าต่อไปจะมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?

“ตัวตนของเขาเปลี่ยนไป หัวใจของบุรุษผู้นั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นดั่งมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ชะตาอายุที่สั้นของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน”

ไม่รู้ว่าคำพูดที่ไต้ซือกล่าวจะเป็นจริงเพียงใด แต่หญิงสาวดีใจที่ได้ยิน

“การเดินทางไกลของสามีข้าในครั้งนี้จะปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะ?” ถังหลี่ถาม

“มีคนผู้หนึ่งในชีวิตของเขาที่จะนำพาหายนะมาให้ หากหลีกเลี่ยงคนผู้นี้ได้โชคชะตาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้” ไต้ซือมองถังหลี่

“คนผู้นี้เดิมทีเป็นคนที่นำภัยพิบัติมาสู่ท่านเช่นกัน”

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท