เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 229 ต้าเป่าและสวี่เจวี่๋ยไปสอบ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 229 ต้าเป่าและสวี่เจวี่๋ยไปสอบ

หลังจากส่งท้ายปีเก่าไปแล้วก็เป็นวันขึ้นปีใหม่

ในปีนี้ ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะต้องเข้าไปสอบเซี่ยนชื่อ นั่นคือขั้นแรกของการสอบเข้ารับราชการของต้าโจว หากในรอบแรกสอบผ่านแล้วก็จะได้เป็นเพียงถงเชิงอยู่ แต่ถ้าหากสอบผ่านในขั้นต่อไปได้จะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นซิ่วไฉ่ หากสอบผ่านอีกครั้งก็จะเป็นการสอบหน้าพระที่นั่ง!

การสอบผ่านขั้นเซี่ยนชื่อจะมีสิทธิ์เข้าไปศึกษาในสำนักศึกษาหลวง ผู้ที่ได้เข้าไปร่ำเรียนที่นี่ถือได้ว่านำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว! ยิ่งถ้ามาจากเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ก็จะทำให้ครอบครัวได้มีหน้ามีตาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

แม้ว่าถังหลี่จะรู้ว่าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีความสามารถมากพอที่จะได้เป็นเสนาบดีในภายหน้า แต่นางก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีพ่อแม่คนไหนเล่าจะไม่ใส่ใจในผลการเรียนของลูก

ก่อนการสอบเซี่ยนชื่อจะมาถึงถังหลี่ไปพบกับอาจารย์กัว เขามอบจดหมายรับรองสองฉบับแก่ถังหลี่

“ก่อนที่สวี่เจวี๋ยกับต้าเป่าไปสอบ ให้ท่านยื่นจดหมายแนะนำฉบับนี้” อาจารย์กัวกล่าว

ถังหลี่รู้ว่าในการสอบเซี่ยนชื่อนั้นแต่ละสำนักศึกษามีหน้าที่ออกจดหมายแนะนำตัว ว่ากันว่าในบรรดาสำนักที่ได้มาสอบนั้น สำนักหงเหวินมีสิทธิ์เพียงสองหรือสามที่นั่งเท่านั้น

“ขอบคุณอาจารย์กัว” ถังหลี่กล่าว

ถังหลี่รู้สึกขอบคุณชายชราอย่างจริงใจ แม้เด็ก ๆ จะเป็นคนมีพรสวรรค์แต่พวกเขาไม่ได้มีความรู้มาตั้งแต่เกิด ทั้งสองต้องได้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาคอยขัดเกลาพวกเขาทีละเล็กทีละน้อย

ชายชราผู้นี้คืออาจารย์คนแรกในชีวิตของสวี่เจวี๋ยและต้าเป่า เขาสอนเด็กทั้งสองคนในทุก ๆ เรื่อง แม้ว่าในภายหลังเขาจะไม่ได้สอนมากนักเป็นเพราะความรู้ที่มีจำกัดของเขาก็ตามที

“ฮูหยินเว่ย เมื่อคืนข้าฝันด้วยว่าสวี่เจวี๋ยกับต้าเป่าจะสอบผ่านชั้นเซี่ยนชื่อไปได้!” อาจารย์กัวกล่าวอย่างตื่นเต้น

ที่สำนักหงเหวินนั้นไม่มีศิษย์คนไหนที่สอบผ่านขั้นเซี่ยนชื่อมาเป็นเวลาสี่หรือห้าปีแล้ว ถ้าสองคนนั้นสอบติดในสิบอันดับแรกล่ะก็ อาจารย์กัวต้องภูมิใจมาก!

อาจารย์กัวมีความสุขมากเขารีบบอกภรรยาทันที แต่หลังจากนั้นแก้มของเขาก็บวมตุ่ย…

เขาเพียงแต่ฝันไปเท่านั้น อาจารย์กัวรู้สึกผิดหวังมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์กัวยังคงมั่นใจในตัวเด็กหนุ่มทั้งสองคนมาก เขาไม่เคยสอนศิษย์คนไหนที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้มาก่อน!

“อาจารย์กัว ความฝันของท่านคงจะไม่แม่นเสียแล้ว” ถังหลี่กล่าว

อาจารย์กัวรู้สึกตกตะลึง นี่ฮูหยินเว่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขาหรือ? นางคิดว่าเด็กทั้งสองคนยังเก่งไม่พอหรืออย่างไร?

แม้ว่าฮูหยินเว่ยจะเป็นผู้ปกครองของเด็ก ๆ แต่อาจารย์กัวรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เขาไม่ชอบให้มีคนสงสัยในความเก่งกาจของลูกศิษย์เขา ถึงแม้จะเป็นมารดาหรือกระทั่งผู้ปกครองของเด็กก็ตามที

“ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยต้องได้อันดับหนึ่งและสองต่างหาก” ถังหลี่กล่าว

อาจารย์กัวตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ชายชราชอบใจกับคำพูดนางเป็นอย่างยิ่ง!

ถูกต้องแล้ว ความฝันของเขาเป็นการถ่อมตนเกินไป ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยนั้นต้องเป็นสองอันดับแรกแน่นอน! หากมีลูกศิษย์ที่ได้ที่หนึ่งและที่สองมาจากสถานศึกษาเดียวกันย่อมสร้างความภาคภูมิใจให้บรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเขาอย่างแน่นอน

ยิ่งอาจารย์กัวคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขายิ่งมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

อาจารย์กัวแนะนำถังหลี่เกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงข้อควรระวังในการไปสอบ ถังหลี่จดจำไว้อย่างขึ้นใจ

หลังจากที่พูดคุยกันจบนางจึงได้ขอตัวกลับ ที่ด้านนอกประตูมีเด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่หรือสิบห้าปียืนรออยู่ เขาสวมเสื้อผ้าขาวมีรอยปะชุน ท่าทางเรียบร้อย หน้าตาดี

ถังหลี่จำได้ว่าคน ๆ นี้คือเพื่อนร่วมชั้นของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย ในบางครั้งที่ถังหลี่มาที่สำนักศึกษาจะเห็นพวกเขานั่งคุยกันเสมอ เด็กหนุ่มคนนี้มีนามว่า จั๋วชู ถังหลี่คลี่ยิ้มให้เขา จั๋วชูหน้าแดงก่ำ ท่าทางเขินอาย

หลังจากถังหลี่กลับไปแล้วเขาเข้าไปในห้อง เรียกอาจารย์กัวอย่างเคารพ

“ท่านอาจารย์ขอรับ” ชายชราพยักหน้า

“จั๋วชู มีอะไรหรือ?”

“ท่านอาจารย์ คือข้า…” จั๋วชูรู้สึกกระดากอาย ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำเขากัดฟันก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายว่า

“ท่านอาจารย์…ข้าอยากไปสอบเซี่ยนชื่อในครั้งนี้ด้วย ท่านจะให้โอกาสข้าได้ไหมขอรับ”

จั๋วชูรู้ว่าสำนักหงเหวินมีสามที่นั่งในการสอบ อาจารย์กัวจะคัดเลือกคนที่มีสิทธิ์สอบอย่างรอบคอบเพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักศึกษาด้วย จั๋วชูเคยสอบแล้วสองครั้งแต่ก็ต้องผิดหวัง…

เขาอยากจะลองอีกสักครั้ง!

อาจารย์กัวมองไปที่จั๋วชูด้วยความเสียใจ

“จั๋วชู เมื่อก่อนเจ้ากับฉีเหยาเหวินเป็นศิษย์ที่ข้าภาคภูมิใจที่สุด..”

ศิษย์สองคนนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของเขา คนหนึ่งได้รับจดหมายเชิญไปเรียนจากสำนักหนึ่งก่อนการสอบหลังจากเขาสอบผ่านก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สำนักหงเหวิน ทว่าศิษย์อีกคนกลับล้มเหลวมาสามปีแล้ว…

แต่เดิมชายชรารู้สึกโกรธ แต่ภายหลังเขากลับเสียใจ

อาจารย์กัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจั๋วชู เด็กคนนี้เป็นเด็กดีแต่เหตุใดถึงสอบไม่ผ่าน?

คำพูดของอาจารย์กัวทำให้จั๋วชูรู้สึกละอายใจมาก

“ท่านอาจารย์…โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หากข้าล้มเหลวอีก ข้าจะกลับไปทำงานที่บ้าน” จั๋วชูขอร้อง

เขารู้สึกว่าอาจารย์ต้องไม่ให้จดหมายแก่เขาแน่ ที่จริงก็เข้าใจได้ อาจารย์กัวคงไม่อยากเสียที่สอบไปอย่างเปล่าประโยชน์

อาจารย์กัวหยิบจดหมายออกมาหนึ่งฉบับ

“ความจริงข้าเตรียมมันไว้แล้ว… จดหมายแนะนำตัวนี้เป็นของเจ้าจั๋วชู” ชายชรากล่าว

จั๋วชูเงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ของตัวเองด้วยความไม่เชื่อสายตา

“ท่านอาจารย์…” ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างคลอไปด้วยหยาดน้ำตา จั๋วชูรู้สึกตื้นตันมาก แสดงว่าอาจารย์เชื่อใจเขาอีกครั้งใช่หรือไม่?

“รับไปเสีย ครั้งนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสอบผ่านและนำเกียรติยศ ชื่อเสียงมาให้สำนักของเรา!” อาจารย์กัวพูดอย่างหนักแน่น

จั๋วชูรับจดหมายมาไว้ในอ้อมแขนของตน โอกาสครั้งสุดท้ายที่อาจารย์ได้กรุณาหยิบยื่นให้

เขาจะต้องสอบผ่านตามความคาดหวังของอาจารย์ได้อย่างแน่นอน!

….

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวก็สิ้นสุดเดือนแรกของปี การสอบเซี่ยนชื่อจะเริ่มต้นในต้นเดือนสอง ดังนั้นผู้สมัครจะต้องออกเดินทางไปก่อนล่วงหน้า ถังหลี่เก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางไปพร้อมกับต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย รวมถึงซานเป่าและเอ้อร์เป่า พวกเขาเดินทางไปยังเมืองเหอตง โดยทิ้งป้าจ้าวให้อยู่เฝ้าบ้าน

การสอบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย เพราะเป็นการสอบครั้งแรกในชีวิตของทั้งสองคน พวกเขาจึงพยายามทุ่มเทกันอย่างหนัก

ประการแรกสวี่เจวี๋ยตั้งใจทำตามคำพูดสุดท้ายของบิดาเพื่อเป็นเกียรติแต่ครอบครัว ประการที่สองเพื่อตอบแทนพี่สาวของเขา ในขณะที่ต้าเป่านั้นตั้งใจว่าเขาจะทำให้พ่อและแม่ภูมิใจ! ต้าเป่าจะต้องเป็นคนสนับสนุนพ่อแม่พี่น้องและปกป้องคนในครอบครัวได้!

เด็กทั้งสองคนนั้นมีความทะเยอทะยานมาก! แม้กระทั่งนั่งไปในรถม้าเด็กทั้งคู่ยังพากันอ่านตำรา

ในตอนนี้ แม้เอ้อร์เป่าที่เป็นเด็กช่างพูดก็หุบปากเงียบ เพื่อไม่รบกวนพี่ชายทั้งสองคน ส่วนซานเป่านั้นอยู่ในอ้อมแขนของถังหลี่อย่างเรียบร้อย

“ต้าเป่า สวี่เจวี๋ย การสอบของพวกเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว พวกเจ้าควรพักผ่อนและหยุดใช้สายตาไม่เช่นนั้นจะเหนื่อยล้าเกินไป มองดูทิวทัศน์ด้านนอกให้มากขึ้นเถอะ”

ถังหลี่พูดพร้อมกับมองเด็กหนุ่มทั้งสองคน

ว่าที่เสนาบดีทั้งสองคนเช่นพวกเขายังจะมากังวลกับการสอบในระดับเขตเช่นนี้อยู่อีกหรือ?

เพราะคำพูดนี้จึงทำให้เด็กทั้งคู่วางตำราลงก่อนจะเปิดม่านดูทิวทัศน์ที่ด้านนอกหน้าต่าง

“สวี่เจวี๋ย.. คนนั้นใช่จั๋วชูหรือไม่?”ต้าเป่ากล่าว

สวี่เจวี๋ยมองไปตามที่ต้าเป่าชี้ ก็เห็นว่าเป็นอีกฝ่ายจริง ๆ

เขาเห็นจั๋วชูแบกกล่องใส่ตำราเก่า ๆ ไว้บนหลัง กำลังเดินหันหน้ามุ่งไปยังดวงอาทิตย์เขากำลังเดินเท้าไปยังเมืองเหอตงหรือ?

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท