บทที่ 242 ผลการสอบที่ตบหน้าพ่อลูกสกุลฉิน
ในวันถัดมามีการประกาศผลสอบ
สถานศึกษาของเมืองเหอตงเต็มไปด้วยผู้คน ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคาดหวัง
ถังหลี่พาบุตรทั้งสี่ยืนรออยู่ในหมู่คนเหล่านั้น ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีความมั่นใจมาก เขารอคอยผลสอบอย่างใจจดใจจ่อ ความคิดที่อยากพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกงเพื่อที่จะเอาผลสอบมาตบหน้าผู้คนเหล่านั้นทำให้ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก
ครึ่งชั่วยามต่อมาใต้เท้าจูจึงเข้ามาประกาศด้วยตนเอง
“มณฑลเหอตงของเรากำลังจะมีเด็กหนุ่มมากความสามารถ!” ใต้เท้าจูพูดขึ้นอย่างมีความสุข
บุคคลที่มีความสามารถมากเช่นนี้มาจากเมืองเหอตงของพวกเขา หากวันใดที่การสอบใหญ่มาถึงเขาจะสามารถเงยหน้ามองใต้เท้าเหวินได้อย่างมีศักดิ์ศรี
บรรดาคนที่รอผลสอบอยู่ต่างสงสัยว่าเขาพูดถึงใคร?
สายตาของคนเหล่านั้นจับจ้องไปที่ฉินเฉียนและฉินเหวินซวน
สองพ่อลูกยืนเชิดคางขึ้นด้วยความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด ดูเหมือนว่าในรายชื่อที่ใต้เท้าจูประกาศจะต้องเป็นลูกชายของเขาอย่างแน่นอน
“ครั้งนี้มีคนได้คะแนนสูงสุดสองคน!” ใต้เท้าจูกล่าว
“มีกระดาษคำตอบสองใบที่ตอบได้สมบูรณ์แบบมากจนทำให้เหล่าคณาอาจารย์ถกเถียงกันอยู่หลายชั่วยาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้! ข้าเลยตัดสินให้ทั้งสองคนเสมอกัน เป็นผู้ชนะในการสอบครั้งนี้ร่วมกัน!”
ใต้เท้าจูสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา
“ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในครั้งนี้คือเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย!”
เมื่อใต้เท้าจูพูดเช่นนี้ครอบครัวสกุลเว่ยยิ้มแก้มปริ
แม้ผลสอบจะเป็นไปตามที่คาด แต่พวกเขาก็มีความสุข
เอ้อร์เป่ากับซานเป่าจับมือกันกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“พี่ใหญ่กับพี่สวี่เจวี๋ยเก่งมาก!”
ผู้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกตะลึงมาก เป็นไปได้อย่างไร?
ผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดในครั้งนี้คือสองคนนี้จริง ๆ หรือ?
ไม่ได้ตรวจผิดใช่หรือ?
“ใต้เท้า…ท่านไม่ได้ตรวจผิดหรือ?” มีคนที่อดใจไม่ได้ถามขึ้นมา
“เจ้าสงสัยว่าข้าเจ้าเมืองเหอตงผู้นี้มีความสามารถไม่พอหรือ?”
ใต้เท้าจูพูดอย่างไม่พอใจทำให้ชายคนนั้นหุบปากทันที
ใต้เท้าจูควบคุมการสอบในครั้งนี้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการโกงเกิดขึ้น! หรือสองคนนี้จะเป็นเด็กที่มีความสามารถจริง ๆ พวกเขาไม่ได้ทุจริต?
เด็กน้อยสองคนนี้เป็นเด็กเล็ก ๆ ที่มาจากบ้านนอก พวกเขาฉลาดถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ไม่น่าเชื่อ!
“ข้าเป็นคนควบคุมการสอบครั้งนี้ ข้ารับประกันได้เลยว่าไม่มีการทุจริตใด ๆ เกิดขึ้น ! และนี่คือข้อพิสูจน์ว่าผลการสอบในครั้งก่อนนั้นถูกต้องแล้ว! ดังนั้นผลในการสอบก่อนหน้านี้จะยังเป็นไปตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง! สามอันดับแรกยังคงเป็น เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และ จั๋วชู!”
“ส่วนผู้ที่ใส่ร้ายผู้คน ข้าจะไม่ปล่อยไป เพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่างข้าจะลงโทษอย่างหนัก!” ใต้เท้าจูกล่าวด้วยเสียงอันดัง
หลังจากพูดจบ ใต้เท้าจูมองถังหลี่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน หญิงสาวผู้นี้ช่วยเขาแก้ปัญหาให้ลุล่วงผ่านพ้นไปได้ เขาจึงจำเป็นจะต้องลงโทษผู้ที่ปล่อยข่าวลือเพื่อเป็นการไถ่บาปแก่นาง ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสองคนนี้ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง เขาต้องออกหน้าให้แทนพวกเขาอยู่แล้ว ในภายภาคหน้าหากเด็กทั้งสองได้เป็นขุนนางระดับสูงใต้เท้าจูย่อมพลอยได้หน้าไปด้วย!
ถังหลี่ยิ้มแสดงความขอบคุณแก่ใต้เท้าจู มารดาย่อมไม่อยากให้บุตรได้ประสบกับความทุกข์ใจอยู่แล้ว ถังหลี่ไม่เชื่อในเรื่องที่คนเราต้องประสบทุกข์ก่อนได้รับโชค
นางเชื่อเรื่องหากมีความแค้นก็ต้องชำระ ทุกคนควรรับผิดชอบผลการกระทำของตนเอง!
เมื่อใต้เท้าจูพูดออกมาเช่นนี้บรรดานักเรียนเริ่มตื่นตระหนก ศิษย์เหล่านี้ล้วนสอบห้องเดียวกันกับเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยในครั้งก่อน พวกเขาเป็นผู้ให้การเท็จว่าเด็กทั้งคู่ทุจริตในการสอบ!
ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้เห็นการทุจริตกับตาตนเอง เพียงแต่ไม่เชื่อในความสามารถของเด็กที่มีอายุน้อยกว่าตนเอง อีกทั้งยังมาจากสถานศึกษาที่ไร้ชื่อเสียง หากสามอันดับแรกหายไป พวกเขาอาจจะได้เลื่อนอันดับขึ้นมาก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…
ใครจะรู้ว่าเด็กสองคนนี้ทั้งเรียนเก่งและมีพรสวรรค์จริง ๆ หากรู้เช่นนี้พวกเขาคงไม่ออกมาเป็นพยานเท็จ
ตอนนี้ทุกคนได้แต่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่สายไปเสียแล้ว! บางคนได้แต่ยืนตกตะลึง บางคนก็วิ่งหนีไป ฉินเฉียนและฉินเหวินซวนสองคนพ่อลูกก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งงันด้วยเช่นกัน
ฉินเหวินซวนส่ายหัวไปมาอย่างสิ้นหวัง เป็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้!
ไอ้เด็กบ้านนอกจะเก่งไปกว่าเขาได้อย่างไร! แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏตรงหน้า!
ฉินเฉียนหน้าร้อนผ่าว เขารู้สึกละอายใจจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเลยทีเดียว
หากไม่ใช่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก็อยากจะทุบตีบุตรชายที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้ให้หนัก ฉินเฉียนลากฉินเหวินซวนกลับไปยังจวน
ทันทีที่เหยียบเข้าจวนสกุลฉิน เมื่อประตูปิดลงเขาตบใบหน้าบุตรชายหลายครั้งจนบวมขึ้นทันตา!
“ขยะ! ไอ้ลูกขยะ! ยังจะมาบอกว่าผู้อื่นโกงอีกหรือ! ตอนนี้ทั้งสกุลฉินและข้าต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาของชาวบ้านเมืองเหอตงเพราะเจ้า! ไอ้ลูกชั่ว!”
ฉินเฉียนทั้งต่อยทั้งเตะบุตรชายไม่หยุด จนฮูหยินฉินเข้ามาห้ามไว้
“ไปคุกเข่าสำนึกผิดที่โถงบรรพชนเสีย!”
การคาดเดาของฉินเฉียนนั้นถูกต้องแล้ว ในที่สุด สองพ่อลูกสกุลฉินกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองเหอตงไป
“เขาโม้ทุกวันว่าลูกชายจะได้ที่หนึ่ง! เป็นอย่างไรเล่า?”
“อย่าคุยโม้หากเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง จะทำให้ตระกูลฉินขายหน้า!”
“ได้ที่หนึ่งหรือ? ช่างน่าขำ ครั้งนี้เขาได้ที่หก พรสวรรค์ของบุตรชายเขาล้วนเป็นเรื่องโอ้อวด”
“อย่าโอ้อวดเกินตัว หากโดนคนจับได้จะหัวเราะไม่ออก”
ทั้งสองพ่อลูกทำให้สกุลฉินอับอายขายขี้หน้า สถานะของเขาในตระกูลดิ่งลงเหวทันที ก่อนหน้านี้สองคนพ่อลูกเป็นคนมีชื่อเสียงในเมือง คนในตระกูลหลายคนจึงไม่ชอบเขา ยามเมื่อเขาล้มจึงโดนผู้คนในตระกูลพากันเหยียบซ้ำจนแทบจะจมดินไป
ฉินเฉียนจึงเอาหมกตัวอยู่กับจวนไม่ออกไปไหน
“นายท่านขอรับ มีชายที่ชื่อเฉียนลู่มาขอพบขอรับ”
“ไม่พบ” ฉินเฉียนปฏิเสธทันที
เฉียนลู่?
จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเฉียนลู่คือใคร? ฉินเฉียนกลับคำพูดของตัวเองทันที
“ให้เขาเข้ามา”
ทันทีที่เฉียนลู่เห็นนายท่านฉิน เขาน้ำตาไหลทันที
“นายท่านฉินได้โปรดช่วยข้าด้วย พรุ่งนี้ท่านเจ้าเมืองจะพิจารณาคดีใส่ความผู้บริสุทธิ์ ข้ามีรายชื่ออยู่ในการพิจารณาคดีด้วย!” เฉียนลู่ร้องออกมา
เขาเป็นคนแรกที่อยู่ในรายชื่อ เมื่อได้รับคำสั่งให้ไปที่ศาลาว่าการโดยเจ้าหน้าที่ เขาตกใจกลัวจนเกือบเป็นลม หากรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ เขาคงไม่รับเงินสิบตำลึงเป็นแน่!
ใบหน้าของนายท่านฉินมืดครึ้มลง
“เจ้าเป็นคนบอกว่าสองคนนี้โกงตั้งแต่แรก! ข้าจึงไปหาใต้เท้าจู เจ้าเป็นคนทำให้ข้าเป็นแบบนี้ แล้วยังต้องการให้ข้าช่วยอีกหรือ!”
ฉินเฉียนตะคอกถาม
เขาจะปล่อยให้เฉียนลู่ลอยตัวไปได้อย่างไร?
“นายท่านฉิน เป็นเพราะพี่ฉินขอให้ข้าพูดแบบนั้น เขาจะให้เงินข้าสิบตำลึง!” เฉียนลู่พูดอย่างรวดเร็ว
“ข้าทำทุกอย่างตามที่พี่ฉินบอก นายท่านฉินท่านจะตัดหางทิ้งข้าไม่ได้นะ!”
นายท่านฉินรู้สึกเลือดในกายพุ่งพล่านด้วยความโกรธ ไอ้คนทรยศนี่ทำอุบายลับหลังเขา!
ฉินเฉียนเอามือจับหน้าอกตนเอง การใส่ความในครั้งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบุตรชายที่ดื้อรั้นของเขา!
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร เจ้าอิจฉาเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยจึงใส่ร้ายพวกเขา เกี่ยวอะไรกับเหวินซวน? หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระในศาลล่ะก็ข้าจะฟ้องเจ้าข้อหาใส่ร้ายลูกข้า!”
ฉินเฉียนชี้ไปที่เฉียนลู่
ตอนนี้เฉียนลู่รู้แล้วว่านายท่านฉินต้องการให้เขาเป็นผู้รับเคราะห์แทนบุตรชายของตน
“เอาตัวมันออกไป!” ฉินเฉียนสั่ง เฉียนลู่ถูกบ่าวรับใช้ลากตัวออกไป
นายท่านฉินเดินไปที่โถงบรรพชนทุบตีบุตรชายต่อหน้าบรรพบุรุษของพวกเขา
“เจ้าให้เฉียนลู่ทำอะไร?” นายท่านฉินถาม
ฉินเหวินซวนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มจมูกฟกช้ำใบหน้าบวมเบ่งและผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาอายจนไม่อยากจะพูดอะไรอีก
“เฉียนลู่มาร้องทุกข์ถึงหน้าประตู! เจ้าไปตกลงอะไรกับเขาไว้ หากไม่บอกพรุ่งนี้ข้าจะไปบอกเจ้าเมือง!”
ฉินเหวินซวนไม่มีทางเลือกนอกจากสารภาพออกไป
หลังจากที่ฉินเฉียนได้ยินเขาเป็นลมไปทันที ทำให้จวนสกุลฉินตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง