เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 244 ข่าวดีของจั๋วชู

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 244 ข่าวดีของจั๋วชู

อาจารย์กัวเดินทางกลับเมืองเหยาสุ่ยพร้อมกับครอบครัวสกุลเว่ยด้วยรถม้า ระหว่างทางกลับอาจารย์กัวพูดขึ้นมาว่าเขาต้องหาคนไปแจ้งผลสอบแก่จั๋วชู

“จั๋วชูเป็นเด็กที่โชคร้ายจริง ๆ ในการสอบสามครั้งแรก แต่เขาเป็นเด็กมีมานะ ในที่สุดความพยายามก็ได้รับผลตอบแทนแล้ว!”

อาจารย์กัวถอนหายใจ

“เขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวทรนงตน จนทำให้ผู้พบเห็นอดทุกข์ใจแทนเขาไม่ได้”

“ท่านอาจารย์ บ้านของพี่จั๋วชูอยู่ที่ไหนหรือขอรับ?” ต้าเป่าถามด้วยความสงสัย

อาจารย์กัวจึงบอกสถานที่ตั้งของบ้านเด็กหนุ่ม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองเหยาสุ่ยมากนัก

“ท่านแม่ ข้าอยากไปแจ้งข่าวดีแก่พี่จั๋วชู” ต้าเป่าหันไปพูดกับมารดา

จั๋วชูพยายามอย่างหนักมาก ในที่สุดเขาก็สอบผ่าน เด็กหนุ่มจะต้องดีใจเป็นอย่างมาก หากเขาได้รู้ข่าวนี้ ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเองก็อยู่ในลำดับที่หนึ่งทั้งคู่ จนถังหลี่แทบอยากจะคว้าดาวคว้าเดือนเอื้อมมาเป็นรางวัลให้บุตรชาย เช่นนั้นแล้วคำขอเล็กน้อยเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธ

“ตกลง วันพรุ่งนี้ไปแจ้งข่าวดีแก่จั๋วชูกัน!” เมื่อได้ยินมารดาตอบรับต้าเป่ามีความสุขมาก

เมื่อพวกเขากลับถึงเมืองเหยาสุ่ยก็เป็นเวลาตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว

รถม้าของบ้านสกุลเว่ยแล่นไปส่งอาจารย์กัวที่หน้าบ้านก่อนจะไปหยุดที่บ้านสกุลเว่ย เมื่อป้าจ้าวเห็นพวกเขากลับมาแล้ว นางรีบเข้าครัวต้มน้ำร้อนเตรียมทำอาหารทันที หลังจากได้อาบน้ำอุ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยดีแล้วทุกคนจึงได้มาร่วมโต๊ะทานอาหารฝีมือป้าจ้าวกันอย่างพร้อมเพรียง

กลางดึกของคืนนั้น ถังหลี่นอนไม่หลับ นางออกมานั่งมองดวงจันทร์จากลานบ้าน

“สามี ตอนนี้ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยสอบผ่านเซี่ยนชื่อแล้วนะ อีกทั้งยังได้คะแนนสูงสุดด้วย”

“เจ้าคนโง่เง่าเอ๋ย ! ตัวเจ้าไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ในครอบครัวของเรากลับมีดาวนักปราชญ์อยู่ถึงสองดวงเชียวนะ”

ถังหลี่รู้ว่าหากสามีของนางอยู่ตรงนี้ เขาจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน เว่ยฉิงคงจะอุ้มลูกทั้งสองคนอวดไปรอบเมืองเหยาสุ่ย เมื่อคิดถึงภาพนั้นถังหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะขบขัน อย่างไรก็ตามภายใต้รอยยิ้มของนางกลับซ่อนความเหงาไว้อย่างมากมาย

….

ในเวลาเดียวกัน ที่จวนหลังหนึ่งในเมืองฉินโจว ท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่ บุรุษในชุดสีขาว รวบผมเกล้าขึ้น แสงสว่างจากเทียนส่องให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา คิ้วเข้ม ดวงตาโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันแน่น เขากำลังอ่านตำราด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ตำราเล่มนี้เป็นตำราพิชัยสงครามที่หนามาก เขาก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจยาวออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดาน

“ฮูหยิน.. ช่างยากเหลือเกิน”

หากเป็นในยามปกติแล้ว เมื่อเว่ยฉิงเจอตัวหนังสือเขามักจะง่วงนอน แต่เมื่อคิดว่าเขาต้องแข็งแกร่งให้มากเพื่อจะได้เจอหน้าภรรยาได้เร็วขึ้น เว่ยฉิงจึงได้แต่ก้มหน้ากัดฟันทนอ่านต่อไป

….

วันถัดมาที่เมืองเหยาสุ่ย

ทั้งครอบครัวหลับพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่มจนกระทั่งพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า พวกเขาเก็บข้าวของเตรียมตัวไปยังบ้านของจั๋วชู ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านจั๋วเจียไม่ไกลจากเมืองเหยาสุ่ยมากนัก นั่งรถม้าไปเพียงครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว เพียงแต่บ้านของจั๋วชูค่อนข้างที่จะอยู่ลึกไปสักหน่อย

พวกเขาต้องลงจากรถม้าเพื่อเดินเท้าเข้าไปอีกเกือบครึ่งชั่วยามก่อนจะถึงตัวหมู่บ้านตรงเชิงเขา มีบ้านไม้สภาพทรุดโทรมอยู่หลังหนึ่ง ถนนเข้าบ้านนั้นขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมาย ถังหลี่เคาะประตูเป็นเวลานานแต่ไม่มีใครเปิดออกมา

ชาวบ้านบางคนที่อยู่ละแวกนั้นเห็นครอบครัวเว่ยยืนอยู่ที่ประตู ก็รีบบอกพวกเขาอย่างฉันท์มิตร

“จั๋วชูไม่อยู่บ้านหรอก เขาไปดำนาน่ะ มีแต่มารดาของเขาเท่านั้น แต่นางคงไม่ได้ยินเสียงหรอก”

เมื่อถังหลี่ได้พูดคุยกับชาวบ้านก็พบว่าสถานการณ์ของบ้านจั๋วชูนั้นเลวร้ายกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก มารดาของจั๋วชูหูหนวกบางครั้งมีอาการเสียสติ ส่วนบิดาก็ขาพิการ

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเศร้า

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยามอยู่สำนักศึกษาจั๋วชูใช้หมึกอย่างประหยัด ในขณะที่คนอื่นใช้หมดในเวลาไม่กี่วันแต่เขากลับใช้ได้ถึงหลายเดือนทีเดียว เสื้อผ้าของเขามีแต่รอยปะชุน ครอบครัวจั๋วมีสภาพยากจนข้นแค้นมาก

ต้าเป่าเคยใช้ชีวิตที่ลำบากมาก่อน ก่อนที่ถังหลี่จะเข้ามาอยู่ในครอบครัว แต่บิดาของต้าเป่าเป็นคนใจดี รักลูกมาก เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหาของที่ดีที่สุดมาให้เด็ก ๆ และไม่เคยทำให้พวกเขารู้สึกลำบากเลย

“ไปที่ทุ่งนากันเถอะ ไปบอกข่าวดีกับเขากัน!”

ถังหลี่พูดพร้อมกับพาเด็ก ๆ ไปที่ทุ่งนา เมื่อไปถึงนางเห็นจั๋วชูกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดำนาอยู่ เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งสกปรกไปทั้งตัว จนจำแทบไม่ได้ ข้างกายจั๋วชูมีชายวัยกลางคนรูปร่างผอม พวกเขากำลังปักต้นกล้าลงไปในทุ่งนา

“พี่จั๋ว!” ต้าเป่าตะโกน

จั๋วชูได้ยินเสียงร้องเขาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นเป็นครอบครัวเว่ยเขารู้สึกประหลาดใจจนต้องรีบวิ่งมาที่คันนา

จั๋วชูเนื้อตัวสกปรกมาก เขารู้สึกอับอายเล็กน้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เด็กหนุ่มขยับยืนห่างจากคนทั้งสองไปหลายก้าว

“จื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย” จั๋วชูรีบทักทาย

“พวกเจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ? ผลสอบออกแล้วใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต้องสอบผ่าน”

จั๋วชูรู้ว่าหลังจากวันที่สี่ของการสอบ ผลการสอบทุกอย่างจะถูกประกาศออกมา จากนั้นรายชื่อของพวกเขาจะถูกส่งไปยังสำนักศึกษาทั้งหลายและทางสำนักจะแจ้งมาที่พวกเขาอีกครั้ง ขั้นตอนที่ว่านี้ควรเสร็จสิ้นตั้งแต่สองวันแรกแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาจั๋วชูจึงรู้สึกกระสับกระส่ายเฝ้ารอ

เขาได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนคนมาแจ้งว่าเขาสอบผ่าน! อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มีแต่ความผิดหวังผ่านเข้ามาในใจของจั๋วชู เขาคิดว่าการสอบในครั้งนี้คงเหมือนกับครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา จั๋วชูสอบไม่ผ่านและคงไม่ได้กลับไปเรียนหนังสืออีกแล้ว

จั๋วชูยอมแพ้ เขาไม่อยากเสียเงินเพื่อเข้าสำนักศึกษาและไม่อยากเสียเวลาในเส้นทางนี้อีกต่อไป เขาจะกลับมาดูแลบิดามารดาให้ดีเท่านั้น พอคิดดังนี้แล้ว ไฟที่เคยลุกโชนในตัวก็มอดไหม้ดับลง

“ข้าสอบผ่านแล้ว ! ต้าเป่าได้ที่หนึ่ง ส่วนข้าได้ที่สอง” สวี่เจวี๋ยพูดขึ้น

เมื่อจั๋วชูได้ยินเขารู้สึกอิจฉาเด็กทั้งคู่อยู่บ้าง แต่ก็ยังกล่าวแสดงความยินดีกับพวกเขาอย่างใจจริง

“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทั้งคู่ด้วยนะ”

“ข้าเองก็ต้องขอแสดงความยินดีกับพี่จั๋วด้วยเช่นกัน!” ต้าเป่าพูดเสียงดัง

“แสดงความยินดีกับข้าหรือ?” จั๋วชูตกตะลึงที่ได้ยินแบบนั้น

“ใช่แล้ว พี่จั๋ว! ท่านได้ลำดับสามของการสอบ ยินดีด้วยนะ!” ต้าเป่ากล่าว

“ลำดับสาม!!” เด็กหนุ่มตกใจจนแทบกระโดด

“เจ้าบอกว่าข้าได้ลำดับสามหรือ? จื่ออั๋งเจ้าไม่โกหกข้าใช่ไหม?”

เขาสอบผ่านแล้วจริงๆ

“ท่านพ่อ ข้าสอบผ่านแล้ว!!” จั๋วชูตะโกนเสียงดัง

บิดาของจั๋วชูรีบเดินเข้ามาหาอย่างมีความสุขเมื่อได้ทราบข่าว ใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เขามองครอบครัวสกุลเว่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะโค้งคำนับให้

“ขอบคุณมากที่มาบอกข่าวดี ไปนั่งพักที่บ้านกันก่อนเถอะ” บิดาของจั๋วชูพูดอย่างกระตือรือร้น

“รบกวนท่านแล้ว” ถังหลี่พยักหน้า

ผู้คนทั้งหมดพากันเดินไปยังบ้านของจั๋วชู บ้านไม้ทรุดโทรมทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกละอายใจ แต่ครอบครัวสกุลเว่ยไม่มีใครแสดงสีหน้ารังเกียจเลยแม้แต่คนเดียว

“มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น การประกาศรายชื่อจึงล่าช้าไปสองสามวัน”

ต้าเป่าอธิบายแก่จั๋วชู

บิดาของจั๋วชูหยิบไข่ออกมาจากเล้าสามฟองเอาใส่หม้อต้ม เมื่อไข่สุกแล้วจั๋วชูจึงนำไปแจกจ่ายให้เด็ก ๆ แต่ละคน สำหรับเด็กสกุลเว่ยแล้วไข่ต้มใบนี้เป็นเพียงอาหารพื้น ๆ แต่สำหรับบ้านของจั๋วชูมันคืออาหารที่ดีที่สุด ถังหลี่อยู่ที่บ้านของจั๋วชูสักพักก่อนจะกล่าวคำลา

บิดาของเขาเห็นดังนั้นก็รีบให้ลูกชายไปส่งแขกทันที จั๋วชูไปส่งครอบครัวสกุลเว่ยที่ทางเข้าของหมู่บ้านเมื่อเห็นว่ารถม้าอยู่ไม่ไกลจึงหยุดฝีเท้าลง

“เจอกันที่สำนักศึกษานะพี่จั๋วชู” ต้าเป่ากล่าว

จั๋วชูพยักหน้ารับใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข

“เจอกันที่สำนักศึกษาหลวง”

จั๋วชูหันหลังเดินกลับบ้าน เขาเหมือนตกอยู่ในความฝัน มึนเมาอยู่กับความสุข

เขาสอบผ่านแล้ว!

เขาสามารถเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงได้! เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?

จั๋วชูวิ่งกลับบ้านราวกับลมที่กรรโชก

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท