บทที่ 248 ของจริงของปลอม
สายตาเหน็บแนมเย้ยหยันของผู้คนจับจ้องมองมาที่เขา เว่ยจื่ออั๋งนั้นเป็นที่จับตามาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว พวกเขาย่อมมีความอิจฉาเป็นธรรมชาติอยู่ในใจ
เมื่อเห็นเว่ยจื่ออั๋งถูกต่อว่าอย่างเสียหายก็พากันคิดว่าได้คะแนนสูงสุดแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ภายหน้าพวกเขาต้องแซงเด็กสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน!
“เจ้าเมืองเหอตงทำข้าผิดหวังมาก! สวี่เจวี๋ยข้าจะทดสอบเจ้าอีกครั้ง!” จิ่วถิงมองสวี่เจวี๋ยพร้อมกับตั้งคำถาม
สวี่เจวี๋ยเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบอะไร เด็กหนุ่มมีสีหน้าดื้อรั้น เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อถังหลี่เห็นเช่นนั้นนางจึงเดินเข้าไปพูดอย่างเย็นชาว่า
“ท่านจิ่วถิง บุตรทั้งสองของข้าคงไม่มีพรสวรรค์พอ ข้าคงไม่ขอรบกวนให้ท่านสั่งสอนพวกเขา!”
หลังจากพูดจบถังหลี่พาเด็กทั้งสองคนออกไปด้านนอกทันที
“เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย! อย่าไป!” หลูหลิงรีบมารั้งพวกเขาไว้
หากพวกเขาจากไปเช่นนี้ ย่อมเป็นที่ขุ่นเคืองใจของท่านจิ่วถิงเป็นแน่! คนผู้นี้มีอิทธิพลอย่างมากในหมู่บัณฑิต หากทำให้เขาขุ่นเคืองใจล่ะก็..
แต่ไม่ว่าจิ่วถิงจะเป็นใคร ถังหลี่จะไม่ปล่อยให้บุตรชายต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นวันนี้เป็นอันขาด !
เขาคือคนแรกที่กล้าพูดว่าเด็กน้อยที่ภายหน้าจะได้เป็นเสนาบดีใหญ่เป็นเสาหลักของแคว้น ไม่มีพรสวรรค์! หญิงสาวเดินต่อไปด้วยความโมโห นางไม่ได้ผ่อนฝีเท้าลงเลย
“ท่านแม่ ข้า..” ตอนนี้ต้าเป่ารู้สึกเศร้ามาก
ตอนแรกเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างสูง แต่เสียงตวาดเมื่อครู่ทำให้
ต้าเป่าสูญเสียความมั่นใจทั้งหมดไป หรือตัวเขาจะไร้ประโยชน์จริง ๆ.?
“ต้าเป่า เจ้าคิดว่าจิ่วถิงพูดถูกหรือไม่?” ถังหลี่ถาม
ต้าเป่าเม้มริมฝีปากไม่ยอมพูดอะไร เขารู้สึกว่าไม่ถูกต้องแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก
“….”
“ต้าเป่า บอกแม่มาเถอะว่าเจ้าคิดอย่างไร?
ต้าเป่าส่ายหัวก่อนจะตอบว่า
“ไม่…ข้าอาจตอบผิดพลาดไปบ้าง เป็นเพราะยังเด็กและมีความรู้น้อย แต่ข้าไม่ใช่คนที่เอาแต่ท่องจำไม่รู้จักพลิกแพลงอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้มีนักเรียนผู้หนึ่งเห็นได้ชัดว่าพูดจาไร้สาระแต่ท่านจิ่วถิงกลับยกย่องเขา”
เด็กหนุ่มเบะปากอย่างหงุดหงิด
“แม่คิดว่าเจ้าพูดถูก” ถังหลี่กล่าว
“ท่านแม่…” ต้าเป่ารู้สึกประหลาดใจ
เดิมทีเขาคิดว่ามารดาจะดุด่าตัวเอง เด็กหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่านางจะสนับสนุนความคิดของเขา
“ลัทธิเต๋าสั่งสอนให้เคารพครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณธรรมและมีเหตุผลเท่านั้นจึงสมควรแก่การเคารพนับถือแต่จิ่วถิงผู้นี้.. ดูจะผิดแปลกไป…เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจเมื่อเข้าสำนักศึกษาหลวงแล้วเจ้าตั้งใจเรียนให้หนักเถอะ”
ต้าเป่าพยักหน้ารับ ทันใดนั้นเองรถม้าหรูหราก็หยุดที่หน้าประตูของจูเซียนจู คนที่เดินลงมาจากรถม้าคือพ่อลูกสกุลฉิน
ฉินเฉียนรีบพาฉินเหวินซวนไปที่จูเซียนจูเพื่อพบกับท่านจิ่วถิง เมื่อเขาเห็นฉินเหวินซวน ก็ถามคำถามสองสามข้อ จากนั้นคิ้วของเขาก็คลายออกราวกับว่าพึงพอใจในคำตอบของฉินเหวินซวนมาก ท่ามกลางสายตาริษยาของทุกคนพ่อลูกสกุลฉินได้เชื้อเชิญให้จิ่วถิงขึ้นรถม้าไปกับพวกเขา ก่อนที่จะเคลื่อนที่ออกไป
“เหตุใดท่านจิ่วถิงจึงปฏิบัติต่อฉินเหวินซวนเช่นนั้น? เขาทำเรื่องเลวร้ายมากมายเลยนะ..”
“แต่เรื่องพวกนั้นไม่มีหลักฐานการที่ท่านจิ่วถิงปฏิบัติเช่นนั้นท่านย่อมมีเหตุผลของตัวเอง”
“ถ้าฉินเหวินซวนได้เป็นศิษย์ของท่านจิ่วถิงล่ะก็ …”
“ถ้าได้เป็นศิษย์ของท่านจิ่วถิงแล้ว ต่อไปเขาจะประสบความสำเร็จเป็นแน่”
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้อยู่สำนักเดียวกับบัณฑิตที่มีความสามารถ น่าอิจฉาคุณชายฉินจริงๆ”
ถังหลี่มองตามรถม้าคันนั้นไปด้วยสายตาเยาะเย้ยก่อนจะกลับบ้านพร้อมบุตรชายทั้งสองคน แม้ว่าต้าเป่าจะมีมารดาคอยปลอบประโลม แต่ผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นมีผลต่ออารมณ์พวกเขามาก เด็กทั้งสองจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
…
เมื่อกลับถึงบ้าน
“เฮ้! เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดถึงได้เดินก้มหน้าก้มตากันมาแบบนั้นเล่า?”
ตู้ชิงหยูที่ซื้อบ้านติดกับถังหลี่กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ขนของ เมื่อเห็นท่าทีของสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าเขารีบถามด้วยความสงสัยทันที
ถังหลี่มีความขุ่นมัวและสงสัยอยู่ในใจจนอยากจะพูดคุยระบายให้ใครสักคนได้ฟัง เมื่อเห็นตู้ชิงหยูเข้าพอดี ถังหลี่จึงให้เด็กทั้งสองคนเข้าไปในบ้านก่อน
“ข้าเพิ่งเจอเรื่องแปลก ๆ มาน่ะสิ”
“มีอะไรแปลกหรือ?” ตู้ชิงหยูได้ยินก็เกิดความสงสัย
“เมื่อครู่นี้ที่ร้านอาหารจูเซียนจูมีอาจารย์ท่านหนึ่งมาปาฐกถา ว่ากันว่าเขาคือนักปราชญ์ผู้เลื่องชื่อนามว่า “จิ่วถิง” ถังหลี่เล่าให้ฟังอย่างไม่อ้อมค้อม
“จิ่วถิง?” ท่าทีของตู้ชิงหยูดูแปลกไป แต่แล้วนางกลับมาทีท่าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าเคยได้ยินชื่อคนผู้นี้ร่ำลือกันว่าเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่รอบรู้ทุกเรื่อง เจ้าเห็นตัวจริงของเขาแล้วคิดว่าเป็นอย่างไร?”
“ก็แค่คนโลภอยากได้ชื่อเสียงเงินทอง ทำตัวราวกับมีค่าประหนึ่งเป็นทองเป็นหยก แต่นิสัยไม่ดี!” ถังหลี่โมโห “คนแบบนั้นจะเป็นทองเป็นหยกเนื้อดีไปได้อย่างไร?”
“เสี่ยวหลี่…คนผู้นั้นเป็นถึงเป็นนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ เจ้าพูดถึงเขาแบบนั้นได้อย่างไร?” ตู้ชิงหยูยิ้ม
“ข้าพูดจริง!” ถังหลี่ขึ้นเสียง
ตู้ชิงหยูยิ้มมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางโมโหของถังหลี่
“นอกจากนี้ ข้าคิดว่าจิ่วถิงผู้นี้เป็นตัวปลอม! ”
ตู้ชิงหยูได้ฟังก็ประหลาดใจมาก นางมองถังหลี่ด้วยแววตาลึกซึ้ง
“เสี่ยวหลี่ เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้น?”
“เพราะจิ่วถิงผู้นี้เป็นพวกรังเกียจคนจนและชื่นชอบคนรวย ยามที่เขาเอ่ยปากกับใครหากเห็นว่าเป็นคนมีฐานะสักหน่อยเขาจะตอบสักสองสามคำ แต่ถ้าดูยากไร้ฐานะไม่ดีแล้วละก็เขาจะไม่ปริปากพูดอะไรด้วยเลย”
นี่คือสิ่งที่ถังหลี่สังเกตเห็นเมื่ออยู่ในจูเซียนจู
เห็นได้ชัดว่านักเรียนบางคนพูดจาไร้สาระแต่จิ่วถิงผู้นี้กลับพูดจาและชมเชยพวกเขาอย่างนุ่มนวล มีนักเรียนบางคนที่ใส่เสื้อผ้าดูแล้วมาจากครอบครัวธรรมดาสามัญตอบคำถามเขาแค่ไม่กี่ประโยคก็โดนเขาพูดขัดขึ้นมา
แต่สำหรับต้าเป่าเป็นเพราะว่าต้าเป่าคือคนที่ได้ลำดับที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้เขาจึงแสดงออกแตกต่างไป เขาตั้งใจกล่าวหาว่าต้าเป่าไม่มีพรสวรรค์
ด้วยเหตุนี้จะทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดแย้งเขาหรือหาคำตอบที่แท้จริงจากเขาได้ เมื่อจิ่วถิงปฏิบัติต่อฉินเหวินซวนเป็นอย่างดี ก็ยิ่งยืนยันในความคิดของถังหลี่
แม้ไม่ต้องคำนึงถึงความสามารถและพรสวรรค์ท่านจิ่วถิงที่สง่างามจะปฏิบัติต่อคนด้วยนิสัยที่เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ข้าเคยได้ยินมาว่าท่านจิ่วถิงนั้นเป็นคนมากความรู้และไม่ยึดระเบียบกฎเกณฑ์ เขาไม่ใช่คนที่แสวงหาชื่อเสียง” ถังหลี่กล่าว
ท่านจิ่วถิงในนวนิยายเป็นนักปราชญ์ที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งมีอิทธิผลและมากด้วยบารมี ครั้งหนึ่งกู้อิ๋นต้องการขอให้บุรุษผู้นี้ออกจากหุบเขาเพื่อมาสอนลูก ๆ ของนาง ทว่าก็ถูกปฏิเสธ แม้จะให้ใครต่อใครไปเกลี้ยกล่อมอย่างไรผลลัพธ์ก็ยังคงเช่นเดิม
นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่รอดชีวิตหลังจากปฏิเสธกู้อิ๋น เนื่องจากเขามีลูกศิษย์อยู่ทั่วแผ่นดินทำให้นางไม่กล้าที่จะแตะต้องเขา
เขาเป็นเช่นบุคคลในตำนานที่เล่าขานกันมา จะเป็นเพียงแค่ชายวัยกลางคนธรรมดาอย่างที่เห็นในวันนี้ได้อย่างไร?
ถังหลี่รู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นตัวปลอม หากนางพูดไปคนเหล่านั้นจะคิดว่านางอคติเพราะเขาพูดจาไม่ดีกับต้าเป่า อีกทั้งยังส่งผลต่อต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยอีกด้วย
เขาเป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพจริงๆ !
“กลายเป็นว่าท่านจิ่วถิงในความคิดของเสี่ยวหลี่เป็นคนดีมากสินะ”
ตู้ชิงหยูยกเป็นประเด็นสำคัญ
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว” ถังหลี่กล่าว
ตู้ชิงหยูเขยิบเข้ามาใกล้กะพริบตาให้นาง
“ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าไหนของจริงไหนของปลอม?”
“โม้” ถังหลี่ไม่เชื่อ เอ่ยปากไล่เขา
“ไปจัดการเรื่องของเจ้าเถอะ ข้าจะเข้าบ้านแล้ว”
หลังจากพูดจบนางหันหลังเดินเข้าบ้านไปทันที การที่ตู้ชิงหยูมาขัดจังหวะเมื่อครู่ ทำให้ความหดหู่ในใจของถังหลี่ลดลงไปมาก
ของปลอมก็คือของปลอม วันหนึ่งเขาจะถูกเปิดโปง คนที่โดนเขาหลอกจะต้องเสียใจแน่!
ตู้ชิงหยูยืนมองด้านหลังของถังหลี่จนลับสายตา รอยยิ้มบนหน้าเขาก็จางหายไปเช่นกัน
“เฉียนซาน” ชิงหยูเรียกบ่าวรับใช้ที่กำลังขนของอยู่ เฉียนซานเดินไปหาตู้ชิงหยูด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ขอรับนายท่าน”
เฉียนซานตอบรับด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ
“ไปสืบเรื่อง ‘ท่านจิ่วถิง’ ผู้นั้นสิ” ตู้ชิงหยูหรี่ตาลงความเย็นชาฉายวาบในดวงตาของเขา
“ขอรับ”
เฉียนซานเอียงคอครุ่นคิด เป็นใครกันที่กล้าใช้ชื่อ ‘ท่านจิ่วถิง’ มาหลอกลวงผู้อื่น