บทที่ 249 จั๋วชูมาแล้ว
จิ่วถิงถูกเชิญไปพักที่จวนสกุลฉิน ทุกคนในตระกูลฉินต่างให้ความเคารพต่อจิ่วถิงเป็นอย่างมาก ฉินเฉียนพาเขาเดินชมไปรอบ ๆ จวนสกุลฉิน
“ท่านจิ่วถิง เหตุใดจึงไม่พักอยู่ที่จวนฉินสักพักเล่า บุตรชายของข้าชื่นชมท่านมาก ส่วนตัวข้ามีความปรารถนาให้ท่านให้ท่านช่วยชี้แนะบุตรชายของข้าด้วย” ฉินเฉียนเอ่ยประจบสอพลอ
“ใช่แล้วขอรับ ข้านับถือท่านมากเลย” ฉินเหวินซวนรีบพูดเสริมทันที
เขากำลังพยายามให้จิ่วถิงรับเขาเป็นลูกศิษย์ หากเขาได้เป็นลูกศิษย์ของท่านจิ่วถิงแล้วละก็…จะถือเป็นข้อได้เปรียบกว่า เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยที่ไม่เข้าตาของท่านจิ่วถิง..
จิ่วถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไปว่า
“เพราะความจริงใจของนายท่านฉินและนายน้อยฉินเองก็มีความสามารถด้วยเช่นกัน เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่ชั่วคราวก็แล้วกัน”
ฉินเฉียนได้ฟังก็มีความสุขมาก
เมื่อท่านจิ่วถิงอยู่ที่จวนตระกูลฉินก็เป็นความหวังว่าเขาจะต้องรับเหวินซวนเป็นศิษย์!
“เรือนแห่งนี้ไม่เลวเหมาะแก่การทำสมาธิและบำเพ็ญเพียร” ท่านจิ่วถิงเปรยขึ้นมา
เรือนหลังนี้เป็นเรือนที่ฉินเฉียนอาศัยอยู่ มีการตกแต่งตามหลักฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี แต่ในเมื่อท่านจิ่วถิงเอ่ยปากเช่นนี้ นายท่านสกุลฉินก็เต็มใจที่จะย้ายออกและเปลี่ยนเครื่องเรือนใหม่ทั้งหมด!
….
ถังหลี่สังเกตท่าทีของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย พวกเขาทั้งสองกำลังอ่านตำราอยู่ในห้องทำงานราวกับว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถังหลี่เห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตู้ชิงหยูย้ายบ้านทั้งวัน ตอนเย็นเขามาที่บ้านของถังหลี่เพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วย โดยอ้างสาเหตุว่าเขาก่อไฟในเตาไม่ได้
“เสี่ยวหลี่ เจ้าคงไม่รังเกียจที่ข้าจะมาทานมื้อเย็นที่บ้านเจ้าใช่หรือไม่?”
ตู้ชิงหยูพูดอย่างกระวนกระวายใจ
“แค่อ้าปากแล้วกินก็พอ” ถังหลี่กล่าว
“น่าจะมากกว่าหนึ่งปาก…”
เมื่อตู้ชิงหยูพูดจบเด็กอ้วนคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของเขา เด็กชายมองถังหลี่อย่างกระตือรือร้น
“นี่น้องชายของข้า ตู้เสี่ยวไป๋”
ถังหลี่รู้จักเด็กอ้วนคนนี้อยู่แล้ว จำได้ว่าเขาต้องการเข้าหาซานเป่าหลายครั้งแต่เจอต้าเป่าและเอ้อร์เป่าขวางไว้ นางไม่คาดคิดเลยว่าเด็กอ้วนคนนี้เป็นน้องชายของตู้ชิงหยู
“ท่านอา” เสี่ยวไป๋เรียกถังหลี่
“เจ้าเรียกนางว่าอาหรือ? ข้าดูอาวุโสกว่าหรืออย่างไร?” ตู้ชิงหยูเคาะหัวเขา
“หลานชายที่น่ารักของข้า” ถังหลี่รีบรับคำ จนตู้ชิงหยูไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนคำพูดของเขา
“ป้าจ้าว ทำอาหารเย็นเพิ่มอีกสองที่…” ถังหลี่ตะโกนไปในครัวแต่ก่อนที่นางจะพูดจบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆด้านหลังตู้ชิงหยู เขาสวมชุดสีดำยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่สัมผัสได้ถึงวิทยายุทธ์ที่กล้าแกร่งของเขา
“ผู้ติดตามของข้าชื่อเฉียนซาน” ตู้ชิงหยูเอ่ย
ถังหลี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตะโกนบอกป้าจ้าวอีกครั้งว่า
“เพิ่มอีกสามที่!”
ไม่ใช่แค่ปากเดียวแต่สามปาก!
แต่นางจะทำอย่างไรได้เมื่อตัวเองก็ถูกใจตู้ชิงหยูมากและอยากคบหานางเป็นสหายด้วย เมื่อตู้เสี่ยวไป๋เห็นซานเป่าดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นทันที เขาตรงรี่เข้าไปหาร้องเรียกซานเป่าไม่ขาดปาก
“น้องสาวๆ”
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า และสวี่เจวี๋ยต่างผลัดกัน กันท่าเด็กอ้วนจนจบมื้ออาหาร จนทำให้ทั้งเสี่ยวไป๋และซานเป่าไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ
แต่ตู้เสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขมาก เขากับซานเป่าได้เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าเขาได้รับพรจากดวงจันทร์ ดังนั้นน้องสาวจะต้องได้มาเป็นน้องสาวของเขาในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน!
….
วันถัดมา
ถังหลี่พาเอ้อร์เป่าไปยังสำนักศึกษาเหอตง สำนักศึกษาแห่งนี้เป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหอตงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
ถังหลี่มีจดหมายรับรองที่เขียนโดยอาจารย์กัว ดังนั้นนางจึงขอเข้าพบกับเจ้าสำนักศึกษาเหอตง เขาและอาจารย์กัวเป็นสหายร่วมชั้นกันมาก่อน อีกทั้งเอ้อร์เป่ายังเป็นน้องชายของนักเรียนที่ได้ลำดับหนึ่งและสองอีกด้วย เขาจึงอ้าแขนรับอย่างง่ายดาย น้องชายของเว่ยจื่ออั๋งย่อมไม่โง่เขลาเป็นแน่
หากเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ที่ชนะการสอบคัดเลือกทั้งหมดนั้นจะมาจากสำนักศึกษาของเขา?
เจ้าสำนักศึกษาเหอตงถูมืออยู่ในใจเงียบ ๆ
เอ้อร์เป่ารู้สึกกดดันเป็นอย่างมากเมื่อเห็นสายตาที่ร้อนแรงของเจ้าสำนักศึกษา เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหวนคิดถึงวันที่เขาสมัครเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหงเหวิน อาจารย์กัวเองก็ตั้งคำถามจนทำให้เอ้อร์เป่ารู้สึกสับสน
และแล้วก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้
เจ้าสำนักเหอตงทดสอบเอ้อร์เป่า
เด็กชายตอบคำถามอย่างตะกุกตะกัก
จนถังหลี่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะช่วยเขา ในที่สุดเจ้าสำนักศึกษาจึงได้ปล่อยเอ้อร์เป่า
ถังหลี่รีบจ่ายค่าเล่าเรียนของเอ้อร์เป่าให้แก่ทางสำนักศึกษาทันที
สำนักศึกษาแห่งนี้อยู่ใกล้บ้าน เด็กชายจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำ เอ้อร์เป่ามีความสุขมาก เพียงพริบตาเดียวชีวิตในสำนักศึกษาใหม่ก็เริ่มขึ้น ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาวดูสะอาดสะอ้าน พวกเขาไปที่สำนักศึกษาพร้อมกับกล่องใส่ตำราบนหลัง
ถังหลี่ส่งเด็กทั้งสองคนที่ประตู สำนักศึกษาแห่งนี้ใหญ่โตโอ่อ่ามากเมื่อมองจากภายนอก ต่อเมื่อเข้าไปข้างในก็ได้เห็นว่ากว้างขวางมากกว่าที่มองจากภายนอกเสียอีกทั้ง ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“รอบนี้มีศิษย์ใหม่กี่คนหรือ?”
“สามสิบห้า”
“มีรายชื่อสอบผ่านทั้งหมดสามสิบหกคนไม่ใช่หรือ?”
“ฉินเหวินซวนที่อยู่อันดับสี่ไม่มาเรียนแล้ว เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านจิ่วถิงจะอยากมาเรียนที่นี่อีกทำไม?”
“ท่านจิ่วถิงรับฉินเหวินซวนเป็นลูกศิษย์ไปแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว สองวันก่อนจวนตระกูลฉินจัดพิธีรับศิษย์ใหญ่โตมาก บิดาข้าเองก็ไปร่วมงานเช่นกัน ตอนกลับบ้านมายังอดดุด่าข้าไม่ได้ คงเพราะอิจฉาตระกูลฉินเป็นแน่!”
“ท่านพ่อของเจ้าจะไม่พอใจได้อย่างไร? ความจริงก็สมควรแล้วพวกเราไม่ได้อยู่ในสายตาของท่านจิ่วถิง”
“แต่นั่นคือท่านจิ่วถิงนะ หากได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเขา เจ้าย่อมมีรายชื่ออยู่ในประกาศทองคำอย่างแน่นอน”
“พวกเราคงได้แต่อิจฉา คุณชายฉินต่างชั้นกับเรามากก้มหน้าเรียนไปเถอะ!”
สวี่เจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะมองไปยังต้าเป่า เมื่อเขาได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขากังวลว่าต้าเป่าจะได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าต้าเป่ายังดูเป็นปกติไม่มีท่าทีสนใจ สวี่เจวี๋ยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านแม่บอกว่า ท่านจิ่วถิงผู้นี้ไม่ใช่ผู้เก่งกาจอะไร อีกทั้งชื่อเสียงของเขาล้วนเป็นของปลอม ข้าไม่สนใจว่าเขาจะไปเป็นอาจารย์ของใครหรอก?”
“ถูกของเจ้า” สวี่เจวี๋ยยิ้ม
“พี่จั๋วชูอยู่ไหน เหตุใดถึงยังไม่เห็นเขาเลย” ต้าเป่ามองไปรอบ ๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววของจั๋วชู
พวกเขามาจากสำนักศึกษาเดียวกัน ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงด้วยกัน ดังนั้นมิตรภาพระหว่างพวกเขาจึงแน่นแฟ้นขึ้นเป็นธรรมดา ต้าเป่ากำลังกังวลว่าจั๋วชูจะไม่ได้มาเรียนเพราะปัญหาของครอบครัว
“ต้าเป่าดูนั่น!” สวี่เจวี๋ยกล่าว
ต้าเป่าหันไปมอง เขาเห็นจั๋วชูเดินเข้ามา เด็กหนุ่มใส่เสื้อผ้าเก่าขาด ศิษย์ในสำนักศึกษาต่างจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ หลายคนขยับออกห่างชี้มือมาทางเขา
“ขอทานคนนี้มาจากไหน? เหตุใดทางสำนักจึงปล่อยให้เขาเข้ามา”
“ข้าได้กลิ่นเหม็น มาจากตัวเป็นแน่”
“เขาดูสกปรกมาก ไปหาใครมาไล่เขาไปเถอะ!”
ใบหน้าของจั๋วชูแดง เด็กหนุ่มอ้าปากแต่เขาก็ไม่สามารถพูดแก้ต่างออกมาได้เพราะตัวเขาเองก็แต่งตัวราวกับขอทานจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร…จั๋วชูชินกับสายตาแบบนี้แล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ขอทานอะไร สายตาพวกเจ้ามีปัญหาหรือ? คนผู้นี้คือจั๋วชูที่ได้อันดับสามในการสอบ พวกเจ้าจำไม่ได้หรืออย่างไร?”
จั๋วชูเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย