บทที่ 253 เส้นทางของนางเอกในเหอตง
ถังหลี่ใช้เวลาหลายวันในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรดี ในนวนิยายดั้งเดิม กู้อิ๋นมีไพ่ตายที่ทรงพลังมาก นั่นคือนางมีเครือข่ายข่าวกรองของตัวเอง เครือข่ายที่ว่านี้ทำให้นางรู้ข้อมูลทุกอย่างทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้มันยังช่วยให้นางกลายเป็นฮองเฮาอีกด้วย เพราะองค์ชายสามที่อยากครองบัลลังค์ต้องการข้อมูลนี้จากกู้อิ๋น
กู้อิ๋นใช้เวลานับสิบปีในการสร้างเครือข่ายข่าวกรอง ในช่วงที่นางเริ่มสร้างนั้นไม่ได้ราบรื่นนัก ดูจากตามระยะเวลาของเนื้อหาในหนังสือแล้วการสร้างเรือข่ายควรจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงนี้ ในเมื่อกู้อิ๋นเป็นคนที่ชอบขโมยของของคนอื่น ดังนั้นถังหลี่ก็จะเดินตามเส้นทางของกู้อิ๋น เพื่อให้นางไม่มีที่ไป
ถังหลี่ตัดสินใจเริ่มต้นที่เมืองเหอตง นี่เป็นธุรกิจที่พิเศษและไม่มีใครเคยทำมาก่อน ดังนั้นนางจึงต้องคลำหาทางไป
สิ่งแรกที่ถังหลี่ต้องการคือพรสวรรค์ในการหาข่าว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทำให้ถังหลี่นึกถึงหลูหลิงขึ้นมาทันที หลูหลิงหรือที่รู้จักกันในนามของไป๋เสี่ยวเชิง จากเมืองเหอตง เขาเป็นคนที่รวบรวมข้อมูลได้อย่างเก่งกาจ
ถังหลี่ไม่รู้ว่าหลูหลิงอาศัยอยู่ที่ไหน แต่นางรู้ว่าจะหาเขาได้ที่ไหน? จูเซียนจู นั่นเอง …
ถังหลี่ไปที่ร้านอาหารจูเซียนจู หลังจากนั้นไม่นานนางก็เห็นหลูหลิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสมุดบันทึกในมือด้วยท่าทางเป็นเอกลักษณ์
“หลูหลิง!” ถังหลี่เรียกเขา
เมื่อเห็นนาง เขารีบตรงเข้ามาหาทันที
“ฮูหยินเว่ย”
“เจ้านั่งก่อน”
ถังหลี่ชี้ไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที ในตอนนั้นเองความคิดหนึ่งก็ผลุดขึ้นมาในใจของหลูหลิง
“ฮูหยินเว่ย นี่ท่านคงไม่ได้รอข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
“ข้ากำลังรอเจ้าอยู่”
“ท่านมีธุระกับข้าหรือ?” หลูหลิงมีท่าทีอยากรู้อยากเห็น
“ข้าต้องการคุยเรื่องการค้าขายกับเจ้า” ถังหลี่กล่าว
การค้า…เงิน?
หลูหลิงรักเงินมาก ดวงตาของเขาสว่างวาบทันทีเมื่อได้ยินถึงมัน
“การค้าอะไรหรือ?” หลูหลิงถามอย่างกังวล
“ข้าอยากสร้างเครือข่ายข่าว รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และขายมัน เหมือนที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลูหลิงตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนเขาเคยพูดเอาไว้ว่า อยากทำกิจการเกี่ยวกับการขายข้อมูล แต่ถูกครอบครัวดูแคลนและห้ามปราม พวกเขาคิดว่าหลูหลิงเป็นบ้า ใครจะไปหาเงินจากการขายข้อมูลได้?
แม้ว่าในตอนหลังหลูหลิงจะทำงานและหาเงินจากมันได้ แต่ครอบครัวของเขากลับมองว่ามันช่างไร้ค่า แทนที่จะตั้งใจเรียนแต่กลับออกมาเที่ยวทำเรื่องพรรค์นี้ หลูหลิงไม่คาดคิดว่ามีคนที่คิดแบบเดียวกับเขา!
ถังหลี่พูดถึงความคิดของนางเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายข้อมูลและวิธีขาย
“เราต้องรวบรวมข่าวและข้อมูล จัดพวกมันให้เป็นระเบียบแล้วค่อยขาย สามขั้นตอนนี้คือปัจจัยหลัก”
หลูหลิงพยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นนั้น
“อันที่จริงแล้วสิ่งที่ยากที่สุดคือขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล” หลูหลิงพูด
“แต่ว่าข้าเองก็รู้จักแหล่งข่าวอีกทั้งข้าคิดว่าตัวข้าเหมาะกับงานนี้เช่นกัน”
ถังหลี่พยักหน้า เด็กคนนี้เข้าใจประเด็นสำคัญแล้ว
“งั้นเรามาร่วมมือกันเถอะ ข้าจะหาร้าน คิดแผนงาน พวกเรามาคุยกันเรื่องนี้” ถังหลี่พูด
เมื่อก่อนเขาคิดว่ามันคือเรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้หลูหลิงมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว! หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากร้านจูเซียนจู ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข
เมื่อถังหลี่กลับถึงบ้านก็เจอกับตู้ชิงหยูอย่างไม่ตั้งใจ
“เสี่ยวหลี่ เจ้าหายไปไหนมา เหตุใดไม่พาข้าไปด้วย?” ตู้ชิงหยูพูดอย่างน้อยใจ
“ข้าไปหาวิธีทำเงินมาน่ะสิ”
“อ้อ! เสี่ยวหลี่กำลังจะหาเงินมาเลี้ยงข้าสินะ” ตู้ชิงหยูพูดอย่างน่าไม่อาย
อยากรู้จริง ๆ ว่าที่แท้นางเป็นคนอย่างไรกันแน่? ถังหลี่กลอกตามองท้องฟ้า
“เสี่ยวหลี่ เจ้าจะทำอะไรหรือ?” ตู้ชิงหยูสะกิดแขนนาง
ถังหลี่อธิบายแผนการณ์ให้ฟัง ดวงตาของตู้ชิงหยูเต็มไปด้วยความชื่นชม เสี่ยวหลี่ของนางไม่ธรรมดาจริงๆ!
เมื่อเครือข่ายข่าวสารถูกสร้างขึ้นจะเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากพอที่จะครอบคลุมกิจการทุกอย่างบนแผ่นดินนี้ ยามที่นางมองถังหลี่ ตู้ชิงหยูคิดว่าเสี่ยวหลี่นั้นไม่ได้ทำเพื่อหาเงิน นางมีเป้าหมายที่สำคัญมากกว่านี้ นางมีความทะเยอทะยานมากกว่าที่เห็น…ยากที่จะมองให้ทะลุปรุโปร่งได้ แต่กลับดูน่าสนใจอยากค้นหา
“เสี่ยวหลี่เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” ตู้ชิงหยูกล่าว
“เรื่องอะไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
“งานฝีมือเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ หากได้มืออาชีพทำก็จะประสบความสำเร็จเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” ตู้ชิงหยูกล่าว
แน่นอนว่าถังหลี่รู้ดีว่าการเดินทีละก้าวนั้นยากแค่ไหน… แต่นางหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ หากนางได้ก้าวเดินย่อมมีทางออก ย่อมมีหนทางที่จะเผชิญหน้ากับกู้อิ๋นได้ในวันข้างหน้า
“ชิงหยูเจ้ามีคนที่เหมาะกับงานนี้ไหม?” ถังหลี่ถามอย่างไม่แน่ใจ
นางรู้สึกว่าตู้ชิงหยูมีความหยั่งรู้และซ่อนความลับไว้มากมาย ตู้ชิงหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“มีคนอยู่ผู้หนึ่ง”
ถังหลี่ประหลาดใจ จริงหรือ? ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางมีความเชื่อใจตัวตู้ชิงหยูเสมอ รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดออกมานั้นคือความจริง!
“ใช่ ข้าจะเขียนจดหมายถึงเขา แต่เขาจะยอมติดตามเจ้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง” ตู้ชิงหยูกล่าว
ดวงตาของถังหลี่เป็นประกาย
“ขอบคุณนะชิงหยู”
“ขอรางวัลให้ข้าหน่อย!” ตู้ชิงหยูเอียงแก้ม
“อย่าเหลวไหล! ข้าจะทำอาหารอร่อย ๆ ขอบคุณเจ้าภายหลัง!”
ถังหลี่พูด ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้าน ตู้ชิงหยูมองตามพร้อมคลี่ยิ้มออกมา
“นายท่าน ท่านไม่ได้มาหาศิษย์ที่มีพรสวรรค์หรือ?” เฉียนซานเดินออกมาจากที่ไหนไม่มีใครรู้ เขาถามด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งคือเด็กที่มีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก ข้ากำลังตรวจสอบพวกเขาอยู่” ตู้ชิงหยูกล่าว
ตรวจสอบ? แล้วไม่ควรไปตามเด็กสองคนนั่นหรือ? จะเดินตามหลังแม่ของเด็กด้วยเหตุใด? หรือลืมไปแล้วว่าควรทำเช่นไร?
ใบหน้าของเฉียนซานเรียบนิ่งแต่ในใจของเขากำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างดุเดือด ตู้ชิงหยูมองไปที่เขารับรู้ได้ทันทีว่าเฉียนซานต้องกำลังบ่นนางในใจอย่างแน่นอน นางจึงพูดขึ้น
“แล้วเหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่? เจ้าไม่ฉลาดเท่าว่านสุ่ยด้วยซ้ำ ไปทำงานของเจ้าไป!”
“ขอรับ” เฉียนซานหายไปราวกับผี
….
ถังหลี่ไม่ได้ลงมือทำอาหารมานานแล้ว แต่เนื่องจากนางสัญญากับตู้ชิงหยูเอาไว้จึงสวมผ้ากันเปื้อนเข้าครัว หญิงสาวขอให้ป้าจ้าวมาเป็นลูกมือ เมื่อซานเป่ารู้ว่ามารดากำลังจะทำอาหาร นางดีใจมาก
“น้องสาว เจ้าชอบอาหารฝีมือท่านแม่ของเจ้าหรือ?” ตู้เสี่ยวไป่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กชายเดินตามซานเป่าไม่ห่าง
“ใช่แล้วท่านแม่ทำอร่อยมาก เวลาท่านแม่เข้าครัวข้ากินข้าวได้ถึงสองชามเลย!” ซานเป่าคิดถึงอาหารที่มารดาทำ น้ำลายของนางแทบไหลออกมา
ใบหน้าอวบอ้วนของตู้เสี่ยวไป๋มีท่าทีครุ่นคิด
ตอนนี้ถังหลี่กำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา นางพบกับลูกบอลกลม ๆ ที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุมครัว
เขาจ้องมองถังหลี่ด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะเรียนรู้วิธีทำอาหารให้น้องสาวของเขากิน ! ทว่า สายตาของเขากลับถูกดึงดูดด้วยอาหาร
“หิวไหม?” ถังหลี่ถาม
ตู้เสี่ยวไป๋ลูบท้องของตนเองแล้วพยักหน้า
เด็กชายตัวเล็ก ๆ นี่ช่างน่ารักจริง ๆ แม้กระทั่งนิสัยก็เป็นจอมตะกละตัวน้อยอย่างซานเป่าไม่ผิด ราวกับเป็นฝาแผดกันจริง ๆ!
ถังหลี่นำผลไม้ทอดออกจากระทะแล้วส่งให้แก่เขา กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก เขาจ้องมองพร้อมกับกลืนน้ำลาย หลังจากคิดอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจวิ่งออกไปหาซานเป่าพร้อมขนมในมือ
“น้องสาว กินสิ”
ซานเป่ามีความสุขมากเมื่อได้เห็นผลไม้พวกนี้
“เรียกข้าว่าพี่ชายก่อน” ตู้เสี่ยวไป๋ยกมือให้สูงขึ้น
“พี่ชาย”
เจ้าเด็กอ้วนหน้าแดงด้วยความดีใจ ก่อนจะยื่นผลไม้ให้แก่ซานเป่า เพียงแค่ดูน้องสาวกิน เขาก็มีความสุขแล้ว