บทที่ 258 การรักษาเจียงเฉิงเป่า
ถังหลี่เข้าไปในห้องเพียงคนเดียวเพื่อที่จะพูดคุยกับเจียงเฉิงเป่า นางใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดกับเด็กหนุ่มไปมากมาย แต่เขาเอาแต่ซุกตัวอยู่ที่มุมห้องไม่ตอบสนองคำพูดของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
เขาปฏิเสธที่จะสื่อสารกับโลกภายนอก
ตอนนี้พลังปีศาจในตัวของถังหลี่ฟื้นขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้นางสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของเจียงเฉิงเป่าในช่วงสองวันที่ผ่านมา
หญิงสาวสัมผัสถึงอารมณ์ด้านลบจากเด็กหนุ่ม เขาทั้งโศกเศร้า ดูถูกตัวเอง โกรธ อารมณ์สับสนปนเปกันไปหมด
หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ดูท่าจะไม่ดีแน่
ถังหลี่ไม่ใช่นักจิตวิทยามืออาชีพ นางไม่สามารถให้คำปรึกษาทางจิตได้ แต่… นางร่ายมนต์ได้
ถังหลี่มองออกไปที่นอกประตูก่อนจะใช้มนต์อำพรางเพื่อไม่ให้ฮูหยินมู่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง หญิงสาวเดินไปหาเจียงเฉิงเป่าก่อนจะยื่นมือออกไปวางที่บริเวณหน้าผากของเขา แสงสีเขียวโอบล้อมรอบตัวของเจียงเฉิงเป่าไว้ ไม่นานนักอารมณ์ด้านลบภายในใจของเขาก็จางหายไป
หญิงสาวดึงมือออก ตอนนี้อารมณ์ดูถูกตัวเอง ขี้ขลาดและภาวะซึมเศร้าได้จางหายไปบ้างแล้ว
“เฉิงเป่า เจ้าเป็นเด็กดี ยามที่เจ้ารังแกเพื่อนจึงได้รู้สึกผิดและเศร้าเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
เจียงเฉิงเป่ามองถังหลี่ เขาคิดว่านางเป็นคนอ่อนโยน ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้น เจียงเฉิงเป่าลดการป้องกันตนเองลง เขายอมพูดคุยกับนาง
“ข้ารู้สึกผิดมาก ข้าไม่อยากทำ แต่ฉีเหยาเหวินเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า ตอนที่คนอื่น ๆ พากันดูถูกและไม่ชอบข้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่เต็มใจจะพูดคุย ข้าไม่อยากเสียเพื่อนเช่นเขาไป…”
“เพื่อนที่ตามใจเพื่อนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งผิดไม่ถูกต้อง เพื่อนเช่นนี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นมิตรแท้ เจ้าเพียงแค่เปลี่ยนแปลงตัวเองและคบผู้คนที่ความคิดเหมือนกับเจ้า เจ้าก็จะมีเพื่อนแท้ได้”
“ฉีเหยาเหวินขอให้เจ้าแกล้งเพื่อนร่วมชั้นหรือ?” ถังหลี่ถาม
เจียงเฉิงเป่าลังเลก่อนจะพยักหน้า ถังหลี่ไม่รู้ว่าฉีเหยาเหวินคือใคร แต่ที่แน่ ๆ คนผู้นี้ไม่ใช่เพื่อนที่ดีอย่างแน่นอน
“คนที่มีจิตใจชั่วร้ายเช่นเขา ไม่มีค่าพอให้เจ้าผูกมิตรคบเป็นเพื่อนด้วยหรอก”ถังหลี่กล่าว
“ใช่เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี ข้าขอโทษ…” เจียงเฉิงเป่าพยักหน้า
“ขอโทษคนที่ถูกเจ้ารังแกหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ขอโทษ…ข้าขอโทษ..” เจียงเฉิงเป่ากุมหัวตัวเองและพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“หากเจ้าอยากขอโทษ ก็ไปขอโทษเขาต่อหน้าจะดีไหม?” น้ำเสียงของถังหลี่อ่อนโยน นางพยายามที่จะโน้มเน้าใจเขา
“ตกลงขอรับ” เด็กอ้วนพยักหน้า
“เฉิงเป่าในเมื่อเจ้ายอมรับข้อผิดพลาดและแก้ไขตนเอง เจ้าย่อมเป็นเด็กดีเช่นกัน”
เขาเป็น…เด็กดีหรือ?
ตั้งแต่เขายังเล็ก บิดามักจะดุด่าเขาเสมอ อาจารย์ก็บอกว่าเขาโง่ ไม่เคยมีใครชมเชยเขาเลยแม้แต่คนเดียว ไม่มีแม้แต่ใครจะมาบอกว่าเขาเป็นเด็กดีด้วยซ้ำ เจียงเฉิงเป่ามองไปยังถังหลี่ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้น
“พวกเรามาคุยกันเถอะ”
เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย ทั้งสองคนนั่งเก้าอี้หันหน้าเข้าหากัน ตอนนี้เจียงเฉิงเป่าไม่ได้นั่งก้มหน้าอีกต่อไป กำแพงที่อยู่ในใจกั้นเขาไว้จากผู้คนได้พังทลายลงจนหมด
“คนที่ดูถูกผู้อื่นไม่สมควรจะเป็นเพื่อนด้วย เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจคนเหล่านั้นเลย” ถังหลี่พูดกับเขาอย่างเปิดเผย
“คนที่เข้าใจเขาจะเห็นคุณค่าของเจ้า และอยากเป็นเพื่อนกับเจ้าเอง”
เจียงเฉิงเป่าได้ฟังก็พยักหน้า
เขาแค่รู้สึกว่าฉีเหยาเหวินคือคนเดียวในสำนักที่ยิ้มให้เขา ทำให้เขาอยากรักษาความเป็นเพื่อนกับคนผู้นี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาคิดมาตลอดว่าคนผู้นั้นเห็นเขาเป็นดั่งสหายจริง ๆ แต่จริง ๆ แล้วฉีเหยาเหวินไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเขา ทั้งยังหลอกใช้เขาอยู่ตลอดเวลา เป็นเจียงเฉิงเป่าที่เอาแต่หลอกตัวเองแบบนั้น
เจียงเฉิงเป่ารู้สึกตัวเขามองต่างออกไปจากเดิม
“เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับพ่อของเจ้า?” ถังหลี่ยังคงถามต่อ
ถังหลี่ตั้งใจเอาไว้สองอย่างคือหนึ่ง ชี้แนะเส้นทางที่ถูกต้องให้แก่เจียงเฉิงเป่า และ อีกประการหนึ่งคือลดกำแพงความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตรชาย เพื่อตอบแทนสิ่งที่นายท่านเจียงเคยมอบความเมตตาให้แก่นาง
“ท่านพ่อ…ไม่ชอบข้า” เจียงเฉิงเป่าพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ตั้งแต่ยังเล็กท่านตั้งความหวังกับข้าไว้สูง อยากให้ข้าเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียง แต่คนโง่อย่างข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน ต่อให้ข้าพยายามอย่าหนัก สอบเซี่ยนชื่อถึงห้ารอบ อดหลับอดนอนอ่านตำรา แต่ข้ายังสอบไม่ผ่าน..”
“เป็นเรื่องจริงที่ท่านพ่อใช้ความสัมพันธ์ของเขาเพื่อที่จะให้ข้าได้เรียนที่สำนักศึกษา แต่ตัวข้าไม่ได้มีต้องการแบบนั้นเลย..”
“ท่านพ่อยุ่งอยู่กับกิจการร้านค้าของเขาทั้งวันไม่สนใจข้า ยามที่ข้าโดนรังแก เขากลับว่าเป็นความผิดของตัวข้าเอง”
“ไม่ว่าข้าจะทำอะไรมันก็ผิดไปหมดในสายตาของเขา ข้าเป็นแค่ขยะ ไม่มีใครชอบข้า..”
อารมณ์ของเจียงเฉิงเป่าสับสนปั่นป่วน เขาเอามือปิดหน้าร้องไห้ออกมา
ถังหลี่พอจะเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเจียงเฉิงเป่าจึงเป็นเช่นนี้ พ่อแม่โดยส่วนใหญ่มักตั้งความหวังในตัวบุตรหลานสูงมากเกินไปจนกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่กดทับเด็กเอาไว้ พอเขาทำไม่ได้ตามที่คาดหวังก็ทุบทำลายเสีย โดยหารู้ไม่ว่าตนเองได้สร้างความเสียหายให้กับจิตใจของเด็ก ๆ มากเพียงใด เด็กเริ่มสูญเสียความมั่นใจ ต้องอยู่ภายใต้แรงกดทับมหาศาลเป็นเวลานาน จนทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย เมื่อมีคนมาพูดดีกับเขา หยอดคำหวานให้เขา เขาจึงถูกล่อลวงชักจูงไปในทางที่ผิดได้อย่างง่ายดาย เจียงเฉิงเป่าเป็นเด็กที่น่าสงสาร
ฮูหยินมู่ยืนฟังอยู่ข้างนอก นางไม่คิดว่าหลานชายที่เป็นเด็กเงียบ ๆ เก็บตัว จะกล้าเปิดเผยความในใจต่อหน้าถังหลี่เช่นนี้
เสี่ยวถังของนางทำได้จริง ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ถึงความในใจของหลานชายว่ามีเรื่องราวซุกซ่อนอยู่มากเพียงใด?
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเศร้า ฮูหยินมู่อดรนทนไม่ไหว นางเดินเข้าไปในห้องนอนของเฉิงเป่าทันที!
“เฉิงเป่า เจ้าสบายใจเถอะ บิดาของเจ้ายังสับสนอยู่! อาจะไปพูดกับบิดาของเจ้าเอง สมัยที่เขาเรียนหนังสือ เขาก็โง่เหมือนหมูเช่นกัน ท่านปู่ท่านย่าของเจ้าก็ไล่ตีเขา เขาเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังข้าเสียด้วยซ้ำ ! เจ้าฉลาดกว่าบิดาของเจ้ามาก อย่าให้เขากดดันเจ้าเช่นนี้!” ฮูหยินมู่พูดเสียงดัง
“เฉิงเป่า เจ้าไม่ต้องกลัวไป อาจะไปต่อว่าเขาให้เจ้าเอง!”
ฮูหยินมู่จับมือเจียงเฉิงเป่า เขามองใบหน้าของท่านอา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้า ฮูหยินมู่หมดความอดทน นางพาเฉิงเป่าไปหาพี่ชายตัวเองทันที ในตอนนั้นนายท่านเจียงเพิ่งผวาตื่นขึ้นมา เหงื่อออกท่วมตัว ท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากฝันร้าย
เขาฝันว่าเฉิงเป่ากระโดดลงไปในแม่น้ำ ตัวเขาเองลงไปงมหาลูกชายหากสุดท้ายได้มาแต่ความว่างเปล่า….
เขาทั้งตื่นตระหนกและสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าหาเขา
“เฉิงเป่า เฉิงเป่า!” นายท่านเจียงตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบพร่า เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นว่าบุตรชายนั้นยืนอยู่ในห้องอย่างปลอดภัย
“เฉิงเป่า…” นายท่านเจียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่เป็นแค่ความฝัน
ถึงแม้ฮูหยินมู่ตั้งใจที่จะมาต่อว่าพี่ชายของตยถึงเรื่องหลานชายก็ตามที แต่เมื่อเห็นสภาพของพี่ชายแล้วนางจึงเกิดใจอ่อนขึ้นมา
“ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
“ข้าไม่เป็นไร” นายท่านเจียงส่ายศีรษะ แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่เฉิงเป่า เด็กหนุ่มก้มหน้าพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังท่านอาหญิงของตน
“ท่านพี่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เรามาคุยเรื่องเฉิงเป่ากันเถอะ”
ฮูหยินมู่รู้สึกลังเลที่จะคุยเรื่องนี้ต่อหน้าหลานชายโดยตรง ถังหลี่เห็นดังนั้นจึงพาเด็กชายออกไปจากห้องเพื่อสองพี่น้องจะได้พูดจาสะดวกขึ้น
“ท่านพี่ เสี่ยวถังบอกข้าว่าเฉิงเป่ากำลังป่วย แต่ไม่ใช่โรคทางกายแต่เป็นโรคที่เกิดจากใจที่เป็นทุกข์สะสมมานาน เป็นเพราะท่านกดดันเขามากเกินไป”
ฮูหยินมู่เกริ่นในสิ่งที่ได้รับฟังมาจากถังหลี่
“ท่านพี่ ท่านจะดุด่าว่ากล่าวบุตรชายแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ หลานจะทุกข์ใจอาจจะทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันตามมาก็เป็นได้ พี่ลองคิดถึงว่าหากเป็นตัวท่านบ้างเล่า ท่านจะทำอย่างไร?”
จะทำอย่างไรหรือ..
นายท่านเจียงคิดถึงความฝันเมื่อครู่ ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว
“น้องเล็ก…ข้าผิดไปแล้ว ตราบใดที่เฉิงเป่ายังสบายดี ข้าจะไม่บังคับเขาอีก”
“ดีแล้ว ท่านพี่กับเฉิงเป่าควรจะหันหน้าคุยกันเสีย”
ฮูหยินมู่เรียกเจียงเฉิงเป่าเข้ามาในห้อง
นายท่านเจียงมองบุตรชายอย่างไม่วางตา ราวกับว่าหากกะพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียวบุตรชายจะหายไป เมื่อนึกถึงคำพูดของถังหลี่ เจียงเฉิงเป่าจึงขยับริมฝีปากกล่าวว่า
“ท่านพ่อ…ข้าขอโทษ”
แม่นางถังบอกว่าท่านพ่อโกรธมากจนล้มป่วย เขาเองก็มีส่วนผิดต่อเรื่องนี้ ดังนั้นเฉิงเป่าจึงเอ่ยปากขอโทษก่อน