บทที่ 406 : ปกป้องในแบบของเขา (1)
บนท้องฟ้าเมฆดำแผ่ปกคลุมไปทั่วกระทั่งมืดครึ้ม
ตี้คังยืนเอามือไพล่หลังเรือนผมสีเงินของเขาช่างเปี่ยมเสน่ห์ นัยน์ตาที่หยิ่งยโสของเขาค่อย ๆ ละจากไป๋หยานไปมองบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษ
”องค์ราชา”
หยาดเหงื่อเย็นๆ ไหลอาบแผ่นหลังของบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษ เขากัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “หญิงผู้นี้โหดร้าย ทั้งยังใจดำมาก นางเลาะเกล็ดของหลวนเอ๋อ ! หากนางได้เข้าสู่แดนอสูรของเรา ย่อมไม่ต่างจากต้องสาป ข้าต้องการกำจัดหญิงมนุษย์ผู้นี้ เพียงเพื่อความสงบสุขของแดนอสูร ส่วนองค์หญิง และองค์ชายน้อย ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายพวกเขา
เขาเชื่อว่าตนเองไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด
แม้แต่ผู้อาวุโสของแดนอสูรก็ยังต้องอยู่ข้างเดียวกับเขา
ทันใดนั้นเองบุรุษผู้อยู่บนท้องฟ้าก็มองลงมาด้วยสายตาเย่อหยิ่ง ยิ่งตี้คังเลิกคิ้ว ก็ยิ่งดูราวกับว่าเขากำลังครอบงำโลกทั้งใบ
“เป็นเพียงแค่เผ่าอสรพิษเผ่าเล็กๆ จะเป็นได้ก็แค่บ่าวรับใช้ของราชินีข้า อย่าว่าแต่เลาะเกล็ดเลย ต่อให้ข้าจับพวกเจ้าทั้งเผ่าใส่รวมหม้อเดียวเคี่ยวซุปงูก็หาใช่เรื่องยากเย็นไม่”
บรรพบุรุษเฒ่าของเผ่าอสรพิษตกตะลึงสีหน้าเสีย เขาไม่อยากเชื่อสายตาชราภาพของตนเอง ที่สุดก็ทำได้เพียงยืนตัวสั่นเทา
จะเป็นไปได้อย่างไร?
องค์ราชาจะปกป้องมนุษย์นางนี้ได้อย่างไร? หรือเพียงเพราะมนุษย์นางนี้เป็นมารดาขององค์ชายน้อย ?
ความรู้สึกอิจฉาทั้งไม่พึงใจทำให้หัวใจของบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษไม่เป็นสุข
แท้จริงแล้วเหตุที่เขาเกลียดไป๋หยานมากก็คือนางให้กำเนิดโอรสแก่ตี้คัง ขอเพียงตี้คังไม่มีความรู้สึกพิเศษให้แก่นาง หากนางสิ้นใจเผ่าอสรพิษก็อาจจะได้ขยับฐานะขึ้น
หญิงชั้นสูงในแดนอสูรก็มีตั้งมากมายเหตุใดองค์ราชาจึงไม่ให้ความสนใจ ทว่ากลับมาสนใจมนุษย์หญิงราคาถูก ?
”ทว่าตอนนี้เผ่าอสรพิษไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นทาสของราชินีข้า”
ตี้คังหัวเราะเยาะอย่างดุดันเขาร่อนลงจากฟ้า จากนั้นก็วิ่งเข้าหาบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษอย่างว่องไว เพียงพริบตาเขาก็ดูดกลืนพลังของงูเฒ่าภายใต้สายตาหวาดกลัวของบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษ
”อ๊าค!”
ในแดนอสูร
ภายในหุบเขา
ชายชราผู้ซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่พลันส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นอย่างน่าสลดใจดวงตาของเขาแดงก่ำ อีกทั้งเหลือกลาน ร่างของเขาซึ่งแต่เดิมนั่งนิ่งราวกับภูเขาบัดนี้เริ่มทรุด
”องค์ราชาท่านอำมหิตมาก !”
ใบหน้าซีดๆ ของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คราวนี้ตี้คังไม่เพียงแต่ทำลายพลังของเขา ซ้ำยังทำร้ายเขาด้วย
”บรรพบุรุษ”
องครักษ์หลายคนที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยินเสียงร้องของชายชราพวกเขาต่างก็รีบผลักประตูเข้ามาทันที แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะจับจ้องมองชายชราผู้ซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจและตื่นตระหนก
บรรพบุรุษเผ่าอสรพิษหลับตาลงช้าๆ “ไปแจ้งท่านหัวหน้าเผ่า ครานี้เผ่าอสรพิษของเราได้ก่อหายนะครั้งใหญ่ นอกจากนี้เจ้าจงไปเรียก ชิงเซวี่ยมา ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกนาง … ”
”ขอรับท่านปู่”
องครักษ์งูป้องหมัดก่อนจะหันหลังกลับออกไป
หลังจากที่องครักษ์ทั้งหมดออกไปจากห้องแล้วบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษก็ลืมตาขึ้น จากความเจ็บปวดทางกายส่งผลให้ใบหน้าของเขาแลดูดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
”ชิงหลวนนังคนโง่ หากมิใช่เป็นเพราะเจ้า ความหายนะครั้งนี้ก็คงจะไม่เกิด ข้าเกรงว่าเผ่าอสรพิษของพวกเราจะต้องรับกรรมใหญ่หลวงจากภัยพิบัติครั้งนี้ !
ยามนี้บรรพบุรุษเผ่าอสรพิษดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่า เขาเองเป็นผู้ที่ตั้งใจจะปลิดชีพไป๋หยาน ! หากเขาไม่สนใจคำพูดของชิงหลวน บางทีเผ่าอสรพิษอาจจะไม่ถูกทำลายล้างก็เป็นได้
ท้ายที่สุดเขากลับอ้างว่าเป็นความผิดของชิงหลวน
*****
บนหน้าผาแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ่านหมู่เมฆดำทะมึน ราวกับสาดแสงไฟส่องสว่างเป็นลำผ่านชั้นเมฆดำลงไปยังขอบหน้าผาสูงชัน
ตี้คังเหินลงมาจากฟ้าเรือนผมสีเงินของเขาสว่างไสว งดงาม ราวกับจะปลุกปั่นทุกดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงให้พลิกผัน
***จบบทปกป้องในแบบของเขา (1)***
บทที่ 407 : ปกป้องในแบบของเขา (2)
ชิงหลวนจ้องมองชายหนุ่มพลันความเจ็บปวดก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งหัวใจ
บุรุษผู้นี้ยังคงหยิ่งผยองอยู่เสมอทว่ายามนี้เขากลับเสมือนสายลมอุ่นซึ่งชิงหลวนไม่เคยพบเห็นมานานหลายปี
ทว่า…
ทันทีที่ตี้คังกวาดสายตาไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋นแรงกดดันของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
”ข้าขอให้เจ้าปกป้องหยานเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงปล่อยให้นางต้องเผชิญกับอันตรายแต่เพียงลำพัง ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นยืนเหวอไม่กล้ากล่าวคำใดเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่านางไร้ประโยชน์มากที่ไม่สามารถรับมือบรรพบุรุษเผ่าอสรพิษได้
”และเจ้า”หลังจากตี้คังดุตี้เสี่ยวอวิ๋นแล้ว เขาก็หันไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน “ในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าเป็นโอรสของข้า เมื่อใดก็ตามที่ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายมารดาของเจ้า หากนางต้องตกอยู่ในอันตราย เป็นหน้าที่เจ้าที่จะต้องปกป้องนาง ! ”
ทันทีที่ตี้คังปรากฏกายขึ้นแสงสีแดงเลือดในแววตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็จางหายไปเขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองตี้คัง นัยน์ตาที่งดงามของเขาส่องประกายดุดัน
”เฉินเอ๋อเข้าใจแล้ว วันหน้าเฉินเอ๋อจะปกป้องหม่ามี้ด้วยชีวิตของเฉินเอ๋อ”
เขาเป็นลูกผู้ชายต้องพร้อมต่อสู้ ไม่ให้ผู้ใดทำร้ายแม่ของเขาได้
”ตี้คัง”! เฉินเอ๋อยังเด็ก ! ”
ไป๋หยานอารมณ์เย็นลงเหลือเพียงความโกรธจาง ๆ บนใบหน้า
”เขาเป็นโอรสของข้าหาใช่เด็กธรรมดาไม่”ตี้คังเลิกคิ้ว “หน้าที่ของเขาก็คือปกป้องเกียรติของเจ้า หยานเอ๋อ…เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเฉินเอ๋อเจ้าก็สามารถพึ่งพาพวกเราได้”
หัวใจของไป๋หยานสั่นไหวจิตใจที่สงบสุขของนางไม่ต่างกับก้อนหินที่ถูกโยน มันกระเด้งกระดอนจนหวั่นไหว
ในชีวิตก่อนหน้าของนางนางไม่เคยไว้ใจผู้ใดเลย นางไว้ใจก็เพียงความแข็งแกร่งของตนเอง นางหลงใหลแต่การฝึกฝนจนละทิ้งหลายสิ่งมากมาย นั่นทำให้นางเสียใจจนถึงทุกวันนี้
ในชีวิตนี้จะมีใครสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้แก่นางได้จริงกระนั้นหรือ ?
ไม่!
นางยังเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตน
แม้ว่าตี้คังจะแตกต่างจากบิดาของนางในชาติภพก่อนหน้าเขาจะไม่ทอดทิ้งนาง ทว่าเขาก็ไม่อาจผูกตัวติดกับนางได้ตลอดเวลา ยิ่งฐานะของเฉินเอ๋อด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างอันตรายเฉกเช่นที่นางต้องพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
”ตี้คัง”ไป๋หยานจ้องมองตี้คัง รอยยิ้มเยาะปรากฏบนริมฝีปากของนาง “อย่าลืมสิว่า เรื่องในวันนี้เป็นเพราะท่าน ! ข้าสามารถเผชิญหน้ากับอันตรายได้ทุกเรื่อง ทว่าข้าจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดทำร้ายเฉินเอ๋อของข้า ! ”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าไป๋เสี่ยวเฉินเป็นจักรวาลของไป๋หยาน
นางยอมเจ็บตัวยอมฟกช้ำ ดีกว่าจะเห็นเส้นผมของไป๋เสี่ยวเฉินหลุดร่วงลงมาแม้เพียงสักเส้น
”เสด็จพี่”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นก็รีบก้าวออกมา พลางจ้องมองชิงหลวนอย่างกระตือรือร้น
”หญิงผู้นี้เพิ่งลักพาตัวหวังเสี่ยวผางเพื่อบีบบังคับให้ไป๋เสี่ยวเฉินที่น่าสงสารของเรากินยาพิษ นอกจากนี้นางยังต้องการให้ไป๋รั่วแสร้งเป็นสตรีที่มีความสัมพันธ์กับพี่แทน ! หากมิใช่ว่าคนที่กินเป็นเฉินเอ๋อ ข้าเกรงว่าพี่จะไม่ได้เห็นหน้าไป๋เสี่ยวเฉินอีกเป็นแน่ เสด็จพี่”
ชิงหลวนนังคนนี้ช่างโง่จริงๆ เฉินเอ๋อจะยอมจำนนด้วยยาพิษได้อย่างไร ? คนอย่างเฉินเอ๋อจะต้องสู้จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง ! เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมผู้ใดง่าย ๆ เพียงเพราะถูกวางยา
สายตาที่มืดมนของตี้คังกวาดไปที่ชิงหลวนกลิ่นอายสังหารของเขาครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า
”อั้ก…”
ชิงหลวนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งจิตวิญญาณของนางอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ดูราวกับจะสลายไปได้ทุกเวลา
”ข้าใช้วิญญาณตนเองเพื่อเรียกบรรพบุรุษออกมา”
เช่นนั้นวิญญาณของนางจึงสามารถดับสลายได้ทุกเวลา
ความอำมหิตของราชาอสูรย่อมไม่ส่งผลใดกับนาง
ชิงหลวนจ้องมองไป๋หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาไม่ต่างจากเพลิงที่ลุกโชติช่วง
***จบบทปกป้องในแบบของเขา (2)***
บทที่ 408 : ปกป้องในแบบของเขา (3)
เมื่อครู่… เพียงเพื่อหญิงมนุษย์นางนี้ ฝ่าบาทถึงกับดุองค์หญิง และองค์ชายน้อยงั้นรึ ? ทั้งยังสั่งองค์ชายน้อยให้ติดตามปกป้องหญิงมนุษย์ผู้นี้อีกด้วย ?
เหตุใดหญิงคนหนึ่งถึงได้รับเกียรติเช่นนี้?
”หยานเอ๋อ”ตี้คังถอนสายตา พร้อมกับปล่อยร่างของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน “เรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง หากเจ้าอยากตำหนิหรือทุบตีข้า เจ้าก็ทำได้ ทว่าตอนนี้ข้าขอกำจัดนังอสรพิษนี่ให้เจ้าก่อน ”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทันทีที่ได้รับรายงานว่าไป๋เสี่ยวเฉินถูกชิงหลวนลักพาตัวมา ตี้คังทั้งเป็นทุกข์ ทั้งหวาดกลัวเพียงใด
เขาประจักษ์ชัดว่าไป๋เสี่ยวเฉินมีความหมายต่อไป๋หยานมากเพียงไร ? หากไป๋เสี่ยวเฉินได้รับอันตรายแม้เพียงเล็กน้อย ชั่วชีวิตนี้ไป๋หยานย่อมไม่มีวันให้อภัยเขาอีกเลย
ครั้นชิงหลวนได้ยินตี้คังเอ่ยออกมาเช่นนั้นก็ราวกับหัวใจของนางถูกกรีดกระทั่งเลือดไหลริน นางฟุบกายลงเบา ๆ ทั่วทั้งพื้นดินฉ่ำนองไปด้วยเลือด
หลังจากนั้น…
ตี้คังก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง
ด้วยสายตาคู่นั้นส่งผลให้ร่างของชิงหลวนสั่นเทา นางอยากจะกล่าวบางสิ่ง หากแต่ก็พบว่าไม่มีสุ้มเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากลำคอของนาง นางทำได้เพียงมองชายหนุ่มผู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลด้วยดวงตาสีเขียวที่เบิกกว้าง
ฟ้าว!
ชายหนุ่มยกมือขึ้นอย่างช้าๆ ชั่วขณะนั้นราวกับว่ามีพลังอันแข็งแกร่งดึงวิญญาณของชิงหลวนออกไป ร่างของนางบิดไปบิดมาด้วยความเจ็บปวด
ไม่…
ไม่!
ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงร้องภายในใจของนางภายใต้น้ำตาที่ไหลพราก วิญญาณของนางถูกพรากออกจากร่าง และลอยเข้าสู่มือใหญ่ทันที
”หากข้ายังไม่อนุญาตให้วิญญาณของเจ้าดับสลายวิญญาณของเจ้าก็ไม่มีวันที่จะดับสลายไปได้”
บูม!
หลังกล่าวจบเปลวไฟแห่งวิญญาณพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา ขณะเดียวกันนัยน์ตาของเขาก็จับจ้องอย่างโกรธเกรี้ยวไม่ต่างจากพยัคฆ์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินวิญญาณของงูสาวทุกเมื่อ
”อ้าปาก”
ตี้คังจ้องเสี่ยวมี่พร้อมกับกล่าวเบา ๆ
เสี่ยวมี่ตัวแข็งมันรีบอ้าปาก ชั่วขณะนั้นวิญญาณที่โอบล้อมด้วยเปลวเพลิงพลันลอยเข้าสู่ปากของมัน จากนั้นเสี่ยวมี่ก็กลืนลงไป
”นี่… นี่มันอะไรกัน ?” เสี่ยวมี่ เริ่มตกใจ
นี่มันกลืนวิญญาณนั่นเข้าไปแล้วเหรอ?
“เสี่ยวมี่เจ้าตะกละจริง ๆ แม้แต่วิญญาณของงูเขียวตัวนั้นเจ้าก็ยังกินลง” ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายศีรษะ “เจ้าไม่รังเกียจบ้างหรือ ?”
เสี่ยวมี่อยากจะร้องไห้มันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ก็บิดาของนายน้อยบอกให้ข้ากลืนมันลงไปไม่ใช่หรือ? แล้วข้าจะกล้าปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ไง ?
”เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรอย่างพวกเราจะพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วก็ต่อเมื่อได้กลืนกินดวงวิญญาณ”ตี้คังรั้งร่างของไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขนอีกครั้ง “เสือขาวน้อยตัวนี้ยังไม่โตเสียที นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยกลืนกินดวงวิญญาณ ข้าจึงช่วยให้เขาได้กินเปลวไฟวิญญาณของสัตว์อสูร ทว่าวิญญาณดวงนี้กว่าจะย่อยสลายหมดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน”
หมายความว่าดวงวิญญาณของชิงหลวนยังคงต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้สภาพไฟอสูรในท้องของเสี่ยวมี่ไปอีกเป็นเดือน
ตี้เสี่ยวอวิ๋นกลืนน้ำลายอย่างหนักเสด็จพี่ช่างอำมหิตเหลือเกิน
หากแต่นังงูสาวก็กล้าตำหนิท่านราชครูนี่ก็สมควรแล้ว !
เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ที่ยังคงประหลาดใจแล้ว เสี่ยวมี่กลับหลั่งน้ำตาออกมา มันมองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร ทีท่าของมันแลดูเศร้าโศกอย่างมาก
”ท่านราชาอสูรหมายความว่า… จากนี้ไปข้าจะต้องใช้ชีวิตโดยการกลืนกินดวงวิญญาณใช่หรือไม่ ? ข้าจะขอปฏิเสธได้ไหมอะ ?”
ตี้คังจ้องมองเสี่ยวมี่อย่างเฉยเมยพลางเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “เจ้ามีปัญหาใดกระนั้นหรือ ?”
”ข้า… ไม่ … ”
เสี่ยวมี่รีบปฏิเสธทันที
ตลกละผู้ใดจะกล้ามีความเห็นค้านราชาอสูรกันเล่า ? นั่นไม่ต่างจากรนหาเรื่องตาย ! แม้ว่าข้าจะเป็นถึงลูกหลานของสัตว์เทพ ทว่าข้าก็ไม่อาจยกตนเทียบราชาอสูรหรอก
***จบบทปกป้องในแบบของเขา (3)***
บทที่ 409 : สงสัยตี้คังจะกินยาผิด ? (1)
เสี่ยวมี่เจ็บปวดใจจนน้ำตาไหลพรากดูเหมือนมันจะกล่าวโทษตี้คังในความโหดร้ายของเขา
ตี้คังหันกลับมามองหวังเสี่ยวผางผู้ซึ่งยืนถัดจากไป๋หยานเขม็งแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พึงใจ
หวังเสี่ยวผางไม่ทันสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวของตี้คังที่เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าอ้วนกลมของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น แววตาของเขาเปล่งประกายแห่งความศรัทธา
”ท่านอาข้า…หวังเสี่ยวผาง เป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพี่เฉินเอ๋อ ท่านและพี่ไป๋หยานนั้นสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกจริง ๆ องค์ชายแห่งอาณาจักรหลิวฮั่วผู้นั้นจะเอาอะไรมาเทียบท่านได้ ?”
”พี่ไป๋หยานรึ?” ความเย็นชาของตี้คังจางหายไป เขามองไป๋หยานด้วยสายตาล้อเลียน พลันริมฝีปากของเขาก็เผยอขึ้น “เจ้าเรียกนางว่าพี่ เช่นนั้นข้าเล่า ?”
หวังเสี่ยวผางนั้นอยู่เป็นทันทีที่เขาได้ยินถ้อยคำดังกล่าว เขาก็รีบเอ่ยตอบออกมาทันทีว่า “พี่เขย”
”ใช่แล้ว”
แววตาของตี้คังแลดูผ่อนคลายลงเขาหยิบป้ายหยกออกมาจากสาบเสื้อก่อนจะโยนไปให้หวังเสี่ยวผาง พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
”ป้ายหยกนี้ถือเป็นของขวัญในการพบกันครั้งแรกของเราหากเจ้าทำลายป้ายหยก มันจะช่วยให้เจ้าสามารถควบคุมสัตว์อสูรภายในระยะร้อยลี้ได้เป็นเวลากว่าชั่วยาม (3 ชั่วโมง)”
”ขอบคุณมากท่านพี่เขย”
นัยน์ตาของหวังเสี่ยวผางสว่างไสวขึ้นทันทีเขารับป้ายหยกมาอย่างร้อนรน แล้วรีบซ่อนป้ายหยกนั้นไว้ในแขนเสื้อของเขาอย่างรวดเร็วราวกับเกรงว่าตนจะถูกปล้น
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินกลับดูไม่ได้เลยเมื่อหวังเสี่ยวผางเรียกบิดามารดาของเขาว่าพี่สาวและพี่เขย เช่นนั้นเขาล่ะจะอยู่ในฐานะใด ?
“เสด็จพี่ท่านกินยาผิดรึไม่ ?”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
พี่ชายของข้ามักทำตัวเย่อหยิ่งทั้งยังชอบข่มขู่ผู้อื่นเสมอ ทว่าเขากลับแสดงท่าทางใจดีกับหวังเสี่ยวผาง รวมถึงพี่สะใภ้กับเฉินเอ๋ออย่างที่ไม่เคยทำกับผู้ใดมาก่อน
แววตาที่อ่อนโยนของตี้คังพลันค่อย ๆ ดุขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนเขากำลังโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นหุบปากไม่กล่าวคำใดอีก
ตี้เสี่ยวอวิ๋นตั้งท่าเตรียมพร้อมจะเผชิญหน้ากับพายุอารมณ์นางรอคอยรับถ้อยตำหนิจากพี่ชาย
แววตาของนางเปลี่ยนเป็นมึนงงชั่วขณะเมื่อได้เห็นพี่ชายจอมเผด็จการของนางยังคงไว้ซึ่งใบหน้าอ่อนโยน
”เสี่ยวอวิ๋น”ตี้คังหัวเราะน้อย ๆ “ดาบโบราณของข้าที่เจ้าเคยอยากได้นั้น ไว้พวกเรากลับไปแดนอสูรแล้ว ข้าจะมอบให้แก่เจ้า”
เมื่อได้เผชิญหน้ากับตี้คังผู้อ่อนโยนแทนที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นจะปลื้มปริ่ม นางกลับหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
นางอดไม่ได้ที่จะกระถดตัวไปข้างๆ ไป๋หยานด้วยความหวาดกลัว
“พี่สะใภ้พี่ทำอะไรพี่ชายของข้า เหตุใดเขาถึงได้ผิดปกติมากมายถึงเพียงนี้ ?”
”ตี้เสี่ยวอวิ๋น!”
ตี้คังเกือบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่เขาขบฟันแน่นขณะเรียกชื่อของนาง
ทว่าครั้นเขาสังเกตเห็นนัยน์ตาของหญิงสาวผู้ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนใบหน้าของเขาพลันอ่อนโยนลงทันที นัยน์ตาเรียวคมเผยรอยยิ้ม
การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของตี้คังรวดเร็วยิ่งกว่าฟ้าเปลี่ยนสีเสียอีก
”หยานเอ๋อขอให้ข้าดูแลเจ้าให้ดีกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ข้าได้คิดแล้วว่า ข้าจะไม่เข้มงวดกับเจ้าเช่นเคยอีก”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นคล้ายจะร้องไห้
เคยเห็นใครที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนทว่ากลิ่นอายของเขายังคงไว้ซึ่งความรุนแรงหรือไม่ ?
คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับนางแล้วกระนั้นหรือ?
น่ากลัวกว่าเดิมล่ะไม่ว่า!
“พี่สะใภ้ช่วยให้พี่ชายของข้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่ ? ข้าไม่ต้องการให้เขาปฏิบัติดีต่อข้าเช่นนี้” นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นแดงก่ำ นางมองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร ทั้งยังกล่าวอย่างไม่สบายใจ
ไป๋หยานหันไปมองตี้คัง”ท่านเลิกทำให้นางกลัวจะได้หรือไม่ ?”
”ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
ตี้คังเริ่มหงุดหงิดเขาพยายามเชื่อคำไป๋หยาน ปฏิบัติต่อตี้เสี่ยวอวิ๋นดีขึ้น แต่ทว่าน้องสาวไร้สมองผู้นี้กลับกล้าบ่นเขาต่อหน้าไป๋หยาน !
***จบบทสงสัยตี้คังจะกินยาผิด ? (1)***
บทที่ 410 : สงสัยตี้คังจะกินยาผิด ? (2)
ตี้คังส่งสายตาเย็นชาเพื่อเป็นการเตือนตี้เสี่ยวอวิ๋นอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปมองสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนตน
”ข้าได้ยินมาว่าสตรีทุกคนในโลกชอบบุรุษอ่อนโยน หากเจ้าชอบ ข้าก็จะเป็นในแบบที่เจ้าชอบ”
หากเจ้าชอบข้าก็จะเป็นในแบบที่เจ้าชอบ
เจ้าชอบเช่นไรข้าก็จะเป็นเช่นนั้น
ถ้อยคำตรงไปตรงมานี้กระทบหัวใจของไป๋หยานอย่างแรงทำให้หัวใจอันสงบสุขของนางเกิดการปั่นป่วนและสับสน
ทว่า…
ในสมองของนางภาพทรงจำครั้งที่บิดาของนางปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือมารดาของนางพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้หัวใจของนางสั่นไหวอย่างไม่ทันตั้งตัว นิ้วมือของนางประสานแน่น กระทั่งฝ่ามือและปลายนิ้วของนางซีดขาว
ระหว่างข้ากับแดนอสูรหากให้เลือกท่านจะเลือกสิ่งใด ?
นางเกือบจะโพล่งถ้อยคำดังกล่าวหลุดออกจากปากทว่าที่สุดนางก็ทนเก็บกลั้นเอาไว้ได้
”แม่เหนื่อยแล้วเฉินเอ๋อกลับบ้านกันเถอะ”
”ดี”
ไป๋เสี่ยวเฉินเดินเข้าไปยืนข้างๆ ไป๋หยาน พลางจับมือของนางไว้อย่างว่าง่าย นัยน์ตากลมโตสว่างสดใสของเขาหันไปมองตี้คัง ก่อนจะขยิบตาให้
นั่นหมายถึงว่าจากนี้ไปเขาจะจัดการเอง !
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะลังเล ทว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนี้ หัวใจเล็ก ๆ ของเขาก็ได้เข้าใจบางเรื่อง
มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถปกป้องคนที่เรารักได้
”ไป๋เสี่ยวเฉินรอข้าด้วย”
ทันทีที่หวังเสี่ยวผางเห็นสองแม่ลูกกำลังจะจากไปเขาก็รีบวิ่งตามไปทันที ร่างอ้วนกลมของเขาไม่ต่างกับลูกบอลที่กำลังกลิ้งตรงไปข้างหน้า
”เสด็จพี่”ครั้นเห็นไป๋หยานจากไปแล้ว ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยิ้มให้ตี้คัง “พี่กับเฉินเอ๋อส่งสัญญานอะไรกันหรือ ?”
นัยน์ตาของตี้คังพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเคร่งขรึมขณะหันมามองตี้เสี่ยวอวิ๋น
”อย่าคิดว่าหยานเอ๋อช่วยปกป้องเจ้าแล้วข้าจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ ต่อไปหากเจ้ากล้าบ่นข้าต่อหน้าหยานเอ๋ออีก เจ้าก็เตรียมเก็บข้าวของของเจ้ากลับไปเป็นภรรยาของท่านราชครูเลย”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นหน้าซีดนางมองตี้คังอย่างน่าเวทนา “เสด็จพี่ ไม่เป็นการโหดร้ายไปหน่อยหรือ ?”
อย่างไรก็ตามขณะที่นางอ้าปากจะพูดนั้นแสงหลากสีอันงดงามก็เปล่งประกายขึ้น พลันตี้คังก็หายไปจากสายตาของนาง เขาไล่ติดตามผู้ที่จากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งนางให้ยืนท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ แต่เพียงลำพังอย่างน่าสมเพช
*****
ครั้นไป๋หยานกลับไปถึงบ้านตระกูลหลานนางก็ให้เสี่ยวมี่ช่วยดูแลไป๋เสี่ยวเฉิน ส่วนนางกลับเข้าห้องแต่เพียงลำพัง ช่วงเวลาที่ประตูกำลังจะถูกปิดนั้น ร่างของราชาอสูรพลันปรากฏ
บุรุษผู้นั้นเอนตัวลงบนเตียงเสื้อท่อนบนของเขาเผยอเปิดอย่างจงใจ แผงอกขาวบริสุทธิ์ล่อตาล่อใจ มุมปากยกเล็กน้อยก่อเกิดเสน่ห์เย้ายวนอย่างไร้ขอบเขต
”หยานเอ๋อตำหนักของข้ายังซ่อมไม่เสร็จ เจ้ารังเกียจหรือไม่ หากข้าจะขออยู่ด้วยสักสองสามวัน ?”
เรื่องอะไรเขาจะยอมพูดความจริงที่ไร้ประโยชน์เขาจะต้องใช้แผนเอาชนะใจสาวงามสิ ! เจ้าไม่สามารถพึ่งบุตรชายของเจ้าได้ทุกครั้งหรอกน่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้รับประสบการณ์จากชิงหลวนตี้คังก็มั่นใจยิ่งขึ้นกับความคิดที่จะนำไป๋หยานเข้าสู่แดนอสูร
เขาต้องการให้นางเป็นสตรีที่มีเกียรติสูงสุดในแดนอสูร
ไม่ให้ผู้ใดหาญกล้าแตะต้องนาง!
”อ๋องคังท่านคิดจะทำอะไร ?” ไป๋หยานกัดฟันเอ่ยถาม
ก่อนหน้าบุรุษผู้นี้ก็ได้เปลี่ยนท่าทีข่มขู่คุกคามซึ่งเขามักใช้เป็นปกติทว่าคาดไม่ถึงครานี้เขายังทำตัวไร้ยางอายพยายามใช้แผนการล่อลวงนางอีกงั้นรึ ?
ยามนี้หัวใจของนางยังคงหวั่นไหว ทั้งดูเหมือนจะหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป เมื่อในสายตาของนาง เขาช่างหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ และน่าหลงใหล
”ข้าต้องการทำอะไรหยานเอ๋อ เจ้าไม่รู้จริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงพลางยิ้มอย่างชั่วร้ายเขาก้าวช้า ๆ เข้าหาไป๋หยานบังคับผลักร่างของนางเข้ามุม
***จบบทสงสัยตี้คังจะกินยาผิด ? (2)***