บทที่ 271 เปิดร้านอาหาร
เถ้าแก่เนี้ยฮวาตัดสินใจอาศัยอยู่ที่เมืองเหอตงเป็นการถาวร นางและน้องชายพลัดพรากจากกันมานานหลายปี จึงเป็นธรรมดาที่จะอยากอยู่ใกล้ ๆ น้องชายของนาง
“ฮูหยิน แล้วข้าล่ะ?” เฉาจีพูดอย่างน่าสงสาร
“เจ้าจะไปไหนก็เรื่องของเจ้าสิ” เถ้าแก่เนี้ยฮวาทำเสียงในลำคอ แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วฮวาเฟิ่งเซี่ยก็ไม่ได้อยากแยกจากสามีของนางเช่นกัน เพียงแต่นางไม่อยากให้เฉาจีทิ้งโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นในเมืองฉินโจวเพื่อนาง
เถ้าแก่เนี้ยฮวาจึงวางแผนที่จะอยู่ในเมืองฉินโจวหนึ่งเดือนและมาอยู่ที่เมืองเหอตงอีกหนึ่งเดือนเพื่อที่จะดูแลคนทั้งสอง
เถ้าแก่เนี้ยฮวาเห็นสามีก้มหน้าครุ่นคิด นางตั้งใจจะปลอบใจเขาหากเฉาจีกลับเงยหน้าพูดขึ้นว่า
“เซี่ยเซี่ยข้าจะไปที่เมืองหลวงเพื่อแจ้งลาออกจากราชการกับท่านแม่ทัพ จากนั้นข้าจะหางานทำที่เมืองเหอตง”
เฉาจีกล่าว
เถ้าแก่เนี้ยฮวาตกตะลึง นางมองไปใบหน้าที่เรียบง่ายธรรมดาของเขา ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าเฉาจีนั้นหล่อเหลามาก คนผู้นี้เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อนาง
“เฉาจีเจ้าไม่ต้องลาออกจากราชการเพื่อข้าหรอก ข้าสามารถอยู่ที่ฉินโจวหนึ่งเดือนและเหอตงอีกหนึ่งเดือนได้…”เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว
เฉาจีกอดนางก่อนจะกดจูบที่ข้างแก้ม
“แต่ข้าอยากอยู่กับเจ้าตลอดเวลาเซี่ยเซี่ย”
เมื่อเทียบกับการทำงานในกองทัพแล้ว เขาชอบการที่จะได้อยู่กับเซี่ยเซี่ยของเขามากกว่า ได้ชมดอกไม้บานในฤดูดอกไม้ผลิ นั่งดูดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสงบสุข
เถ้าแก่เนี้ยฮวามองไปยังคิ้วที่ดูน่ารักของเฉาจี หัวใจของนางเต้นแรงมากจนอดไม่ได้ที่จะมอบจุมพิตให้แก่ชายหนุ่มเป็นการสงบสติอาการสั่นไหวในหัวใจ
เฉาจีและฮวาเฟิ่งเซี่ยหาซื้อบ้านในเมืองเหอตง เนื่องจากพวกเขาตัดสินใจว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ จึงไม่อยากจะรบกวนถังหลี่ไปตลอด เถ้าแก่เนี้ยฮวาสนใจบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของถังหลี่ แต่ตอนนี้ตู้ชิงหยูเป็นเจ้าของนางคงไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ เถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาบ้านหลังอื่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
หลังจากที่ซื้อบ้านแล้วทั้งสองก็เดินทางกลับไปยังเมืองฉินโจวด้วยกัน หญิงสาวต้องจัดการกับโรงเตี๊ยมในเมืองฉินโจวของนางก่อน ส่วนเฉาจีนั้นจะต้องสะสางภารกิจก่อนจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งรองแม่ทัพ
….
แม้ว่าตู้ชิงหยูจะไม่ได้รับการตอบรับจากคนที่มากความสามารถ ที่จะมาช่วยเครือข่ายข่าวกรองของถังหลี่ แต่หญิงสาวก็ยังเดินหน้าต่อไปได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากที่นางได้หารือกับหลูหลิงแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะเปิดร้านอาหารเพื่อบังหน้าเครือข่ายข้อมูลนี้ การทำแบบนี้นอกจะไม่เพียงบรรลุจุดประสงค์แล้ว ยังถือได้ว่าเป็นการขว้างหินครั้งเดียวได้นกถึงสองตัวอีกด้วย เมื่อร้านอาหารขยายเติบโตไป เครือข่ายข่าวกรองของนางก็จะแพร่กระจายออกไปด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถังหลี่หาทำเลที่ตั้งร้าน ส่วนหลูหลิงทำการคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้มาห้าคน คนเหล่านี้ถูกซื้อตัวมาจากนายหน้าค้าทาส บ้างก็มาจากกลุ่มขอทาน หลังจากที่คัดเลือกมาหลูหลิงจะพาไปให้ถังหลี่ดูตัวอีกครั้ง หญิงสาวรับผิดชอบในการจัดหาสถานที่ฝึก ส่วนหลูหลิงก็เป็นคนที่คอยอบรมงานให้พวกเขา ทั้งการหาข้อมูล รวบรวม และจัดระเบียบ หลูหลิงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นราวกับสูบฉีดด้วยเลือดไก่
แม้หลูหลิงจะทำงานหนักแต่ถังหลี่ก็ไม่ได้เกียจคร้านเช่นกัน
นางง่วนอยู่กับการตั้งชื่อและตกแต่งร้านอาหาร หลังจากครุ่นคิดมาหลายวัน ในที่สุดก็ตกลงใช้ชื่อว่า
‘ร้านอาหารหนิงเฟิง’ ที่มาจากชื่อจริงของซานเป่า ซึ่งเต็มไปด้วยความหรูหรา ผู้คนให้ความสำคัญกับการกินมากดังนั้นชื่อของร้านควรจะสง่างาม ในส่วนของการตกแต่งร้านถังหลี่เลือกแต่งแบบเรียบหรูสมกับคำว่า ‘หรูหรา’เหมือนชื่อของร้านนั่นเอง
ถังหลี่ตั้งใจจะผลักดันให้ร้านอาหารหนิงเฟิงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วหล้า นางจึงให้ความใส่ใจพิถีพิถันเพื่อให้เป็นต้นแบบของร้านที่จะขยายสาขาต่อไปในภายหน้า
หญิงสาววาดฝันเอาไว้ว่าร้านอาหารของนางจะเจริญรุ่งเรืองขยับขยายร้านออกไปรวมถึงเป็นแหล่งข้อมูลของข่าวสารที่มาจากทุก ๆ ที่อีกด้วย จินตนาการของนางสวยหรูจนอดที่จะมีความสุขไม่ได้
เมื่อร้านอาหารตกแต่งใกล้เสร็จ ถังหลี่จึงได้เปิดรับสมัครคนงาน
ร้านอาหารสาขาแรกนี้ต้องการพ่อครัวที่มีฝีมือจัดจ้านเก่งกาจ แม้ว่าจุดประสงค์หลักของการเปิดร้านจะเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร แต่ว่าทางด้านการค้าก็ไม่เลวเลย เพราะตราบใดที่กิจการดำเนินการไปได้ด้วยดี ไม่เพียงแต่จะทำเงินให้เท่านั้น ยังหมายถึงลูกค้าที่จะแห่กันเข้ามาอีกทั้งทำให้ง่ายต่อการหาข่าวอีกด้วย
หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่วันถังหลี่ก็ยังไม่ได้พ่อครัวที่ถูกใจ จนนางคิดเอาไว้ว่าหากสุดท้ายแล้วยังไม่สามารถหาคนได้ล่ะก็ นางคงต้องเข้าครัวเองก่อน
แต่วันนี้เมื่อถังหลี่อยู่ในร้านก็มีผู้ชายรูปร่างท้วมอายุประมาณสามสิบเดินเข้ามาในร้าน
“ขอโทษนะ ท่านต้องการพ่อครัวใช่หรือไม่?” ชายคนนั้นถามด้วยท่าทางประหม่า
ถังหลี่กวาดสายตามองดูอยางรวดเร็วก่อนที่จะยิ้มแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว”
“ให้ข้าลองได้หรือไม่?” เขาถาม “ข้ามีนามว่าหม่าเฉิง” เขาพูดกับถังหลี่อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ได้สิ ข้าอยากจะเห็นทักษะการใช้มีดของเจ้าพร้อมกับอาหารที่เจ้าถนัดสักจานหนึ่ง”
ถังหลี่กล่าว
ชายผู้นั้นเดินตามไปยังครัวด้านหลัง ในครัวนั้นสะอาดสะอ้านพร้อมกับมีวัตถุดิบขั้นพื้นฐานเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว
“เจ้าสามารถใช้ของที่นี่ได้เลย”
หม่าเฉิงพยักหน้าแต่เขาไม่ได้เริ่มลงมือทำอาหารในทันที เขาตรวจสอบส่วนผสมและเครื่องปรุงอยู่ในครัว หลังจากที่เรียนรู้ทุกอย่างแล้วจึงเริ่มทำอาหาร หม่าเฉิงไม่ได้ทำอาหารที่ซับซ้อนมากนัก เขาตัดสินใจทำผัดฟักทองหนึ่งจาน
หม่าเฉิงหยิบฟักทองออกมาล้างก่อนจะวางลงบนเขียงและหยิบมีด… ทันทีที่เขาหยิบมีดขึ้นมา ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ความเขินอายที่มีแต่เดิมหายไปเหลือเพียงความมีชีวิตชีวา ทักษะการใช้มีดของเขาทั้งละเอียดและประณีตมาก เขาหั่นฟักทองเป็นชิ้น ๆ และทุกชิ้นมีความหนาเท่า ๆ กัน
เขาลงมือก่อไฟในเตา เมื่อกระทะเริ่มร้อน หม่าเฉิงเทน้ำมันลงไป เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ เขาจึงใส่ฟักทองที่หั่นไว้ลงไป ไม่นานนักกลิ่นหอมก็โชยมาเตะจมูกถังหลี่ นางชิมไปหนึ่งคำ อาหารจานนี้แม้จะดูเรียบง่ายแต่หม่าเฉิงกลับทำออกมาได้กลมกล่อมมีรสชาติอร่อย
พ่อครัวที่เก่งกาจมักจะแสดงฝีมือจากจานอาหารง่าย ๆ
หลังจากถังหลี่ได้ชิมแล้ว หม่าเฉิงมองหญิงสาวอย่างประหม่ารอคำตัดสินจากปากของนาง
“ไม่เลว…” ถังหลี่พยักหน้า
หม่าเฉิงมีความสุขทันที
“เจ้าสามารถทำอาหารอะไรได้บ้าง?” ถังหลี่ถาม หม่าเฉิงตอบรายการที่เขาถนัดให้นางฟัง
“พรุ่งนี้มาที่นี่ ช่วยกันคิดรายการอาหาร ข้าเลือกเจ้าเป็นพ่อครัวของร้านนี้” ถังหลี่พูด นี่เป็นคนที่นางต้องการ!
หม่าเฉิงดวงตาเปล่งประกาย เยี่ยมมาก!
เขาขอบคุณถังหลี่เป็นพันครั้ง ก่อนจะจากไปเขาทำความสะอาดห้องครัวอย่างมีความสุข ช่างดีเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็ได้งานแล้ว! หม่าเฉิงจะรีบกลับไปบอกภรรยาและลูก ๆ ของเขา!
ถังหลี่รู้สึกโล่งใจมากที่ได้พบกับพ่อครัวที่นางพอใจ
หลังจากถังหลี่และหม่าเฉิงได้พูดคุยตัดสินใจเรื่องรายการอาหารที่จะขายเรียบร้อยดีแล้ว ร้านอาหารก็ได้เปิดทำการ
ในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อถังหลี่เดินทางไปถึงร้านก็เห็นหม่าเฉิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน หนวดเคราเกลี้ยงเกลาจัดแต่งผมเป็นทรง
หากถังหลี่ต้องการสร้างชื่อเสียงที่ดี สุขอนามัยของครัวด้านหลังจะต้องดีไปด้วย นางจึงค่อนข้างพอใจกับการเตรียมตัวมาอย่างดีของเขา ถังหลี่พาหม่าเฉิงเข้าร้านเพื่อเตรียมรายการอาหารด้วยกัน
สำหรับร้านอาหารนั้นสุราเป็นของจำเป็นและมีความสำคัญมาก ดังนั้นอาหารเรียกน้ำย่อยของร้านต้องมีความพิเศษ ถังหลี่เลือกรายการอาหารพิเศษสองสามอย่างอย่างเชี่ยวชาญ
“นายหญิงขอรับ ปลาแช่เหล้าสดนี่คืออาหารแบบไหนหรือ?” หม่าเฉิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เขาไม่เคยเห็นอาหารที่นายหญิงของเขาเขียนมาก่อนเลยสักจานเดียว เขาจึงมีความกังวลเกิดขึ้น
“ข้าจะสอนเจ้าภายหลังเอง” ถังหลี่กล่าว
หม่าเฉิงมองถังหลี่แอบประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดแต่เพียงว่านางเป็นสตรีที่มีความงดงามอ่อนโยน มีความเป็นกุลสตรี ทว่านางกลับเปิดร้านอาหารทำให้ผู้คนแปลกใจ และยากที่จะจินตนาการกับอาหารของนาง